ฟุตบอลลีกยุโรปเดินทางมาถึงช่วงโค้งสุดท้านกันแล้ว ซึ่งในแต่ประเทศก็กำลังจะได้รู้กันแล้วว่าบทสรุปทั้งในเรื่องของแชมป์ และโควต้าต่างๆ สโมสรใดจะได้ไปครอบครองกันบ้าง
และถ้าพูดถึงในเรื่องของนักเตะซึ่งในฤดูกาลนี้มีนักเตะหลายคนที่ทำผลงานได้สวนทางกับความคาดหวังมากพอสมควร ว่าแล้วขอบสนามของเราจะพาไปชมแข้งที่ถูกคาดหวัง แต่ฟอร์มดันพังไม่เป็นอย่างที่คิด จะมีใครกันบ้างไปติดตามกันได้เลย
เกปา อาร์ริซาบาลาก้า (เชลซี)
นายทวารค่าตัวแพงที่สุดในโลกกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาอย่างมากมายทั้งใน และนอกสนาม โดยเฉพาะผลงานในฟลอร์หญ้าที่เขาไม่ได้ยึดครองเป็นหมายเลขหนึ่งแห่งถิ่น เดอะ บริตด์ อีกต่อไป ซึ่งในช่วง 4 นัดหลังของ เชลซี กุนซืออย่าง แฟร้ง แลมพาร์ด เลือกดร็อปนายทวารชาวสเปนเป็นเพียงตัวสำรองเท่านั้น เพราะไม่พอใจผลงานในช่วงหลัง และการฝึกซ้อมก็ทำได้ไม่เป็นที่น่าพอใจ
โดยผลงานในซีซั่น 2019-20 นี้ เกปา ได้รับโอกาสลงสนามในทุกรายการไปทั้งสิ้น 31 นัด ซึ่งเจ้าตัวเสียประตูไปมากถึง 43 ประตู และเก็บคลีนชีตได้เพียง 6 นัดเท่านั้น
ซึ่งส่วนนึงที่ทำให้ผลงานของ เกปา รูดตกลงไปเสียอย่างนี้ ก็เพราะว่าเขาพึ่งอกหักจากหญิงสาวที่คบหากันมาอย่างยาวนานถึง 7 ปี และด้วยสาเหตุนี้อาจเป็นจุดพลิกผันทำให้เขาต้องเก็บกระเป๋าออกจากถ้ำ "สิงห์บลู" ในช่วงซัมเมอร์นี้
อองตวน กรีซมันน์ (บาร์เซโลน่า)
หลังจากลุ้นกันอย่างเนิ่นนานสำหรับดีล กรีซมันน์ กับ บาร์เซโลน่า ก่อนที่บทสรุปสุดท้ายทัพ "อาซูลกราน่า" ยอมควักเงิน 120 ล้านยูโร ในการปิดดีลนี้ ซึ่งทางสโมสรก็ต้องการนำมาความยอดเยี่ยมของหัวหอกชาวฝรั่งเศสเพื่อหวังมาลดภาระการทำประตู และเล่นร่วมกับเมสซี่ และซัวเรซ แต่ทว่าดูเหมือนการปรับตัวให้เข้ากับเพื่อนร่สมทีมใหม่นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
กรีซมันน์ ต้องใช้เวลามากพอควรกว่าจะเริ่มจูนเครื่องกันติดกับ เมสซี่ และเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ ซึ่งจนถึงตรงนี้เจ้าตัวลงสนามในศึกลาลีกา สเปน ไปแล้วทั้งสิ้น 24 นัด เจาะตาข่ายคู่แข่งไปเพียง 8 ประตู ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่น้อยเกินมาตรฐานของตัวเองมากพอสมควร ทำให้ไม่ค่อยเป็นที่น่าพอใจของแฟนบอลเท่าไหร่
เจา เฟลิกซ์ (แอต.มาดริด)
ดาวรุ่งพุ่งแรงจากแดนโปรตุเกส ที่มีฟอร์มการเล่นเมื่อฤดูกาลที่แล้วกับ เบนฟิก้า แบบพุ่งกระฉูดแตกทำให้เป็นที่ต้อวการของหลายสโมสรทั่วยุโรป ก่อนที่ แอต.มาดริด จะยอมควักกระเป๋า 126 ล้านยูโร ในการคว้าตัวมาร่วมทีม ซึ่งการย้ายมายังสเปนในครั้งนี้เจ้าตัวถูกคาดหวังไว้อย่างมากว่าจะเข้ามาช่วยทีมผลิดสกอร์ได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ
แต่ดูเหมือนสิ่งที่เป็นอุสรรคครั้งใหญ่ของเขานั้นคืออาการบาดเจ็บที่เข้ามารบกวนอยู่ตลอดเวลาทำให้โอกาสลงสนามมีแบบหยิบมือเพียง 25 นัดเท่านั้น ซึ่งจากจำนวนดังกล่าว เฟลิกซ์ กระซวกตาข่ายได้เพียง 5 ประตู เท่านั้น ทำให้ความคาดหวังที่แฟนบอลตั้งไว้ในขวบปีแรกนั้นค่อนข้างผิดหวังพอสมควรเลยทีเดียว
ลูก้า โยวิช (เรอัล มาดริด)
ย้อนกลับไปเมื่อซีซั่นที่แล้วชื่อของ ลูก้า โยวิช ได้รับการจับตามองเป็นอย่างมากจากผลงานการถล่มประตูแบบถล่มทลายกับ แฟร้งเฟิร์ต โดยเขายิงประตูไปมากถึง 27 ประตู จากการลงสนาม 48 นัด ในทุกรายการ ซึ่งด้วยเหตุนี้ทำให้ เรอัล มาดริด ยอมทุ่มเงินถึง 60 ล้านยูโร เพื่อคว้าตัวมาเสริมทีมในฤดูกาลนี้ ท่ามกลางความคาดหวังของแฟนบอลว่าจะช่วย คาริม เบนเซม่า แบ่งเบาภาระการทำประตู
แต่ดูเหมือน โยวิช จะลืมเอาตำราการยิงประตูไว้ที่เมืองเบียร์ ทำให้ในฤดูกาลเขากระซวกตาข่าคู่แข่งได้เพียง 2 ดอกเท่านั้น จากโอกาสลงสนาม 24 นัด หนำซ้ำในศึกลาลีกา สเปน โยวิช พึ่งมีโอกาสออกสตาร์ทตัวจริงเพียง 4 นัดเท่านั้น
เรียกได้ว่าผลงานของเจ้าตัวกับสโมสร ณ ตอนนี้ กับค่าตัวที่ทีมจ่ายไปถือว่าสวนทางกันเป็นอย่างมาก และมันน่าผิดหวังไม่ใช่น้อย
อเล็กซิส ซานเชซ (อินเตอร์ มิลาน)
ย้อนกลับไปเมื่อฤดูกาลที่แล้วต้องยอมรับว่าผลงานของ อเล็กซิส ซานเชซ ในสีเสื้อ แมนฯ ยูไนเต็ด นั้นน่าผิดหวังเป็นอย่าง และการย้ายข้ามไปยังศึกกัลโช่ เซเรียอา อิตาลี เจ้าตัวก็หวังว่าจะสามารถเรียกฟอร์มเก่งให้กลับมาได้อีกครั้ง
แต่ดูเหมือนความจริง กับความฝัน ช่างแตกต่างกันเสียเหลือเกิน เพราะนับตั้งแต่ที่เขาย้ายมาร่วมทัพ "งูใหญ่" ก็ต้องพบเจอกับอาการบาดเจ็บอยู่แทบจะตลอดเวลา ทำให้พลาดการลงสนามให้ทีมไปมากถึง 10 นัด แต่เมื่อได้รับโอกาสลงสนามก็ยังไม่อาจเรียกฟอร์มเก่งออกมาได้ ทำให้พึ่งยิงประตูให้กับทีมได้เพียงประตูเดียวเท่านั้น จากโอกาสลงสนาม 13 นัด ทำให้ดูเหมือนการบินข้ามน้ำทะเลมาหาความมั่นใจ จะยิ่งทำให้ความมั่นใจหดหายไปมากกว่ากว่าเดิมหรือเปล่าก็ไม่รู้
คริสตอฟ เปียเท็ค (เอซี มิลาน, แฮร์ธ่า เบอร์ลิน)
ผลงาน 30 ประตู จาก 42 นัด ในสีเสื้อ เจนัว และเอซี มิลาน ที่ราวกับพระเอกเมื่อซีซั่นที่แล้วทำให้ เปียเท็ค ถูกคาดหวังว่าจะนำพาฟอร์มที่ร้อนแรงดังกล่าวพา "ปีศาจแดง-ดำ" ให้กลับมาผงาดอีกครั้งในประเทศอิตาลี แต่ทว่าเมื่อฤดูกาลใหม่รูดม่านเปิดดูเหมือนสิ่งที่เขาเคยทำไว้ได้จางหายไป
5 ประตู ในครึ่งซีซั่นแรกกับ เอซี มิลาน มันน้อยนิดเสียเหลือเกิน บวกกับผลงานในสนามเขาไม่อาจเรียกรีดศักยภาพได้ออกมาอย่างเต็มที่ ก่อนที่ในช่วงมกราคมจะย้ายไปร่วมทัพ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน เขาก็ยังไม่อาจกลับมายิงประตูเป็นกอบเป็นกำได้เหมือนก่อน ทั้งที่การออกสตาร์นัดแรกจะยิงประเดิมได้อย่างสวยงาม แต่หลังจากนั้นก็ตีนบอดมาจนถึงตอนนี้
คริสเตียน พูลิซิช (เชลซี)
การที่ต้องเข้ามาแทนที่ใครสักคนมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ คริสเตียน พูลิซิช กำลังเผชิญอยู่ เพราะนับตั้งแต่ที่ย้ายมาอยู่ใต้ชายคา สแตมฟอร์ด บริจด์ เขาก็ถูกตีตราว่านี่แหละคือตัวแทนของ เอเด็น อาซาร์ ที่พึ่งย้ายไปร่วมทัพ เรอัล มาดริด
แน่นอนเมื่อเป็นเช่นนั้นเขาต้องแบกความคาดหวังไว้เต็มสองบ่า แต่เมื่อลงสนามไปแล้วกว่าเขาจะปรับตัวได้ กว่าจะเรียนรู้ฟุตบอลในสไตล์อังกฤษ นั้นก็กินเวลาไปมากพอควร ซึ่งถึงตรงนี้ พูลิซิช เองก็ยังทำไม่ได้ตามที่แฟนบอลได้คาดหวังเอาไว้ แต่ส่วนนึงก็ต้องยอมรับเช่นกันว่าคนเก่าที่ทิ้งผลงานเอาไว้ มันยอดเยี่ยมมากพอควรที่ใครนึงจะใช้เวลาเพียงไม่นานในการปกปิดบาดแผลดังกล่าว
เอเด็น อาซาร์ (เรอัล มาดริด)
ดีลสุดสะท้านประจำซัมเมอร์ 2020 คือการย้ายมาทำตามความฝันของ เอเด็น อาซาร์ กับ เรอัล มาดริด และแน่นอนเมื่อดีลนี้ได้เกิดขึ้น มันไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่แฟนบอล "ราชันชุดขาว" จะคิดว่านี่แหละคือตัวแทนของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ย้ายออกไปก่อนหน้านี้หนึ่งฤดูกาล และทีมก็ยังหาตัวแทนเข้ามาไม่ได้เลย
แต่ทว่าเมื่อถึงเวลาลงสนามแข่งขันจริง อาการบาดเจ็บกลับเดินเคียงคู่กับเจ้าตัวอย่างหนักหน่วง ทำให้พลาดการลงสนามไปมากถึง 20 นัด ล่าสุดก็ต้องปิดเทอมยาว 3 เดือน อีก ทำให้ฤดูกาลแรกของ "เดอะ แบก" คนนี้ไม่ได้สวยงามเลยสักนิดเดียว แน่นอนมันคืออาการผิดหวังของแฟนบอล มาดริด แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ยังคงหวังว่า อาซาร์ จะกลับมาโชว์ฟอร์มไฉไลเหมือนสีเสื้อ เชลซี ให้ได้อีกครั้ง
นิโกลาส์ เปเป้ (อาร์เซน่อล)
ดีลแห่งการคาดหวังของแฟนบอล อาร์เซน่อล เพราะด้วยผลงานของ เปเป้ สมันยังสวมชุดของ แรนส์ นั้นมาันร้อนแรงเกินห้ามใจจริงๆ ซึ่งสุดท้าย “ไอ้ปืนใหญ่” ก็ได้ลายเซ็นของเจ้าหมอนี้มาครอบครอง พร้อมกับความคาดหวังในการเข้ามาผสมผสานกับแข้งเก่าอย่าง ปิแอร์ เอเมอริค-โอบาเมยอง และอเล็กซ็องดร์ ลากาแซ็ตต์ ในการผลิดสกอร์
แต่ทว่ามันงานของเขา ณ ตอนนี้มันไม่ได้เป็นไปอย่างใจที่ต้องการเพราะนับถึงตรงนี้ เปเป้ พึ่งยิงประตูให้ทีมไปเพียง 6 ประตูเท่านั้น จากการลงสนาม 30 นัด ในทุกรายการ เพราะฉะนั้นด้วยตัวเลขที่ออกมา และผลงานในสนามที่ดูยังติดๆ ขัด มันเลยเป็นเครื่องการันตีในความผิดหวังในช่วงฤดูกาลแรกบนเกาะอังกฤษของเขา
