เชื่อว่าใครหลายคนคงเคยประสบปัญหาใน การทำงานกับคนต่างวัย เรามีวิธีรับมือกับปัญหานี้อย่างมืออาชีพมาฝาก
อันดับแรกต้องเข้าใจเสียก่อนว่า ในออฟฟิศหนึ่งย่อมประกอบไปด้วยพนักงานที่มีอายุต่างกัน ส่งผลให้เกิดความแตกต่างทางความคิด และทัศนคติในด้านต่างๆ เราสามารถแบ่งเพื่อนร่วมงานออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ๆ ตามช่วงวัยของแต่ละคน ดังนี้
เบบี้บูมเมอร์
ลักษณะนิสัย: ชาวเบบี้บูมเมอร์ คือ คนที่เกิดในช่วง พ.ศ. 2489 ถึง 2507 คนเหล่านี้ เติบโตมาในยุคที่เต็มไปด้วยโอกาส และความเจริญก้าวหน้า จึงเป็นคนมองโลกในแง่ดี พวกเขามีชีวิตเพื่อการทำงาน อดทนสูง สู้งาน ให้ความสำคัญกับงานเหนือสิ่งอื่นใด และเป็นกลุ่มคนที่พยายามคิด และลงมือทำสิ่งต่างๆ ด้วยตนเอง เป็นตัวของตัวเองสูง ทำงานเป็นทีม และยึดถือความเห็นของคนส่วนใหญ่
วิธีรับมือ
1.เคารพประสบการณ์
เมื่อเปรียบเทียบจากอายุ คนยุคเบบี้บูมเมอร์เป็นผู้มีอาวุโสที่สุดในออฟฟิศ เพราะฉะนั้นคนเหล่านี้ย่อมผ่านร้อนผ่านหนาวมามากกว่าเพื่อนร่วมงานในวัยอื่นๆ ดังนั้น หากต้องร่วมงานกับคนเจนนี้ คุณควรเคารพประสบการณ์ของพวกเขา กล่าวคือ ต้องให้โอกาสคนเหล่านี้แสดงความสามารถและความคิดเห็นอย่างเต็มที่
2.จริงจังกับการทำงาน
คนเจนนี้เป็นคนมุ่งมั่น และตั้งใจทำงานมาก ดังนั้น พวกเขาย่อมคาดหวังให้เพื่อนร่วมงานมีลักษณะนิสัยที่คล้ายคลึงกับตน และมีมาตรฐานในการทำงานที่ค่อนข้างสูง เพราะฉะนั้น คุณจึงไม่ควรทำงานแบบขอไปที หรือขายผ้าเอาหน้ารอด เพราะคนในยุคนี้ไม่ปลื้มอย่างมากทีเดียว
3.รู้จักขอบเขต
คนเจนนี้เป็นประเภทยึดถือลำดับอาวุโส เพราะฉะนั้นไม่ว่าคุณจะเก่งกาจมาจากไหน ก็อย่าคิดไปปีนเกลียว หรือแสดงท่าทีโอหังเชียว การอ่อนน้อมถ่อมตน และให้เกียรติผู้ใหญ่ถือเป็นสิ่งที่ควรกระทำที่สุด
เจเนอเรชั่น เอ็กซ์
ลักษณะนิสัย: ชาวเจเนอเรชั่นเอ็กซ์คือคนที่เกิดในช่วง พ.ศ.2508 ถึง 2522 ซึ่งเป็นยุคที่โลกมั่งคั่งแล้ว เป็นยุคที่เปิดโอกาสให้ผู้หญิงและผู้ชายออกไปทำงานนอกบ้านได้ทั้งคู่ คนเจนเอ็กซ์จึงโหยหาความรัก ความอบอุ่นจากคนในครอบครัว และไม่ได้มองว่างานคือทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิต แต่ต้องการความสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตครอบครัว จึงไม่ชอบทำงานเกิน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ เป็นคนหัวแข็ง และเลือกทำในสิ่งที่ตนเห็นว่าถูกต้องโดยใช้เหตุผล ไม่ค่อยให้ความเคารพกับผู้อาวุโสหรือผู้นำเท่ากับคนในยุคก่อน ทั้งยังไม่ชอบทำงานแบบมีระเบียบขั้นตอน เพราะเห็นว่ายุ่งยาก และเสียเวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์
วิธีรับมือ
1.ให้ความเป็นกันเอง
อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นแล้วว่า คนเจเนอเรชั่นเอ็กซ์ไม่ชอบพิธีรีตอง จึงควรปรับสถานที่ทำงานให้มีบรรยากาศแบบเป็นกันเอง ไม่ตึงจนเกินไป
2.ไม่เอาความอาวุโสมาข่ม
ชาวเจเนอเรชั่นเอ็กซ์มักให้ความสำคัญกับความสามารถมากกว่าอายุ เพราะฉะนั้น หากทำงานกับคนเจนนี้ ต้องไม่เอาเรื่องอายุมาเป็นข้อต่อรอง เพื่อให้ได้มาซึ่งความเคารพนับถือ แต่ต้องแสดงให้เห็นว่า คุณมีศักยภาพมากพอที่จะทำให้พวกเขายอมรับคุณได้
3.ให้ความสำคัญกับทีมเวิร์ค
หากจะกล่าวไปแล้ว คนเจนเอ็กซ์ให้ความสำคัญกับเพื่อนร่วมงานค่อนข้างมาก ดังนั้น เพื่อนร่วมงานจึงเป็นทั้งแรงผลักดัน และปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจว่า คนเจนเอ็กซ์จะอยู่ หรือลาออกจากงาน
เจเนอเรชั่น วาย
ลักษณะนิสัย: ชาวเจเนอเรชั่นวาย คือคนที่เกิดในช่วงปีพ.ศ. 2523 ถึง 2540 คนเหล่านี้เกิดมาท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง และค่านิยมที่แตกต่างไปจากคนรุ่นก่อนๆ เนื่องจากพวกเขาเติบโตมาในยุคสมัยที่โลกเต็มไปด้วยเทคโนโลยี ผนวกกับการดูแลเอาใจใส่จากพ่อแม่เป็นอย่างดี ทำให้คนเหล่านี้มองโลกในแง่ดี เชื่อมั่นในตนเองค่อนข้างสูง ในขณะเดียวกันก็เป็นพวกวัตถุนิยม ข้อดีของคนเจเนอเรชั่นวาย คือเป็นคนเปิดกว้าง รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น และมีทักษะการทำงานเป็นทีม มีความสามารถในการปรับตัว และมีทัศนคติที่ดีต่อการทำงานว่าทุกอย่างเป็นไปได้ และพร้อมทำงานหนักเพื่อให้ได้มาซึ่งความสำเร็จที่ตนมุ่งหวังไว้
วิธีรับมือ
1.วางเป้าหมายที่ชัดเจน
คนเจนวายเป็นคนที่พกความมั่นใจมาเต็มกระเป๋า และจะมีความสุขมากหากตนทำงานสำเร็จลุล่วงตามเป้าหมายที่วางไว้ ดังนั้น หากเพื่อนร่วมงานหรือหัวหน้าตั้งเป้าหมายไม่ชัดเจน พวกเขาก็จะไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มความสามารถ และอาจลุกลามจนประสบความล้มเหลว ซึ่งจะทำให้คนเหล่านี้ถึงกับหมดอาลัยตายอยากในชีวิต และรู้สึกไม่มั่นใจในตนเองอีก
2.ให้ความรู้อย่างเต็มที่
คนเจนวายมักมองว่าการทำงานคือการเรียนรู้นอกรั้วมหาวิทยาลัย ดังนั้น เพื่อนร่วมงานและหัวหน้างานจึงควรวางตัวเป็นผู้ให้ทั้งความรู้ ประสบการณ์ และคำปรึกษา มิเช่นนั้นทัศนคติและมุมมองของคนเหล่านี้ที่มีต่อคุณอาจเปลี่ยนไป เพราะเห็นว่าคุณไม่มีความรู้ความสามารถพอที่จะถ่ายทอดความรู้ให้แก่พวกเขาได้
3.เคารพความเป็นส่วนตัว
หากคุณต้องการให้คนในเจเนอเรชั่นวายทำงานอย่างเต็มความสามารถ คุณจะต้องไม่บังคับให้พวกเขาทำงานเป็นทีม แต่จะต้องมอบหมายงานที่พวกเขาจะสามารถแสดงศักยภาพได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องพึ่งพาความคิดเห็นจากเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ