โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

9สส.ออกเดินทาง ป๊อก-เอกเจ็บปวด

ไทยโพสต์

อัพเดต 25 ก.พ. 2563 เวลา 17.01 น. • เผยแพร่ 25 ก.พ. 2563 เวลา 17.01 น. • ไทยโพสต์

  เรียบร้อยโรงเรียน "เสี่ยหนู"  9 ส.ส.อดีตพรรคส้มหวานตบเท้าสมัครสมาชิกเรียบร้อย ดันภูมิใจไทยขึ้นแท่นพรรคการเมืองใหญ่อันดับ 3 "อนุทิน" ลั่นไม่ทวงโควตารัฐมนตรีเพิ่มขอแค่ 7 คนเหมือนเดิม "ธนาธร" เกาะกระโปรง "เบญจา" ถล่มเผด็จการ สรุปเสร็จสรรพผิดกฎหมายมาตรา 30-31 พปชร.ชี้ 23 ล้านซื้อตัวไม่คุ้ม

    เมื่อวันอังคารที่ 25 ก.พ. นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะนายทะเบียนพรรคภูมิไทย (ภท.) ได้ทำหนังสือถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อแจ้งให้ทราบว่ามี ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ จำนวน 9 คน ได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค ภท.เรียบร้อยเมื่อวันที่ 24 ก.พ. ประกอบด้วย นายวิรัช พันธุมะผล ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายฐิตินันท์ แสงนาค ส.ส.ขอนแก่น เขต 1, นายกฤติเดช สันติวชิระกุล ส.ส.แพร่ เขต 2, นายกิตติชัย เรืองสวัสดิ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา เขต 1, ร.ต.อ.มณฑล โพธิ์คาย ส.ส.กทม. เขต 10, นายอนาวิล รัตนสถาพร ส.ส.ปทุมธานี เขต 3, นายเอกการ ซื่อทรงธรรม ส.ส.แพร่ เขต 1, นายโชติพิพัฒน์ เตชะโสภณมณี ส.ส.กทม. เขต 23 และนายสำลี รักสุทธี ส.ส.บัญชีรายชื่อ        ทั้งนี้ การย้ายของ ส.ส.ทั้ง 9 คนทำให้พรรคภูมิใจไทยมี ส.ส.ในสภาเพิ่มจาก 52 คน เพิ่มเป็น 61 คน ส่งผลให้เป็นพรรคการเมืองที่ใหญ่เป็นลำดับที่ 3 แทนพรรคประชาธิปัตย์ และใหญ่เป็นอันดับสองของพรรคร่วมรัฐบาล นายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และอดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี ทวีตข้อความว่า เป็น ส.ส.สมัยแรกเจอนักการเมืองอาวุโสรุ่นพี่ก็ยกมือไหว้ทักทายให้เกียรติกัน ทั้งพี่หนู อนุทิน พี่ศักดิ์สยาม พี่สรอรรถ พี่ชาดา และพี่บุญลือ ซึ่งสัปดาห์ที่แล้วหลายคนจาก ภท.ก็ให้กำลังใจเต็มไปหมด แต่สุดท้ายก็ดูด ส.ส.อนค.ไป ช่วยกันถามหน่อยครับว่าเก่งมาจากไหนได้ไปทีเดียว 9 คน “เราจะปล่อยให้การแลกเปลี่ยนผลประโยชน์เพื่อดึง ส.ส.กลายเป็นเรื่องปกติอย่างนั้นหรือ นักการเมืองรู้ สื่อรู้ ประชาชนรู้ แต่ทำไมเราทำอะไรไม่ได้ นี่หรือคือผลลัพธ์ของการปฏิรูป 5 ปีที่ผ่านมา อนค.ตั้งใจทำการเมืองโปร่งใส แต่ถูกยุบ สุดท้ายประเทศไทยต้องการพรรคดูด ส.ส.แบบนี้หรือ” นายปิยบุตรทวีต     ขณะที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรค อนค.ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี โพสต์เฟซบุ๊กว่า น้อยคนในประเทศนี้ทั้งชีวิตจะมีเงิน 23 ล้านบาทได้ ดังนั้นจำนวนเงินที่หอมหวนเช่นนี้ย่อมชักจูงโน้มน้าวใจคนหลายคนได้ เหตุผลคือผู้ยื่นข้อเสนอต้องการรวบรวม ส.ส.ให้ครบจำนวนหนึ่งเพื่อต่อรองรัฐบาลให้ได้ตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งสงสัยว่าหาก ส.ส.คนใดมีพฤติกรรมเช่นนี้ หากได้เป็นรัฐมนตรีย่อมต้องการถอนทุนคืนด้วยภาษีประชาชน โดยเราเคยพูดในหลายครั้งหลายโอกาสว่าเรามีหลายคลิปของหลายคน นี่เป็นส่วนหนึ่งเท่านั้น นี่คือการทำลายระบบรัฐสภาโดยใช้อำนาจเงินเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว นี่คือการกระทำที่ไร้ยางอายที่พร้อมทำลายเสียงของประชาชนเพื่อประโยชน์ส่วนตน นี่คือการแสวงหาความมั่นคงในสภาโดยไม่สนใจเจตนาของประชาชน  โหนเบญจาด่าเผด็จการ นายธนาธรโพสต์อีกว่า ฝากประชาชนและสื่อมวลชนช่วยถามแกนนำพรรคที่ยื่นข้อเสนอว่าจะจัดการอย่างไรกับ ส.ส.ของพรรคที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ พรรคนั้นจะมีท่าทีต่อ ส.ส.ท่านนั้นอย่างไร สำหรับคลิปเสียงนั้น มีองค์ประกอบความผิดครบทางกฎหมายตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 30 และมาตรา 31 ซึ่งคุณเบญจา แสงจันทร์ ผู้เปิดหลักฐาน คือผู้ที่กล้าหาญ กล้าแลกความปลอดภัยส่วนตัวเพื่อเปิดเผยความจริงที่ผู้มีอำนาจไม่ต้องการให้ประชาชนรู้  “ผมขอขอบคุณคุณเบญจาสำหรับความกล้าหาญนี้ และฝากให้พวกเราดูแลความปลอดภัยให้เธอ อย่าให้เธอถูกทำร้ายจากอำนาจทมิฬเพียงเพราะเธอพูดเรื่องจริงและเรื่องที่เป็นประโยชน์กับประชาชน รัฐธรรมนูญ 2560 ออกแบบมาให้พรรคการเมืองอ่อนแอ การยุบพรรคและการซื้อ ส.ส. คือตอนจบที่เผด็จการอยากเห็น คุณเบญจาเป็นคนหนึ่งที่ทำให้เรื่องนี้จบไม่เหมือนเดิม เราทุกคนมีพลังที่จะเปลี่ยนตอนจบของเรื่องให้ผู้ชนะคือประชาชน เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ” นายธนาธรระบุ     ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรค ภท. กล่าวในเรื่องนี้ว่า ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะมากี่คน มีการเขียนใบสมัครแล้ว แต่ยังไม่ได้นับ ยังไม่เซ็นสักใบ และไม่จำกัดว่าใครจะมาร่วม หากคุยกันรู้เรื่องเราก็ยินดีต้อนรับ เราไม่ได้เป็นพรรคขี้ริ้วขี้เหร่ ไม่มีการโน้มน้าวหรือโฆษณาชวนเชื่อว่าต้องมากับเรา เราใช้งานเป็นจุดดึงดูด ส.ส.เข้ามา รวมถึงโอกาส วิสัยทัศน์ ส่วนหาก 9 คนมาร่วมงานกับเราอาจโดนวิกฤติศรัทธานั้น ก็ต้องใช้ผลงานแก้ตัว ไพ่ถูกสับไปแล้ว ถูกล้างไปแล้ว เมื่อมาอยู่พรรคที่มีโอกาส พรรคที่จะสร้างผลงาน ก็เป็นทางเลือกของเขา คนที่มาอยู่ไม่ต้องเปลี่ยนอุดมการณ์ของสองพรรคคือทำทุกอย่างเพื่อบ้านเมือง     เมื่อถามถึงกรณีนายปิยบุตรทวีตข้อความว่า เคยเจอกัน ยกมือไหว้กัน สุดท้ายมาดูด ส.ส. อยากถามว่าเก่งมาจากไหน นายอนุทินตอบว่า เคารพนายปิยบุตรจะตาย ชอบความรู้ เพียงแต่ว่าบางอย่างแนวทางไม่เหมือนกัน แต่เรื่ององค์ความรู้ ความสามารถ การอภิปราย อาจารย์เป็นคนมีความรู้เยอะแยะไปหมด แต่ไม่เคยคุยเกินสองนาที เจอกันก็ยกมือไหว้ก่อนเท่านั้น     เมื่อถามว่า จำนวนของ ส.ส.พรรคจะมีผลต่อโควตารัฐมนตรีหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า อันนี้เขาเรียกว่าเล่นการเมือง เราไม่เล่นการเมือง ส.ส.มากขึ้นเราก็มีช่องทางทำงานให้ประชาชนมากขึ้น ไม่ได้เข้ามาเพื่อต่อรอง ยืนยันว่าไม่มีการต่อรอง มีความสุขอยู่แล้วเรามี 7 ตำแหน่งดีอยู่แล้ว ถึงจะมี ส.ส.มากขึ้นก็จะเอาแค่ 7 ตำแหน่งนี้ เพราะถือว่าตอนร่วมรัฐบาลไม่ว่าจะมี 7 หรือ 3 ตำแหน่ง ก็เป็นคนที่ร่วมก่อให้เกิดรัฐบาลนี้ขึ้นมา ซึ่งต้องยึดหลักตรงนี้  น.ส.ศรีนวล บุญลือ ส.ส.เชียงใหม่ พรรค ภท. ปฏิเสธกระแสข่าวว่ามีส่วนช่วยดึง ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ว่า ไม่มี แต่แค่ตอบไปด้วยความเป็นจริง เมื่อมีคนมาถาม หลายคนถามว่าอยู่พรรคภูมิใจไทยเป็นอย่างไรบ้าง ก็ตอบไปว่าสบายดี เราอยู่กันเป็นครอบครัวเดียวกัน อบอุ่น และเราตั้งใจทำงานเพื่อประชาชน การย้ายมาอยู่พรรคนี้ทำให้เกิดการพัฒนาได้มากขึ้น      เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่พรรคอื่นแซวกันว่า ส.ส.ที่ย้ายออกไปเหมือนสามล้อถูกหวย น.ส.ศรีนวลกล่าวว่า ไม่มี เป็นความคิดของแต่ละคน เราห้ามกันไม่ได้ เขาคิดกันมาเอง ทำกันเอง ดังนั้นเราห้ามเขาคิดไม่ได้ เราตั้งใจเข้ามาทำงานเพื่อให้เกิดการพัฒนาต่อประชาชนให้ดียิ่งขึ้น นายวิรัช พันธุมะผล ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตพรรค อนค. กล่าวถึงกรณีย้ายมาพรรค ภท. ว่านายอนุทินได้ชักชวนมาหลายเดือนแล้ว แต่ขณะนั้นยังอยู่พรรคอนาคตใหม่ แต่ยืนยันว่าไม่มีค่าตัวใดๆ มาด้วยใจ เพราะรักในหัวหน้าพรรค ภท.  รู้จักกันมานาน 20 ปี ไม่มีลังเล เพราะตั้งใจที่จะมา มีการสมัครเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 24 ก.พ. เมื่อถามว่า ได้คุยกับนายธนาธรและนายปิยบุตรแล้วหรือยัง นายวิรัชกล่าวว่า ไม่ต้องคุย มันเป็นสิทธิ เมื่อพรรคถูกยุบแล้วถือเป็นสิทธิ เพราะไม่ได้ย้ายตอนพรรคอนาคตใหม่ยังอยู่ และจะไปไหนจะดูว่าไปสร้างประโยชน์ให้กับบ้านที่เคยอยู่  ทั้งนี้ ระหว่างนายวิรัชให้สัมภาษณ์ นายอนุทินได้เดินมาพอดี นายวิรัชยิ้มและได้ชี้ไปที่นายอนุทินพร้อมกล่าวว่า “ผมรักท่านมากที่สุด” ขณะที่นายอนุทินกล่าวว่า “ผมรู้จักท่านมา 30 ปีแล้ว ท่านให้คำแนะนำเกี่ยวกับข้อกฎหมายเยอะมาก เพราะเป็นคนที่มีความรู้ด้านกฎหมาย เราต้องการความรู้ความสามารถของท่าน 23 ล้านบาทเกินตัว     สำหรับกรณีการเผยแพร่คลิปเสียงที่ระบุว่ามีเสนอเงินให้ 23 ล้านบาทเพื่อซื้อตัว ส.ส.นั้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่รู้เรื่อง ไม่รู้จริงๆ ส่วนที่บอกว่าเสียงคล้าย ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐนั้นก็ไม่รู้ ไปถามเขาดูเอง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวเรื่องนี้ว่า เบื้องต้นยังเป็นเพียงการกล่าวอ้าง ต้องขอไปตรวจสอบก่อนว่าเป็นใคร ยังไง เป็นข่าวจริงหรือไม่ ซึ่งจะจริงหรือไม่นั้นค่อยว่ากัน แต่พรรคเราไม่มีนโยบายเรื่องเงินเรื่องทอง และยังไม่มีการคุยในพรรคเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ถ้าใครจะเข้าพรรค สิ่งสำคัญต้องมีใจที่อยากจะทำงานร่วมกับพรรค เพราะว่าการทำงานในพรรค ไม่เพียงแต่อยากจะเข้ามาเป็นลูกพรรคเท่านั้น แต่ต้องทำงานและเติบโตไปกับพรรค สร้างความมั่นคงกับพรรคต่อไป “เรื่องตัวเลขผมไม่ทราบ เพราะไม่รู้ว่าตัวเลขขนาดนั้นจะเอาเงินที่ไหนมาให้ เพราะพรรคไม่ได้มีเงินมากมายขนาดนั้น” นายสนธิรัตน์กล่าวชี้แจงถึงการใช้เงิน 23 ล้านบาทซื้อตัว ส.ส. นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ในฐานะแกนนำพรรค พปชร. กล่าวถึงคลิปเสียงคล้าย ส.ส.กทม. พรรค พปชร.เสนอเงินให้ ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่มาอยู่กับ พปชร.ว่า ส.ส.กทม.ของพรรคไม่ได้ไปดึงใครจากที่ไหน อะไรอย่างไร ยืนยันได้ ส่วนที่จะไปพิสูจน์ว่าเป็นใครเป็นหน้าที่ของคนที่ออกมาเปิดเผย ส่วนจะมีการทำเรื่องไปถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นั้นเชื่อว่าไม่มีปัญหา เพราะไม่สามารถบอกได้ว่าเสียงนั้นเป็นเสียงของใคร แต่ในส่วนของพรรค พปชร. กำลังตรวจสอบในเรื่องนี้ว่าเป็นคนของพรรคหรือไม่ “ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะเป็นตัวเลขที่ไม่มีเหตุผลรองรับ ดังนั้นรอให้หลักฐานออกมา รอให้มีการพิสูจน์กันก่อนและมีการพิสูจน์ก่อนเชื่อว่าไม่มีปัญหาอะไร” นายณัฏฐพลกล่าวถึงตัวเลข 23 ล้านบาทในการซื้อตัว     ด้าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า พรรค พปชร.ในเวลานี้มีจำนวน ส.ส.มากพอสมควร ซึ่งหัวหน้าและเลขาธิการพรรคคิดว่าในเวลานี้ยังไม่มีความจำเป็นในการหาเสียงเพิ่ม ส่วนจะไปฝากกับพรรคร่วมรัฐบาลอื่นหรือไม่นั้น ก็ไม่ทราบว่าไปฝากไว้กับใครบ้าง และถ้าดูด้วยเหตุด้วยผลไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะเงิน 23 ล้านบาทกับอีก 3 ปีที่จะถึง และในสถานการณ์เช่นนี้ ฝ่ายรัฐบาลมีเสียงที่เข้มแข็งอยู่แล้ว     นายชวนกล่าวเรื่องนี้ว่า ต้องดูข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร เกี่ยวข้องกับการบริหารราชการแผ่นดินหรือไม่ หรือเป็นความผิดเฉพาะตัวบุคคล เรื่องนี้ต้องว่ากันอีกครั้งหนึ่ง คงไม่ใช่เรื่องนโยบายที่รัฐบาลแถลงต่อรัฐสภา      เมื่อถามว่า จะมีเรื่องของจริยธรรมที่สภาต้องเข้ามาตรวจสอบหรือไม่ นายชวนกล่าวว่า วันนี้เป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ส่วนเรื่องพฤติกรรมของแต่ละคนเป็นอย่างไรก็เป็นอีกเรื่อง ต้องว่าไปตามเรื่องนั้นๆ คิดว่าถ้าไปทำผิดในเรื่องของจริยธรรม หรือผิดกฎหมายก็ต้องว่าไปตามเรื่องนั้นๆ เรื่องนี้ไม่ค่อยปรากฏ คนซื้อคนขายไม่ปรากฏตัว เราก็ไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้ สมมติมีการทำอะไรที่ไม่ถูกต้องก็มีกฎหมาย ทั้งประมวลกฎหมายอาญา กฎหมายพรรคการเมือง และกฎหมายอื่นๆ      “ทุกคนมีหน้าที่ก็ต้องทำหน้าที่ ซึ่งผมเชื่อว่าการทำหน้าที่คือสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์ พูดตามคำพระ อย่างท่านพุทธทาสภิกขุ การปฏิบัติหน้าที่คือการปฏิบัติธรรมะ และธรรมะก็คือหน้าที่ แต่ต้องเป็นหน้าที่ที่สุจริต ซึ่งในฐานะนักการเมือง ก็ต้องทำเพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ” นายชวนระบุ.

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0