1. ที่ยังล้มเหลว
เพราะเรายังกลัวที่จะแตกต่างจากคนอื่น
หลายครั้งที่เราไม่กล้าที่ลุกขึ้นไปทำอะไรที่เราอยากจะทำจริงๆ
เพราะกลัวสายตาของคนรอบข้าง
ว่าพวกเค้าเหล่านั้นจะคิดกับเราว่ายังไง
ความจริงก็คือ
ถ้าเราต้องการทำตามความฝัน
หรือบางอย่างที่เราคิดว่ามันเจ๋ง
สิ่งที่ทำแล้วรู้สึกว่า นี่แหละคือความสุขที่ได้ทำ
ซึ่งบางทีคนส่วนใหญ่เขาไม่ได้ทำแบบนี้
เราจึงต้องกล้าพอที่จะยืนหยัดถึงความแตกต่างของตัวเองกับคนอื่นบ้าง
ต้องเชื่อมั่นในตัวเอง ในขณะที่ทุกคนหันมาแล้วทำสายตาเหมือนกับว่า
เออ…มึงกำลังทำอะไรวะ
เพราะคนที่ไม่เข้าใจจะเข้าใจว่าเราแปลก บ้า
น่ากลัว โง่ ดูอันตราย น่าเกลียด ไม่สวย
อะไรก็แล้วแต่ที่เขาจะคิดไปได้
ซึ่งถ้าเราจิตไม่นิ่งพอแล้วไปอยู่กับความคิดเห็นของคนอื่น
ถ้าเราอ่อนไหวไปกับคำพูดที่ไม่ได้ช่วยให้เราทำในสิ่งที่อยากจะทำจริงๆ
เราก็อาจจะทำมันได้ แต่ก็คงทำได้ไม่นาน เพราะสุดท้ายเราก็จะคิดว่า
สุดท้าย เราก็เป็นแบบที่พวกเขาคิดจริงๆ
2. เรายังไม่พยายามมากพอ
บางคนอาจยังไม่รู้ว่ากว่าจะเป็นแฮร์รี่ พอตเตอร์
ที่เป็นหนังสือขายไปได้กว่า 107 ล้านเล่มทั่วโลก
เป็นหนังถึง 7 ภาคนั้น จะถูกถึง 12 สำนักพิมพ์ปฏิเสธถึงการตีพิมพ์
มีหนังสืออีกหนึ่งเล่มที่ชื่อ่วา Matterhorn
เป็นนิยายที่เล่าอิงจากเหตุการณ์จริงของสงครามเวียดนามที่เขียนโดย Mark Bowden
คนเดียวกับที่เขียน Black Hawk Down
จะกลายเป็นหนังสือขายดีใน The New York Times ต้องใช้เวลาถึง 35 ปี
กว่าจะได้ตีพิมพ์ มากกว่าครึ่งชีวิตของเค้าเองด้วยซ้ำ
หลายคนล้มเลิกความฝันเร็วเกินไป
ทุกๆ ความสำเร็จในการทำอะไรสักอย่าง
มันจะมีเรื่องราวของการต่อสู้ ความมานะพยายาม
อย่างที่เขาบอกกันแหละ ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ
ถ้าอยากได้มาจริงๆ ก็ต้องพยายามจนถึงวันที่เราสมควรได้รับมัน
3. ไม่อ่อนน้อมถ่อมตน
เคยเจอคนประเภทนี้มั้ย
เจอกันครั้งแรกก็พูดเรื่องราวของตัวเองอยู่ฝ่ายเดียว
เล่าถึงโปรเจ็คนั่นนี่ที่ยิ่งใหญ่ พาเราเดินทางด้วยน้ำลายบนโต๊ะอาหาร
เล่าถึงความสำเร็จที่จับต้องไม่ได้
ยกตัวเองว่าเก่งอย่างนั้นอย่างนี้
ทุกคนต้องยอมรับเขา เพราะเขาเก่ง ชมชั้นสิ ยกชั้นสิ
แต่จริงๆ แล้วคนจริง ที่เค้าประสบความสำเร็จกันไม่ว่าจะที่ไหน อุตสาหกรรมอะไร
คนพวกนี้มักจะพูดกับคนอื่นเสมอว่า
เขาไม่ใช่ผู้รู้ในสายงานนั้นจริงๆ หรอก
ยังต้องมีเรื่องราวมากกว่าอีกเยอะที่ต้องศึกษา
แทนที่จะบอกจุดแข็งของตัวเอง
เขาต่างบอกคนอื่นว่าเขายังอ่อนอะไร
และควรต้องปรับปรุงตรงไหน
4. บางครั้งความสำเร็จ ก็อาศัยทีม
ไม่ใช่การเดินคนเดียว
เข้าใจว่าบางทีเราอาจชอบการทำงานคนเดียว
ไม่เก่งเรื่องการเข้าสังคม มีปัญหาเรื่องการสื่อสาร
หลายครั้งที่เราพลาดหรือทำอะไรไม่ได้
เพราะเราขาดใครสักคนที่จะคอยพยุง
และเดินทางร่วมไปกับเรา
ผลสำรวจบอกว่า 66% ของคนที่ได้งานส่วนใหญ่
มักมีคนที่รู้จักทำงานอยู่ในบริษัทนั้นมาก่อน
การสร้างพันธมิตร สร้างสายป่าน ความสัมพันธ์
เป็นเรื่องสำคัญในการทำอะไรสักอย่างให้สำเร็จ
ต้องยอมรับก่อนว่า บางความฝันเดินไปคนเดียวไม่ได้
เพราะระหว่างที่เดินไป เราอาจจะรู้สึกเดียวดายและท้อแท้
แต่การมีทีม หรือใครสักคนที่คอยกระตุ้นให้เรามีแรงอยู่ตลอด
อาจไม่ได้ทำให้ไปถึงเร็วถึง แต่ไปถึงแน่นอน
ลองเริ่มที่จะออกไปพบปะคนที่สนใจแบบเดียวกับเรา
สร้างความสัมพันธ์ที่มีคุณภาพ เพื่อสนับสนุนความฝันของตัวเอง
อีกหนึ่งผลวิจัยบอกว่า การอยู่คนเดียวโดยไม่สุงสิงกับใคร
ทำร้ายร่างกายและจิตใจพอๆ กับคนสูบบุหรี่เลยนะ
5. ที่ยังล้มเหลวเพราะเอาแต่แก้ตัว แทนที่จะแก้ไข
เมื่อได้รับคำแนะนำจากใครสักคน
ถ้าคุณพยายามที่จะอธิบายทุกอย่างที่คุณมองที่คุณคิด
แทนที่เอาคำพูดเหล่านั้นมาคิดแล้วพัฒนาตามสิ่งที่มันสามารถช่วยเราได้จริงๆ
นี่คือตั๋วสุดพิเศษสู่ความล้มเหลวเลยนะ
ยิ่งไปกว่านั้น ยิ่งเราสาธยายออกไปมากเท่าไหร่
เรายิ่งดูไม่ค่อยโอเคมากเท่านั้น
เมื่อเราต้องการที่จะก้าวเข้าสู่ความสำเร็จ
มันจะมีลูปที่เราต้องเจออยู่ลูปนึง
ก็คือการพยายามบางอย่าง ต่อด้วยการรับคำแนะนำกับผลลัพธ์นั้น
ต่อด้วยการรับเอาคำแนะนำเหล่านั้นมาเรียนรู้
แล้วออกไปพยายามกับสิ่งใหม่ๆ ต่อ วนลูปไปเรื่อยๆ
คนที่ไม่สามารถยอมรับคำติชมเหล่านั้นได้
ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้
ก็ไม่ได้หมายความว่าเราต้องรับเอาทุกคำพูดที่คนอื่นพูดมาจนหมด
แต่คุณควรจะรับคำติที่ไม่ว่าคุณจะเชื่อคำพูดเหล่านั้นหรือไม่
ลองพยายามที่จะไม่ต่อต้าน แล้วลองมองในมุมของพวกเขาดู
6. ที่มันไม่สำเร็จสักที เพราะเราช่างอ่อนไหวและไขว้เขวง่ายเสียเหลือเกิน
ลองนึกดูในวันนึงที่เรามีสิ่งต่างๆ มากมายให้ทำ
แต่สิ่งที่เราเลือกทำคือ ไถเฟซบุ๊ค เปิดทวิตเตอร์
กลับมาที่เช็คอีเมลที่มีแต่เว็ปขายของออนไลน์กับเว็ปสายการบินส่งมาบอกโปรโมชั่น
ต่อด้วยคลิปหมาแมวทะเลาะกันแสนน่ารัก
กดแชร์สักหน่อย เข้าทวิตต่อ โห รีวิวอาหารร้านนี้โครตน่าไป
แท็กเพื่อนดีกว่า
น่าตกใจ ถ้านี่คือชีวิตส่วนใหญ่ในหนึ่งวันของเราเอง
มันมีอะไรมากมายที่เราต้องทำ
แต่เราต่างสมาธิสั้นไปกับสิ่งเร้า
ที่ทำให้เราลืมวินาทีที่สำคัญในการทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ของชีวิตตัวเองไป
ลองใช้มันให้น้อยลง
ทำอย่างอื่นที่สัมพันธ์แล้วก็สอดคล้องกับความฝันตัวเองให้มากขึ้น
แล้วจะรู้ว่าจริงๆ แล้ว วันนึงมันก็เพียงพอที่จะทำอะไรตั้งมากมาย
แต่ก็ต้องมีสติยับยั้งตัวเองหน่อย
7. เราล้มเหลว เพราะเราไม่เชื่อว่าสิ่งที่เราคิด มันเป็นจริงขึ้นมาได้
มีผลวิจัยบอกมาว่า นักกีฬาที่มีความเชื่อในแง่บวกเกี่ยวกับศักยภาพ
หรือความสามารถของตัวเอง
มีประสิทธิภาพในการแข่งขันดีกว่าคนที่ประเมินตัวเองเชิงลบ
คิดง่ายๆ ว่าจริงๆเราก็ต้องมั่นใจในตัวเองก่อน
ว่า เออ เรามันก็มีของแหละน่า
ไม่ใช่ว่า คิดว่าสิ่งที่เราตั้งใจมันใหญ่เกินไปที่เราจะลงมือทำ
แถมเค้าบอกอีกว่า
คนที่ประเมินตัวเองไว้สูงกว่าที่ตัวเองเป็นจริงๆ
สามารถไปได้ไกลกว่าที่ตัวเองคิดไว้ซะอีก
เมื่อเราลองพยายามแล้วก็เรียนรู้จากสิ่งที่เราได้ทำ
เราก็จะสามารถนำตัวเองไปยังทางที่เราต้องการได้จริงๆ
8. ที่เราไม่สำเร็จสักที เพราะจริงๆ แล้ว ลึกๆ ข้างใน เราคิดว่าเรายังไม่สมควรได้รับมัน
การไม่เชื่อว่าเราควรค่ากับอะไรบางอย่างที่เราต้องการ
มันเป็นหัวใจหลักที่มันจะค่อยๆ ทำลายความมั่นใจ
หรือความเชื่อในตัวเองไปเรื่อยๆ
บางทีเราอาจจะโตมาด้วยความคิดแปลกๆ
หรือรายล้อมไปด้วยคนที่บอกเราว่าเราทำมันไม่ได้หรอก
คนอย่างเราไม่สมควรหรือไม่ใช่สิ่งที่เหมาะสมกับเราหรอก
เราโตมากับการที่หน้าทำอะไรได้ดีจะถูกคนหมั่นไส้
ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม อะไรที่มันจะเกิดขึ้น มันจะเกิดขึ้น
แต่บางอย่างที่มันอยู่ข้างในเรา
ที่ทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่คู่ควรกับมันก็ควรจะปลดมันออกไป
เคารพตัวเอง เคารพสิ่งที่ตัวเองตัดสินใจ
เชื่อเถอะว่า เมื่อเรากำลังทำอะไรสักอย่างที่เราเชื่อ
เราจะมีความรู้สึกว่า มันใช่สำหรับเรา ถึงแม้ว่าตอนนั้นจะยังคลำทางไม่ถูก
เป็นเรื่องยากที่ลบความคิดที่เรากลัวว่ามันจะไม่สำเร็จออกไป
แต่ก็ไม่ต้องลบก็ไปก็ได้
สร้างอีกความรู้สึกนึงที่ทำให้ตัวเองเชื่อมั่นในตัวเองขึ้นมา
ก้าวผ่านทุกความกลัว ทุกความไม่มั่นใจ
พยายามอย่างไม่ย้อท้อ
บอกกับตัวเองว่าไม่ว่าจะฝันอะไร จะทำอะไร
สิ่งนั้นมันคู่ควรกับเราจริงๆ
ติดตามบทความใหม่ ๆ จาก เพจบันทึกนึกขึ้นได้ บน LINE TODAY ทุกวันศุกร์
