ปัจจุบันคนเราใช้จ่ายเงินไปกับหลายสิ่งหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นบ้าน รถ หรือเทคโนโลยี เป็นต้น บรรดาบริษัทห้างร้านต่างๆล้วนทำทุกวิถีทางเพื่อดึงดูดความสนใจจากคุณจนต้องยอมควักกระเป๋าซื้อผลิตภัณฑ์ของพวกเขา แต่ทั้งหมดนี้กลับเป็นความสุขเพียงชั่วครั้งชั่วคราว ประสบการณ์ชีวิตต่างหากล่ะที่จะอยู่กับคุณตลอดไป คุณจะได้สัมผัสกับประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นและมีความสุขอย่างแน่นอน
1. ประสบการณ์เป็นสิ่งที่หาค่ามิได้
ขณะที่สิ่งของชนิดอื่นๆมักจะมีวันหมดอายุเสมอ ทั้งบ้านหลังโตและรถยนต์คันงามที่คุณซื้อล้วนเป็นทรัพย์สมบัติอันน่าทึ่งแต่เมื่อเวลาผ่านไปความพอใจที่คุณได้รับจากสิ่งเหล่านี้กลับลดลง ไม่คงอยู่ตลอดกาล แต่ประสบการณ์จะไม่เคยสูญเสียคุณค่าในตัวเอง เช่น คุณอาจควักเงินเพียง 100 เหรียญเพื่อเข้าไปชมคอนเสิร์ต แต่เชื่อไหมว่านี่จะเป็นประสบการณ์ที่คุณไม่มีวันลืม เรียกได้ว่าเอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม
2. ประสบการณ์จะช่วยกำหนดวัตถุประสงค์และความปรารถนาของคุณ
หากไม่สามารถใช้เงินซื้อประสบการณ์ได้นั่นก็หมายความว่าคุณไม่มีวันค้นพบเป้าหมายและความฝันของตัวเอง เพราะเป้าหมายกับความฝันของคุณจะทำหน้าที่เป็นเข็มทิศชี้นำชีวิต ประสบการณ์ของคุณไม่จำเป็นต้องแพงหรือเว่อร์วังอลังการ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณชอบกีฬาและมั่นใจในเสียงเรียกร้องของตัวเอง คุณอาจต้องยอมเสียเงินเพื่อซื้อตั๋วเข้าชมการแข่งขันกีฬาสักครั้งและเรียนรู้ให้ได้มากที่สุด ซึ่งวิธีนี้ใช้ได้กับทุกสถานการณ์ในชีวิต อย่าพลาดโอกาสที่จะทำตามความฝันและเป้าหมายของตัวเอง สิ่งเหล่านี้เป็นประสบการณ์ที่มีค่าสำหรับคุณ ชีวิตของคุณจะเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง เพราะนี่ล่ะคือการลงทุนครั้งยิ่งใหญ่!
3. ประสบการณ์จะให้เห็นมุมมองที่ต่างออกไป
บางทีวิธีที่ดีที่สุดในการเรียนรู้โลกคงไม่มีอะไรดีไปกว่าการออกเดินทางนะ คุณจะได้สัมผัสวัฒนธรรมกับบรรทัดฐานทางสังคมที่หลากหลาย นี่คือประสบการณ์ที่คุณไม่มีวันได้รับจากในห้องเรียน แต่ไม่ต้องถึงกับบินไปครึ่งโลกเพื่อดื่มด่ำความสุขจากการท่องเที่ยว เพียงวันหยุดสุดสัปดาห์นี้แค่ขับรถไปเที่ยวต่างจังหวัดก็ได้ประสบการณ์ใหม่ๆแล้ว
4. ประสบการณ์จะช่วยสอนคุณให้รู้จักชีวิต
ประสบการณ์คือการลงทุนที่มีค่าเนื่องจากมันจะช่วยสอนคุณให้รู้จักชีวิต เช่น การเดินทางจะสอนให้รู้จักความอดทน การยอมรับ การทำความเข้าใจ และทักษะในการจัดการ ส่วนการซื้อตั๋วเข้าชมการแสดงซิมโฟนี ละครเพลง หรือโอเปร่าจะทำให้คุณได้สัมผัสกับศิลปะการแสดง ขณะที่การเข้าชมการแข่งขันกีฬาจะทำให้คุณมีน้ำใจเป็นนักกีฬาและรู้จักเสียสละ เพราะบทเรียนเหล่านี้เองที่ทำให้คุณควรใช้เงินเพื่อแลกเปลี่ยนกับประสบการณ์
5. ประสบการณ์ต่างๆจะทำให้คุณรู้สึกอิ่มเอมใจ
การให้รางวัลกับตัวเองคือวิธีที่ดีที่สุดในการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เติมเต็มชีวิตของตัวเองด้วยประสบการณ์อันน่าอิ่มเอมและสังเกตว่าตัวเองรู้สึกดีกับชีวิตมากขนาดไหน นี่ไม่ใช่เหตุบังเอิญ มีเหตุผลที่ทำให้คุณรู้สึกมีความสุข สดชื่นและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา อย่างเช่นเมื่อคุณเข้าชมคอนเสิร์ตหรือภาพยนตร์คุณจะรู้สึกซาบซึ้งกับประสบการณ์อันทรงคุณค่าเหล่านั้น และยังมีประสบการณ์อีกมากมายที่เติมเต็มความอิ่มเอมใจให้คุณได้ไม่รู้จบ
6. ประสบการณ์คือความทรงจำที่เปี่ยมล้นไปด้วยความสุขและไม่อาจลืมเลือนได้
ความทรงจำเหล่านี้จะยิ่งมีค่าโดยเฉพาะเมื่อคุณต้องก้าวผ่านอุปสรรคอันยากลำบาก แล้วก็เป็นเครื่องเตือนใจเพื่อบอกว่าปัญหาที่เกิดขึ้นอาจไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คุณคิดก็เป็นได้ คุณควรลงทุนกับประสบการณ์ที่จะสร้างคุณค่าให้กับตัวเอง ไม่ใช่แค่ ณ เวลานี้แต่เป็นตลอดทั้งชีวิตของคุณเลย
7. ประสบการณ์คือสิ่งที่ท้าทายและน่าตื่นเต้น
การพิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสต์อาจเป็นประสบการณ์ที่คุณจะไม่มีวันลืมเนื่องจากความยากและท้าทาย นอกจากนี้ยังสามารถเป็นแรงบันดาลให้กับตัวเองและผู้อื่นอีกด้วย ประสบการณ์เหล่านี้จะนำทางคุณไปสู่การประสบความสำเร็จขั้นสูงสุด
8. ประสบการณ์คือสิ่งที่มีความหมายและคุณก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเงินด้วย
ด้วยสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันการลดค่าใช้จ่ายลงน่าจะทำได้ง่ายกว่าการหารายได้เพิ่ม แต่บอกเลยว่าคุณไม่จำเป็นต้องเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ไปกับประสบการณ์ใหม่ๆที่ไม่มีความหมายสำหรับคุณ คุณควรพิจารณาและตัดสินใจดีๆว่าประสบการณ์แบบไหนที่เหมาะกับตัวเอง ประสบการณ์แบบไหนที่สำคัญกับความเป็นอยู่ของคุณ การลงทุนที่ดีคือการใช้จ่ายเงินอย่างมีเหตุผล
เอาล่ะได้เวลาออกสู่โลกกว้างและไขว่คว้าหาประสบการณ์กันแล้ว ประสบการณ์ส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องเสียเงินซื้อ บางประสบการณ์ก็มีมูลค่าที่สมเหตุสมเหตุ และบางประสบการณ์ก็ต้องอาศัยการลงทุนสูงแต่จะได้รับบทเรียนและความทรงจำอันมีค่าเป็นผลตอบแทนแน่นอน ประสบการณ์เหล่านี้มักเชื่อมโยงกับความฝันและเป้าหมายของคุณ คุณอาจยอมเสียเงินเพื่อแลกกับสิ่งของที่มีคุณค่าทางใจหรือประสบการณ์ที่สร้างความสนุกอย่างมหาศาล
และนี่ล่ะคือการลงทุนกับประสบการณ์ชีวิต
