โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

8 วิธีสร้างรายได้แบบ Passive Income และวิธีตรวจสอบโกง

aomMONEY

อัพเดต 23 ส.ค. 2562 เวลา 06.40 น. • เผยแพร่ 23 ส.ค. 2562 เวลา 06.40 น. • กองบรรณาธิการ
8 วิธีสร้างรายได้แบบ Passive Income และวิธีตรวจสอบโกง
8 วิธีสร้างรายได้แบบ Passive Income และวิธีตรวจสอบโกง

แนะนำ 8 กลยุทธ์ที่จะทำให้คุณมีรายได้แบบ Passive Income ที่น่าพิจารณาในปี 2019 นี้ วิธีการเหล่านี้ทำให้เงินทำงานและสร้างรายได้ให้มากถึง 1 พันเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 30,000 กว่าบาทต่อเดือน

เราสามารถแบ่งรายได้ออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ด้วยกัน ดังนี้

1. รายได้ที่ต้องทำงานแลกมา 

รายได้ประเภทนี้เป็นรายได้ที่คนส่วนใหญ่มี การจะได้รายได้นี้ต้องเหนื่อยหน่อยครับ และหากเราเป็นประเภทที่ได้มาจ่ายไป ไม่มีเงินออมเลย ก็จะทำให้เราลำบากเมื่อยามเราเจ็บป่วย เพราะรายได้ประเภทนี้ต้องอาศัยร่างกายของเราทำงานตลอดเวลา

2. รายได้แบบ Passive Income 

รายได้ประเภทนี้เป็นรายได้ที่ไม่ต้องทำงานตลอดเวลา แต่กลับมีรายได้เข้ามา ด้วยการให้เงินทำงานแทนเราครับ รายได้แบบ Passive Income นับเป็นรายได้ที่น่าสนใจ

8 กลยุทธ์ที่ทำให้มีรายได้แบบ Passive Income

1. การรับเงินปันผลจากหุ้นและการลงทุนอื่น ๆ
ประเด็นนี้ Jeff Rose แนะนำว่า การลงทุนประเภทนี้ทำให้คุณมีรายได้มากกว่า 1 พันเหรียญสหรัฐต่อเดือน (ประมาณ 3.12 หมื่นบาท)
จากหุ้นที่จ่ายเงินปันผลของ ETF (Exchange Traded Fund เป็นกองทุนรวมดัชนีที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ มีนโยบายสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับการเคลื่อนไหวของดัชนีหรือราคาของสินทรัพย์ที่กองทุนใช้อ้างอิง
ผู้ลงทุนสามารถซื้อขาย ETF ได้เหมือนหุ้นตัวหนึ่ง อ่านเพิ่มที่นี่ https://www.set.or.th/th/products/etf/etf_faq.html#1)
และการลงทุนอื่นๆ รวมถึงการลงทุนเพื่อรับเงินปันผล แต่การลงทุนประเภทนี้ต้องใช้ระยะเวลาและการลงทุนที่สม่ำเสมอนะครับ

2. กาารตลาดแบบเครือข่าย
การตลาดแบบเครือข่ายเป็นแนวคิดเกี่ยวกับรายรับ คุณสามารถสร้างธุรกิจในเครือข่ายจากการใช้โซเชียลมีเดียได้ โดยคุณต้องมีเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มเพื่อส่งเสริมบริษัทอื่น ๆ หรือบริษัทในเครือ เมื่อมีคนใช้ลิงก์เพื่อซื้อผลิตภัณฑ์หรือสมัครใช้บริการคุณจะได้รับเงิน
เว็บไซต์หลักของ Jeff Rose คือ GoodFinancialCents.com สร้างรายได้จากเครือข่ายทุกประเภทผ่านความสัมพันธ์ที่เรามีกับบริษัทการลงทุน บริษัทประกันภัย ธนาคารออนไลน์และอื่น ๆ
Jeff Rose บอกว่าคุณไม่ต้องทำในสิ่งที่เขาทำ เพียงแค่คุณใช้โซเชียลมีเดียได้ คุณก็สามารถเริ่มต้นสร้างธุรกิจของคุณได้ทุกรูปแบบ และค้นหาเครือข่ายของคุณได้เลย

3. โฆษณาแบบรูปภาพ
อีกวิธีที่ได้รับมากกว่า 1 พันเหรียญสหรัฐต่อเดือน (ประมาณ 3.12 หมื่นบาท) คือการใช้โฆษณาแบบรูปภาพ โฆษณาแบบนี้จะทำงานได้เหมือนป้ายโฆษณาที่คุณเห็นตามข้างทาง แต่โฆษณาที่เรากำลังพูดถึงนี้จะปรากฏบนเว็บไซต์ของคุณแทน
ผู้ที่ต้องการลงโฆษณาจะจ่ายเงินเพื่อโปรโมทผลิตภัณฑ์ของพวกเขาบนเว็บไซต์ของคุณ เงินจะได้ตามจำนวนผู้ที่เห็นโฆษณา

4 โฆษณาแบบ CPC (Cost per Click ราคาต่อคลิก)
โฆษณา CPC หรือที่เรียกว่าโฆษณา "ราคาต่อคลิก" คุณจะได้รับเงินเมื่อมีคนคลิกโฆษณาไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไรหลังจากนั้น คุณไม่ต้องหวังให้พวกเขาซื้อสินค้าหรือสมัครสมาชิก เพราะทุกคลิกที่เข้าชมสินค้าก็สามารถทำให้เงินเข้าบัญชีธนาคารได้แล้ว
นั่นหมายความว่าคุณสามารถคลิกที่โฆษณาบนเว็บไซต์ของตัวเองได้ตลอดทั้งวันอย่างนั้นหรอ ผมคิดว่าได้นะ แต่สุดท้ายบริษัทก็จะรู้ว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่และจะไม่ลงโฆษณากับเว็บไซต์ของคุณต่อไป

5. ขายโอกาสในการขาย
Jeff Rose เล่าว่า เขาทำเว็บไซต์ประกันภัยขึ้นมา ซึ่งเรียกว่า Life Insurance by Jeff เขาบอกว่าภายใน 9 เดือนมันสร้างรายได้ให้เขามากถึง 100,000 เหรียญสหรัฐ (3 ล้านกว่าบาท) แต่การทำเว็บไซต์ไม่ใช่รายได้แบบ passive เสียทีเดียวหรอก แต่มันสร้างโอกาสให้ตัวเองที่จะทำให้มีผู้คนมาซื้อสินค้าหรือผลิตภัณฑ์เราเพิ่มขึ้น
เขาบอกว่าในส่วนนี้กำไรมันจะน้อย ถ้าอยากได้กำไรต้องจ้างคนและมีการจัดการและลงแรงกับมันมากกว่านี้

6. ขายคอร์สออนไลน์
ตอนนี้ Jeff Rose ขายคอร์สเพียงคอร์สเดียว นั่นก็คือคอร์สการตลาดออนไลน์สำหรับที่ปรึกษาทางการเงิน แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยโปรโมตมันสักเท่าไร แต่ก็ขายคอร์สนี้ได้ค่อนข้างมาก ทั้งที่คอร์สค่อนข้างแพงมากถึง 2,500 เหรียญ หรือ 7.6 หมื่นบาท
เขาบอกว่ากว่าจะได้ผลิตคอร์สนี้ได้ เขาทำงานอย่างหนักกับมันมาก จนตอนนี้เขามีรายได้จากมันมากกว่า 1,000 เหรียญต่อเดือน (ประมาณ 30,000 กว่าบาท)

7. สร้างผลิตภัณฑ์ดิจิทัล
ผลิตภัณฑ์ดิจิทัลที่คุณสามารถขายซ้ำแล้วซ้ำอีกได้เมื่อมีสินค้าดิจิทัลประเภทอื่น ๆ สิ่งที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้คือ e-books, การสอนออนไลน์ เป็นต้น
เช่น เขาเสนอให้ไอเดียฟรีๆ แต่ถ้าอยากได้เป็น pdf file ก็จ่ายเพิ่มอีก 7 เหรียญสหรัฐ เป็นต้น ซึ่งถ้าขายได้จำนวนมากรายได้ก็เพิ่มตามไปด้วย

8. โฆษณาYouTube
ทุกวันนี้ใครก็ดูยูทูปกันครับ เพราะด้วยมีวิดิโอให้เลือกหลากหลาย มีคนจำนวนไม่น้อยที่ได้รายได้จาการทำช่องยูทูปของตัวเองขึ้นมา นอกจากยอดผู้ชมที่จะทำให้ได้รับเงินแล้ว โฆษณาบนยูทูปก็ช่วยให้เราได้รับเงินเช่นกันครับ

อย่าโดนหลอกด้วยคำว่า Passive Income
ที่ผ่านมาเราคงรู้จักกับคำว่า Passive Income กันมาบ้าง หลายครั้งมักถูกนำมาใช้ในโฆษณาชวนเชื่อหาคนเข้าไปทำงานขายตรง แชร์ลูกโซ่ธุรกิจ MLM แต่จริง ๆ แล้วธุรกิจหลอกลวงเหล่านี้ไม่ได้ใกล้เคียงคำว่า Passive Income แม้แต่น้อยเลยนะครับ
หลายคนคงเคยโดนหลอกให้ลงทุนอย่าง “แชร์ลูกโซ่“ งานในลักษณะนั้น มันไม่ได้เป็นแค่การลงทุนเพื่อรอผลตอบแทน แต่จะต้องดิ้นรนตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการพยายามขายสินค้า (ราคาแสนแพง) หรือแชร์ลูกโซ่ที่ต้องชวนคนเข้ามาร่วมทีมด้วย ซึ่งตอนนี้ก็ยากขึ้นเรื่อยๆ เพราะคนเริ่มรู้ทันกันหมดแล้ว
พวกเขาอยู่ได้เพราะคนที่อยู่ด้านบนของเครือข่ายเหล่านี้ที่เป็นจุดสูงสุดของตำแหน่งที่จะทำเงินด้วยวิธีโดยแทบจะไม่ต้องทำอะไร เพียงแค่หลอกคนเก็บค่าหัวไปเรื่อยๆ เพื่อทำเงิน จากการแนะนำต่อๆ กันมา
คนที่หลงเชื่อและทำตามก็ต้องดิ้นรนขายสินค้าหรือหาดาวน์ไลน์ หาคนร่วมทีมอย่างเหนื่อย ที่แย่สุดคือถูกหลอกให้มาลงทุนแล้วหายเงียบ อย่างที่เป็นข่าวกันมากมายในทุกวันนี้ครับ
เมื่อช่วงกลางปีที่แล้ว ทาง Thai PBS รายงานว่า เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2561 ทางสมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่ได้ออกมาเปิดเผยตัวเลข 4 ปีที่ผ่านมา (ปี 2558-2561) แชร์ลูกโซ่ถูกหลอกมาแล้วกว่า 80,000 คน สำหรับแชร์ลูกโซ่จะแบ่งตามการศึกษา กลุ่มความรู้ และฐานะ แต่มีหลากหลายรูปแบบด้วยกันครับ

1. กลุ่มเกษตรกร จะใช้วิธีการหลอกผ่านผลิตภัณฑ์ทางเกษตรที่คุ้นเคย เช่น การนำการปลูกมันสำปะหลัง ข้าวสาร ต้นหม่อนมัลเบอร์รี่ เมื่อเกษตรกรมีความเดือดร้อนเรื่องนี้อยู่แล้ว คิดว่าตรงนี้จะมาเติมเต็มชีวิต มีรายได้เพิ่มเติมมากขึ้น ทำให้ถูกหลอกได้

2. กลุ่มวัยรุ่น กลุ่มนี้จะอยู่กับโลกออนไลน์ตลอดเวลา มักจะถูกหลอกเรื่องการลงทุน เช่น หลอกลงทุนในหุ้น หุ้นต่างประเทศ สกุลเงินดิจิทัล ซึ่งบางกลุ่มจะไปรู้จักธุรกิจที่เหมือนขายตรง มีการสร้างทีม แต่ไม่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) แต่จะใช้แผนธุรกิจขายตรงมาใช้

3. ข้าราชการ หรือกลุ่มคนที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป ที่ไม่รู้เรื่องการลงทุนจะถูกหลอกด้วยเรื่องหุ้นทองคำ ที่ทุกคนจับต้องได้ จึงคิดว่าการซื้อขายหุ้นทองคำในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ฟิวเจอร์) ที่ทำเป็นเว็บไซต์ขึ้นมาน่าจะเป็นจริง
และ การลงทุนในฟอเร็กซ์ ซึ่งเป็นการซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประ เทศ ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ไม่เคยอนุญาตให้เอกชนรายใดทำฟอเร็กซ์ในประเทศไทยได้เลยครับ
ส่วน แชร์ลูกโซ่ที่ถูกร้องเรียนมากที่สุด คือ สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ ที่หลอกว่าเสียชีวิตแล้วได้เงิน เนื่องจากผู้เสียหายส่วนใหญ่จะเป็นชาวบ้าน เมื่อเสียชีวิตแล้วไม่ได้เงินถึงรู้ว่าถูกโกง ลูกหลานต้องออกมาฟ้องร้อง
เนื่องจากไม่ได้เป็นคนทำสัญญา กลายเป็นว่าคนที่ยังไม่เสียชีวิตออกมาฟ้องแทน ซึ่งเดิมฌาปนกิจฯ จะทำเฉพาะในชุมชน ไม่สามารถหานอกพื้นที่ได้ แต่ในปัจจุบันปรากฏว่าจดทะเบียนที่เดียวแต่ขายทั่วประเทศ
เสมือนเป็นการหากินกับศพ ต้องจ่ายค่าสมาชิกทุกเดือน ถ้าเดือนนี้จ่าย แต่เดือนต่อไปไม่จ่าย เขาจะตัดสมาชิก เท่ากับว่าที่จ่ายมาทั้งหมดเป็นโมฆะ

รู้ทันกลโกงธุรกิจแชร์ลูกโซ่ โดยพฤติกรรมของแชร์ลูกโซ่ที่ลักษณะเหมือนกันคือ
1. สร้างความน่าเชื่อถือให้ธุรกิจที่ไม่ใช่การหลอกลวง จึงต้องอ้างทุกอย่างและตกแต่งข้อมูล ปลอมแปลงข้อมูลให้ได้ว่าเป็นธุรกิจไม่ใช่การหลอกลวง

2. เดินสายล่ารับรางวัล โดยการซื้อรางวัลที่มีการแจก ยิ่งเป็นคนดังที่ใครๆ ต่างก็รู้จักแจกรางวัลยิ่งต้องไปรับ เพื่อนำรางวัลมาการันตี และสร้างความน่าเชื่อถือ

3. ออกสื่อและใช้สื่อในการโฆษณา เช่น ฮัจยีกรุ๊ป อ้างว่าลงในรัฐมอญ แต่จริงๆ แล้วเป็นกำมะลอ 18 มงกุฏ แต่สื่อนำเสนอข่าวว่าจะมีการลงทุนเมกกะโปรเจ็กต์ ในรัฐมอญ แล้วโน้มน้าวชวนให้ลงทุน

4. มีการพาไปเที่ยว/สัมมนา/จัดประชุมใหญ่ เช่น โชกุน นั่งเครื่องบินเจ็ท ลงเรือยอร์ช ลงทุนแล้วชีวิตดี มีรายได้สูง เป็นแขก VIP เพื่อสร้างภาพพจน์ที่ดีให้กลับธุรกิจ ให้ดูน่าสนใจ

5. มีขบวนการหน้าม้า หรือสร้างไลน์ปลอมใช้รูปสัตว์หรือการ์ตูน ไม่มีตัวตน จะมีการส่งสลิปให้เห็นว่ามีการรับเงิน เมื่อยอดเข้าแล้วก็จะมีการชักชวนคนสำเร็จซึ่งทุกอย่างจะวางอย่างเป็นระบบ
เมื่อพอเราอยู่ในกลุ่มไลน์ สมาชิกในกลุ่มไลน์คนของเขาทั้งหมดเลย เราเป็นเหยื่อคนเดียว คล้ายกับการสะกดจิตหมู่เมื่อถูกหลอกแล้ว จะเอาเงินคืนอย่างไรก็ต้องหลอกคนอื่น ก็ไปทำขบวนการเริ่มต้นใหม่หลอกวนไป
การสร้างรายได้แบบ Passive Income เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สร้างเงินจำนวนมากโดยที่คุณไม่ต้องทำงานตลอดเวลาก็จริง แต่ว่าการที่คุณจะทำอะไรคุณควรจะต้องศึกษาให้ดีก่อนเพื่อที่จะไม่ตกเป็นเหยื่อของใคร
ทางที่ดีที่สุดนะครับ การมีรายได้หลายทางเป็นสิ่งที่ดีกว่า ไม่ว่าจะทำงานเพื่อให้ได้เงินมาหรือ สร้างรายได้แบบ Passive Income ก็ตาม เพื่อที่ถ้าเกิดว่ารายได้จากทางใดทางหนึ่งมีปัญหาขึ้นมาเราจะได้มีรายได้สำรองครับ

ที่มา
forbes
https://bit.ly/2ITOlPI
greedisgoods.com
https://bit.ly/2x4PRcp
Newthaipbs
https://news.thaipbs.or.th/content/272838 

ติดตามความรู้เรื่องการเงินการลงทุนจาก aomMONEY
Line@ : @aommoney
Website : www.aomMONEY.com
Youtube : https://www.youtube.com/AommoneyTH
กลุ่มกองทุนไหนดี : https://www.facebook.com/groups/SelectedFund/

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0