โลกของนักฟุตบอลแน่นอนว่าความสำเร็จของอาชีพการค้าแข้งคือการคว้าแชมป์มาประดับบารมีหลังจากทำงานหนัก ซึ่งแน่นอนแชมป์ฟุตบอลลีกของประเทศนั้นที่ย้ายไปเล่นคือการถวิลหาอย่างที่สุดของยอดพ่อค้าแข้ง
แต่แล้วก็มีนักเตะระดับโลกอยู่จำนวนนึงที่แม้จะโชว์ฟอร์มดีขนาดไหนก็ยังมิอาจก้าวขึ้นไปสัมผัสโทรฟี่แชมป์ลีกได้สักครั้ง ว่าแล้ววันนี้ทาง ขอบสนาม เราได้ทำการรวบรวมแข้งโชคร้ายที่โชว์ฟอร์มดีแต่ยังไม่อาจเอื้มมือไปคว้าแชมป์ลีกมาครอบครองได้ จะมีใครกันบ้างไปติดตามกันได้เลย
อ็องตวน กรีซมันน์
สโมสรที่ลงเล่น : เรอัล โซเซียลดัด, แอตเลติโก มากริด
กรีซมันน์ แจ้งเกิดมากับสโมสรระดับกลางอย่าง เรอัล โซเซียลดัด ซึ่งเจ้าตัวช่วยให้ทีมสามารถขึ้นมาเล่นในลาลีกา ได้สำเร็จ ก่อนที่จะย้ายมาร่วมทัพ "ตราหมี" ซึ่งกับที่นี่เจ้าตัวทำได้แค่เกือบกับการคว้าโทรฟี่อย่าง ลาลีกา ถึงแม้จะเปลี่ยนคู่หูมากกี่คนแล้วก็ตาม ถึงแม้ตอนนี้เจ้าตัวจะเป็นถึงแข้งดีกรีแชมป์โลกและแชมป์ ยูโรปา ลีก แต่เชื่อเหลือเกินเจ้าตัวก้อยากสัมผัสอารมณ์การเป็นที่ 1 ของลีกสเปนดูสักครั้ง
มาร์โก รอยส์
สโมสรที่ลงเล่น : โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค, โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์
อีกหนึ่งแข้งที่อาภัพกับโทรฟี่แชมป์เป็นอย่างมาก เพรานับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทัพ "เสือเหลือง" เมื่อฤดูกาล 2012-13 เจ้าตัวคว้าแชมป์ไปเพียง 3 รายการเท่านั้นคือ เยอรัมน ซุปเปปอร์ 2 สมัย และ และเดเอฟ เบ โพคาล อีก 1 สมัย
ซึ่งในฤดูกาลนี้เจ้าตัวก็มีโอกาสเป็นอย่างมากที่จะเอื้อมมือไปหยิบถาดแชมป์มาครอบครอง เพราะตอนนี้ ดอร์ทมุนด์ นำเป็นจ่าฝูงของลีกอยู่และเจ้าตัวก็มีฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมถึงแม้ตอนนี้จะโดนอาการบาดเจ็บเล่นงานอยู่ก็ตาม
มาเร็ค ฮัมซิค
สโมสรที่ลงเล่น : เบรสชา, นาโปลี
กองกลางที่ครั้งนึงถูกยกย่องว่าเป็นเบอร์ต้นๆ ของโลก ซึ่งที่จริงแล้วเขากับนาโปลี น่าจะคว้าแชมป์กัลโซ่ ได้สัก 1 สมัย เพราะตอนนั้นมีแนวรุกที่โคตรโหดเลยทีเดียวอย่าง เอดิสัน คาวานี่, เอเกเซล ลาเวลซี่, กอนซาโล่ อิกวาอิน ก่อนที่แต่ล่ะคนก็เริ่มแยกย้ายกันไป ก่อนที่ ฮัมซิค จะเป็นรายสุดท้ายที่ปิดตำนานแนวรุกชั้นยอดนี้พร้อมกับการไม่มีแชมป์ กัลโซ่ เซเรียอา ติดมือเลยสักสมัยเดียวตลอด 12 ปี ที่ นาโปลี
ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง
สโมสรที่ลงเล่น : แซงต์ เอเตียน, โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์, อาร์เซน่อล
สิ่งที่ไม่น่าเชื่อคือยอดดาวยิงแบบ โอบาเมยอง ย้ายไปค้าแข้งถึง 3 ลีกใหญ่ยุโรปกับทีมเบอร์ต้นๆ ของลีกแต่ทว่ากลับมือเปล่ายังไม่เคยเอื้อมมือไปสัมผัสแชมป์ลีกเลยสักครั้ง ซึ่งกับฤดุกาลนี้ก็เช่นกัน
ย้อนกลับไปสมัยกับ ดอร์ทมุนด์ ก็ยิงกระจายแต่ก็ไปไม่ถึงดวงดาวแห่งการคว้าแชมป์บุนเดสลีดา และกับสโมสรใหม่เจ้าตัวก็หวังว่าจะเอื้อมมือไปหยิบให้ได้สักครั้งแต่อย่างน้อยเจ้าตัวคงต้องรอถึงฤดูกาลหน้า
ดานิเอเล่ เด รอสซี่
สโมสรที่ลงเล่น : โรม่า
อีกหนึ่งเจ้าชายหมาป่าแห่งกรุงโรม แต่สิ่งที่น่าเหลือเชื่อคือตลอด 17 ในเครื่องแบบ โรม่า เด รอสซี่ ยังไม่เคยคว้าแชมป์กัลโซ่ เซเรีย อา มาครอบครองสักสมัยเดียว อย่างดีที่สุดคือแชมป์ โคปปา อิตาเลีย 2 สมัย แต่แล้วกับอายุที่มากถึง 35 ปี แล้วมันก็คงเข้าสู่ช่วงปลายอาชีพ และที่ยากไปกว่านั้นคือโอกาสในการเอื้อมมือไปหยิบแชมป์ลีก ซึ่งก็ได้แต่หวังว่าสักวัน เด รอสซี่ จะได้ชูโทรฟี่ขึ้นเหนือหัวก่อนประกาศอำลาสนามไป
เฟร์นานโด ตอร์เรส
สโมสรที่ลงเล่น : แอตเลติโก มาดริด, ลิเวอร์พูล, เชลซี, เอซี มิลาน, ซากัน โทสุ
ผลงานตลอดอาชีพการค้าแข้งของ ตอร์เรส ไม่ได้เป็นสองรองใคร แต่ทว่าถ้านับกันเรื่องโทรฟี่แชมป์ลีกเขาเป็นอีก 1 คนที่โชคร้ายไม่ใช่น้อย โอกาสที่เข้าใกล้แชมป์ลีกมากที่สุดคงหนีไม่พ้นเมื่อปี 2009 ที่เบียดแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีก ก่อนที่จะโดน แมนฯ ยูไนเต็ด แซงเข้าวินไป ซึ่งหลังจากนั้นเจ้าตัวก็ออกไปคว้าแชมป์ แชมเปี้ยนส์ลีกกับ เชลซี ก่อนจะย้ายไปหากินที่ อิตาลี กับมิลาน กลับบ้านเก่าที่ แอต.มาดริด และล่าสุดกับความท้าทายใหม่อย่างเจ ลีก ประเทศญี่ปุ่นกับ ซากัน โทสุ แต่สิ่งนึงที่ยังเหมือนเดิมคือไร้โทรฟี่แชมป์ของลีกนั้นๆ
*ฆวน มาต้า *
สโมสรที่ลงเล่น : บาเลนเซีย, เชลซี, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
หลังจากแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวกับ บาเลนเซีย ทำให้เจ้าตัวเป็นที่ต้องการของหลายสโมสรในยุโรปก่อนที่จะเป็น เชลซี ได้ไปครอบครอง ซึ่งเจ้าตัวก็ใช้เวลาไม่นานในการก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีม แต่ทว่าสิ่งที่ผิดไปคือการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ก่อนที่ 4 ปีกับ "สิงโตน้ำเงินคราม" จะไปผ่านและย้ายไปสู่ทัพ แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งที่นั่นเจ้าตัวก็โชคร้ายไม่ใช่น้อยเมื่อต้องมาเจอกับช่วงเปลี่ยนถ่ายกุนซือพอดีทำให้โอกาสคว้าแชมป์ลีกมันถอยหลังไปไกลมากกว่าเดิมเสียอีก
