7 บจ.เตรียม Spin-off บ.ย่อยเข้าตลาดหุ้น พบ 5 บริษัทยื่นไฟลิ่งแล้ว ลุยระดมทุนขยายธุรกิจ วงการชี้เพิ่มความคล่องตัวทั้งบริษัทแม่-ลูก ผงะ ! สถิติ 5 ปีหลังเกินครึ่งราคาหุ้นดิ่ง 2 บริษัทเตรียมงัด "กรีนชู" พยุงราคาหุ้น
*** 7 บจ.เตรียมส่ง บ.ย่อยเข้าตลาดหุ้นปีนี้
"สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" สำรวจข้อมูลการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) พบว่า ขณะนี้มีบริษัทจดทะเบียน (บจ.) 7 บริษัท เตรียมนำบริษัทย่อยเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ(SET) และ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ประกอบด้วย
7 บจ.เตรียม Spin-off บ.ย่อย
ชื่อย่อหุ้น
บริษัทย่อย
ตลาด
ธุรกิจ
ไอพีโอ (ล.หุ้น)
SCC
เอสซีจีแพคเกจจิ้ง (SCGP)
SET
บรรจุภัณฑ์
1,194.80
SAMART
เอวิเอชั่น โซลูชั่นส์ (SAV)
SET
การจราจรทางอากาศ
64
STA
ศรีตรังโกลฟส์ (STGT)
SET
ถุงมือยางธรรมชาติ
444.78
TU
ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ (TFM)
SET
อาหารสัตว์
109.3
TRUBB
เลเท็กซ์ ซิสเทมส์ (LS)
mai
ที่นอน-หมอนยางพารา
132.43
BWG
เอิร์ธ เท็ค เอนไวรอนเมนท์ (ETC)
N/A
โรงไฟฟ้า
600
PTT
ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (PTTOR)
SET
ค้าปลีก Oil และ Non-Oil
N/A
*** 5 บริษัทยื่นไฟลิ่งแล้ว
ทั้งนี้ 5 ใน 7 บริษัทข้างต้นได้ยื่นแบบรายงานการเสนอขาย (Filing) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เรียบร้อยแล้ว ได้แก่ 1.บมจ.เอสซีจีแพคเกจจิ้ง (SCGP) เตรียมขายไอพีโอ 1,194.80 ล้านหุ้น พาร์ 1 บาท 2.บมจ.เอวิเอชั่น โซลูชั่นส์ (SAV) ขายไอพีโอ 64 ล้านหุ้น พาร์ 0.50 บาท 3.บมจ. ศรีตรังโกลฟส์ (STGT) ขายไอพีโอ 444.78 ล้านหุ้น พาร์ 1 บาท 4.บมจ.ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ (TFM) ขายไอพีโอ 109.3 ล้านหุ้น พาร์ 2 บาท และ 5.บมจ.เลเท็กซ์ ซิสเทมส์ (LS) ขายไอพีโอ 132.43 ล้านหุ้น พาร์ 0.50 บาท
ส่วน บมจ.เอิร์ธ เท็ค เอนไวรอนเมนท์ (ETC) และ ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (PTTOR) อยู่ระหว่างการเตรียมยื่นไฟลิ่ง โดยได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัทและผู้ถือหุ้นแล้ว
*** วงการชี้เพิ่มความคล่องตัวขยายธุรกิจ
"แมนพงศ์ เสนาณรงค์" รองผู้จัดการหัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า สาเหตุที่ บจ.เตรียม Spin-off บ.ย่อยหลายบริษัทช่วงนี้เกิดจากภาวะการดำเนินธุรกิจและการแข่งขันในโลกยุคปัจจุบันเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้นการ Spin-off จึงเป็นช่องทางที่ดีในการเพิ่มความคล่องตัวทั้งบริษัทแม่และบริษัทลูก
เช่นเดียวกับ "สมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ผู้ดำเนินธุรกิจที่ปรึกษาการเงินรายใหญ่ ระบุว่า การ Spin-off จะสร้างความแข็งแกร่งทั้ง 2 บริษัท เนื่องจากจะลดภาระในการดูแลบริษัทลูก เช่น เงินทุนที่บริษัทแม่ต้องสนับสนุนเป็นประจำ เพราะบริษัทลูกไม่สามารถหาแหล่งเงินทุนได้เอง ขณะเดียวกันบริษัทลูกมีราคาหุ้นอ้างอิงในตลาด ทำให้บริษัทแม่สะท้อนมูลค่าหุ้นได้ดีมากขึ้น
ส่วนบริษัทลูกหลังจากทำการ Spin-off จะทำให้มีอิสระในการบริหารงานมากขึ้น อนาคตสามารระดมทุนได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องพึ่งพาเงินทุนจากบริษัทแม่ ลดการทับซ้อนในแง่ของการบริหารงานลงได้ ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานดียิ่งขึ้น ที่สำคัญจะเกิดความโปร่งใส่ด้านการตรวจสอบมากขึ้น
*** 2 รายเตรียมงัด "กรีนชู" พยุงราคาหุ้นหลังเข้าเทรด
ขณะที่เมื่อตรวจสอบข้อมูลไฟลิ่งพบว่ามี 2 บริษัทอาจจะมีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน (Over-Allotment) เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาหุ้นหลังเข้าซื้่อขาย (Greenshoe Option) ได้แก่ บมจ.บมจ.เอสซีจีแพคเกจจิ้ง (SCGP) เตรียมจัดสรรหุ้นส่วนเกินไม่เกิน 179 ล้านหุ้น และ บมจ.เอวิเอชั่น โซลูชั่นส์ (SAV) จะมีการจัดสรรหุ้นส่วนเกินด้วยเช่นกัน แต่ยังไม่ระบุจำนวนหุ้น
*** ช็อค ! สถิติ 5 ปีหลังเกินครึ่งราคาดิ่งทั้งแม่-ลูก
ทั้งนี้เมื่อสำรวจข้อมูลการ Spin-off บ.ย่อย ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา (2558-2562) จำนวน 18 บริษัท พบว่าเกินครึ่งราคาปรับตัวลดลงทั้งบริษัทแม่และบริษัทลูก
สถิติราคาหุ้น Spin-off ปี 58-62
การเปลี่ยนแปลงราคาหุ้น บ.แม่
การเปลี่ยนแปลงราคาหุ้น บ.ลูก
บ.แม่
บ.ลูก
วัน บ.ลูกเทรด
(บ.)
ราคาล่าสุด (บ.)
%chg
ราคาไอพีโอ(บ.)
ราคาล่าสุด(บ.)
%chg
ILINK
ITEL
14.07
3.62
-74
5.2
2.38
-54
TTA
PMTA
13.3
4.2
-68
18
7.2
-60
SALEE
SLP
1.73
0.85
-51
2.16
0.5
-77
ACG
GSC
2.5
0.78
-69
1.7
0.78
-54
SST
MM
11.73
3.8
-68
5.25
2.44
-54
TAKUNI
CAZ
0.93
0.4
-57
3.9
2.48
-36
TPIPL
TPIPP
2.54
1.61
-37
7
4.52
-35
S
SHR
2.96
2.43
-18
5.2
2.9
-44
BANPU
BPP
18.5
11.6
-37
21
17.4
-17
TPOLY
TPCH
3.57
2.62
-27
12.75
12.6
-1
JMART
J
6.18
9.55
55
2.77
0.83
-70
PTTGC
GGC
74.25
56.25
-24
11.2
13.7
22
AMATA
AMATAV
12.7
19.5
54
7.5
4.78
-36
WHA
WHAUP
3.12
3.62
16
5.25
5.8
10
BCP
BCPG
30.75
28
-9
10
17.5
75
PTT
SPRC
24
46
92
9
9.45
5
PTT
GPSC
36
46
28
27
92.25
242
INET
NETBAY
4.05
2.48
-39
4
34
750
จากตารางมีถึง 10 คู่บริษัทแม่และบริษัทลูกที่ราคาปรับตัวลดลงทั้ง 2 บริษัทนับจากวันที่บริษัทลูกเข้าซื้อขาย และมีถึง 5 คู่ที่ราคาหุ้นทั้ง 2 บริษัทปรับตัวลดลงมากกว่า 50% นับจากวันที่บริษัทลูกเข้าซื้อขาย โดย บมจ.อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น (ILINK) และ บมจ.อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม (ITEL) เป็นคู่แม่-ลูก ที่ราคาปรับตัวลดลงสูงสุด ซึ่ง ILINK ราคาล่าสุด (17 ม.ค.63) เทียบกับราคาหุ้นวันที่ ITEL เข้าซื้อขาย ปรับตัวลดลงถึง 74% ขณะที่ ITEL ราคาล่าสุดเทียบกับราคาไอพีโอปรับตัวลดลงถึง 54%
ขณะที่มีบริษัทแม่ 3 บริษัทที่ราคาล่าสุดปรับตัวลดลงหลังบริษัทลูกเข้าเทรด และมีบริษัทลูก 2 บริษัทราคาล่าสุดปรับตัวลดลงจากราคาไอพีโอ โดยมีเพียง 3 คู่บริษัทแม่-ลูก เท่านั้นที่ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้ง 2 บริษัท
*** กูรูชี้ ปล่อยลูกผิดคน ส่งผลราคาวูบ
"มงคล พ่วงเภตรา" ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคทีบี (ประเทศไทย) ประเมินว่า สาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้นบริษัทที่ทำการ Spin-off ปรับตัวลดลง เนื่องจากดำเนินกลยุทธ์ผิดพลาด โดยหลายบริษัทแยก บ.ย่อยที่เป็นธุรกิจทำกำไรออกไป ส่งผลต่อกำไรบริษัทแม่ให้ลดลง
"ช่วงหลัง บจ.ที่ Spin-off บ.ลูกเข้าตลาดฯ มักปล่อยธุรกิจพระเอกออกไป ทำให้กำไร บ.แม่ลดลง และไม่มีจุดแข็งจูงใจนักลงทุนเหมือนก่อน Spin-off เช่นหลายบริษัท ที่แยกธุรกิจโรงไฟฟ้าออกมา ขณะที่บางกลุ่มธุรกิจทั้ง บ.แม่และ บ.ลูก อยู่ในช่วงขาลง ผลประกอบการไม่ดีเหมือนที่คาดหวัง ส่งผลให้มีแรงขายออกมาทั้ง บ.แม่และ บ.ลูก ซึ่งนักลงทุนต้องศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนลงทุนหุ้นลักษณะนี้ ต้องเป็นการ Spin-off ที่จะได้ประโยชน์ทั้งคู่ แยกกันแล้วทำให้มีการเติบโต " มงคล กล่าว
ฟากแหล่งข่าวผู้บริหารที่ปรึกษาการเงินรายใหญ่ มองว่า การ Spin-off ธุรกิจในเครือ ต้องถูกจังหวะถูกเวลา ต้องมีโมเดลธุรกิจ หลังแยกกันชัดเจน แม้การ Spin-off จะทำให้คล่องตัวขึ้นด้านต้นทุนทั้ง 2 บริษัท แต่ไม่ใช่สิ่งที่การันตีการเติบโตในอนาคตอย่างต่อเนื่อง สะท้อนจากสถิติข้างต้น
เรื่องการกำหนดราคาหุ้นบ.ลูกก็สำคัญ หากขายแพงเกินไป และผลประกอบการไม่เป็นไปตามคาดหวัง จะส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นทั้ง 2 บริษัท เพราะนักลงทุนมักจะตีมูลค่าล่วงหน้าไปพร้อมกันทั้ง บ.แม่ และ บ.ลูก