โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

กีฬา

6 เหตุผล ที่ 2018-19 จะเป็นซีซั่นที่น่าผิดหวัง ของ เรอัล มาดริด

ขอบสนาม

อัพเดต 15 ก.พ. 2561 เวลา 03.21 น. • เผยแพร่ 16 ส.ค. 2561 เวลา 11.27 น. • ขอบสนาม
6 เหตุผล ที่ 2018-19 จะเป็นซีซั่นที่น่าผิดหวัง ของ เรอัล มาดริด

ฤดูกาล 2018-19 ของเวที ลา ลีกา กำลังจะเปิดฉากขึ้นในเร็วๆ นี้ และดูเหมือนมันเป็นมีที่มีการเปลี่ยนแปลงมากมาย โดยเฉพาะกับ เรอัล มาดริด และนี่ก็คือเหตุผลที่พวกเขาจะต้องเจอกับปีที่น่าผิดหวัง

ขาด โรนัลโด้ แล้วอยู่ได้จริงๆ หรือ ?

https://twitter.com/juventusfcen/status/1018959185013366784

การย้ายทีมของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จาก เรอัล มาดริด ไป ยูเวนตุส ถือเป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์ที่โลกลูกหนังต้องจดจำ แถมยังชวนให้ติดตามอีกว่าพี่แกจะสามารถเขียนตำนานบทใหม่ขึ้นมาได้อีกหรือไม่ ? แต่อีกสิ่งที่น่าติดตามไม่แพ้กันก็คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับ เรอัล มาดริด นับจากนี้ไปว่ามันจะเป็นยังไง

นักเตะหลายคนๆ รวมถึงบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับ เรอัล มาดริด ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า*'ถึงไม่มี โรนัลโด้ ทีมก็อยู่ได้ และยังคงแข็งแกร่งเหมือนเดิม' *คำถามก็คือนั่นคือคำพูดที่ปลอบใจตัวเองรึเปล่า ? การขาดหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในโลกไปมันจะไม่ส่งผลกับทีมจริงหรือ ?

เจ้าของโค้ดเนม CR7 ไม่ได้มีดีแค่การยิงประตูที่ถล่มทลายอย่างเดียวเท่านั้น แต่ในยามที่ทีมคับขันพี่แกก็เป็นคนที่สร้างช็อตปาฏิหาริย์ได้บ่อยครั้ง นอกจากนี้การมีเขาอยู่ในสนามอย่างน้อยมันก็ข่มขวัญคู่แข่งได้ไม่ใช่น้อยเลยจริงๆ และเมื่อสิ่งเหล่านี้หายไปยังไงมันก็ต้องส่งผลอย่างเห็นได้ชัดอยู่แล้ว

การเสริมทัพที่น่าผิดหวัง

https://twitter.com/ESPNFC/status/1027541794282713089

ปกติเราจะจดจำภาพที่ เรอัล มาดริด เสริมทัพได้โหดแทบทุกๆ ปี พวกนักเตะดังๆ ระดับเวิลด์นี่แทบจะย้ายมาไม่ขาดสายเลย แต่พักหลังเหมือนมันดึงดูดนักเตะเหล่านี้ไม่ค่อยเท่าไหร่ โดยซัมเมอร์นี้ตัวที่ดูเด่นๆ และใช้งานได้มากสุดก็คงมีแค่ ติโบต์ กูร์กตัวส์ รายเดียวเท่านั้นจากที่ได้มาทั้งหมดราว 5-6 คน

ปัญหาหลักๆ เลยก็คือการหาตัวแทนของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซึ่งจริงอยู่ที่ แกเร็ธ เบล สามารถขึ้นมารับบทบาทนี้ได้ แต่มันจะดีกว่าไหมถ้าเกิดได้นักเตะระดับเวิลด์คลาสด้วยกันเข้ามาเติมเต็ม นักเตะที่เคยวาดฝันเอาไว้ว่าอยากย้ายมา เรอัล มาดริด อย่าง เอแด็น อาซาร์ และ คีเลียน เอ็มบัปเป้ ทางสโมสรก็ไม่สามารถทำให้เกิดขึ้นได้เลยสักคน

ถ้าจะพูดว่า'ทีมอย่าง เรอัล มาดริด ไม่จำเป็นต้องเสริมทัพก็ประสบความสำเร็จได้' มันเป็นแบบนั้นจริงหรือ ? ย้อนกลับไปเมื่อปีก่อนที่ก็เสริมทัพได้ไม่ดี จริงอยู่ที่พวกเขาสามารถไปจนสุดทางและได้ชูถ้วยแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก สมัยที่ 13 แต่ลองดูภาพรวมจริงๆ เรอัล มาดริด มีฟอร์มการเล่นที่ดร็อปลงไปอย่างเห็นได้ชัด และขาดความคงเส้นคงวาสุดๆ จนหมดโอกาสลุ้นแชมป์ ลา ลีกา กับตกรอบ โกปา เดล เรย์ ตั้งแต่ไก่โห่

โลเปเตกี มือถึงแล้วจริงๆ หรือ ?

https://twitter.com/oscar_ddiego/status/1029853537986064384

มาคุมทีม เรอัล มาดริด นัดแรกในเกมอย่างเป็นทางการก็โดน แอตเลติโก มาดริด กดไป 4 เม็ดงามๆ จริงอยู่ที่แท็คติกที่เขาใช้กับทีมชาติ สเปน นั้นมันสามารถเอามาใช้ทีม เรอัล มาดริด เพราะนักเตะส่วนใหญ่มันก็คือตัวทีมชาติ สเปน ทั้งนั้น เกมรุกยังคงน่ากลัวและมีโอกาสมากมาย แต่เรื่องของมิติอะไรใหม่ๆ ยังไม่มีให้เห็น แถมปัญหาเกมรับที่เสียประตูเยอะของ เรอัล มาดริด ก็ยังคงแก้ไม่หายจากปีก่อน และมันจะเป็นปัญหาของพวกเขามากๆ ในปีนี้ถ้าต้องเจอกับทีมที่มีแนวรุกโหดๆ และเกมสวนกลับเด็ดๆ

ผู้เล่นชุดบีไม่แข็งแกร่งเมื่อเก่า

https://twitter.com/realmadriden/status/887950867587940353

ข้อนี้จะเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันกับข้อ 2 ด้านบนนั่นคือเรื่องการเสริมทัพ เพราะเมื่อ เรอัล มาดริด ในแต่ละปีพวกเขาก็มีโปรแกรมลงเตะหลายถ้วย ทั้งใน ลา ลีกา, โกปา เดล เรย์ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ดังนั้นการจะลงเตะเฉลี่ยทุกๆ 3 เกมต่อสัปาดห์โดยใช้นักเตะชุดเดิมๆ ลงเล่นก็ตายกันพอดี ถ้าจะให้ดีมันจำเป็นต้องมีทีมชุด บี ที่แข็งแกร่ง

ตัดภาพกลับมา ณ ปัจจุบันลองเหลือบไปดูพวกเขาตัวอะไหล่สำรองสิว่ามีใครที่พอจะพึ่งพาได้ไหม ? จะเห็นว่าส่วนใหญ่เป็นตัวดาวรุ่งที่พึ่งดึงขึ้นมาจากชุดสำรอง หรือไม่ก็พวกตัวที่ซื้อมาตั้งใจจะปั้น ซึ่งตัวที่ดูดีที่สุดก็น่าจะเป็น ลูคัส บาซเกซ และก็ วินิซิอุส จูเนียร์ แต่มันก็ไม่ได้น่ากลัวพอที่จะข่มขวัญศัตรูได้ ต่างจากตอนที่มีพวก อัลบาโร่ โมราต้า หรือ ฮาเมส โรดริเกซ หรือ อิสโก้ (ในยุคที่ยังไร้บทบาท)

ไม่ใช่แค่ บาร์เซโลน่า ที่เป็นคู่แข่งสำคัญ

https://twitter.com/AntoGriezmann/status/1029861890225332226

แน่นอนว่าในทุกๆ ปีทีมที่คอยสกัดกั้นไม่ให้ เรอัล มาดริด ไปถึงฝันในการคว้าสำเร็จก็คือคู่อริตลอดกาลอย่าง บาร์เซโลน่า และปีนี้องค์ประกอบสำคัญๆ ของพวกเขายังอยู่กันเหมือนเดิมไม่ว่าจะเป็น ลิโอเนล เมสซี่, หลุยส์ ซัวเรซ, อิวาน ราคิติช และอีกมากมาย แถมยังได้แข้งเกรดพรีเมี่ยมตัวใหม่อย่าง อาร์ตูโร่ วิดัล มาอีกก็จะยิ่งอัพเลเวลความแข็งแกร่งขึ้นไปอีก

แต่จะไม่ใช่แค่ บาร์ซ่า ทีมเดียวที่สามารถกวนใจ เรอัล มาดริด ได้ เพราะ แอตเลติโก มาดริด ก็ได้พิสูจน์ตัวเองขึ้นมาแล้วว่าพวกเขาสามารถเอาชนะได้ทุกทีม ทั้งระบบทีม, ชื่อชั้นนักเตะ, ความรัดกุมเป็นระเบียบตลอดจนทีมเวิร์คอันยอดเยี่ยม นี่คือคุณสมบัติที่สามารถพาพวกเขาก้าวไปสู่ความสำเร็จได้ในฤดูกาลนี้

ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือพวกเขาไม่เสียนักเตะตัวหลักไปเลยสักคน แถมยังได้ โธมัส เลอมาร์ อีกหนึ่งตัวทีเด็ดมาจาก โมนาโก อีก ต้องยอมรับเลยว่าตอนนี้เผลอๆ เรอัล มาดริด อาจจะไม่ได้เป็นเบอร์ 2 ต่อจาก บาร์เซโลน่า อีกแล้วก็เป็นได้

หมดไฟและอิ่มตัว

คำว่า 'หมดไฟ' กับ 'อิ่มตัว' ในที่นี้ก็มาจากการคว้าความสำเร็จมาแล้วมากมาย ผู้เล่นชุดนี้ของ เรอัล มาดริด คือชุดที่คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก สมัยที่ 13 และคือชุดที่ได้แชมป์ 3 ปีติดต่อกัน ดังนั้นในเมื่อมันเป็นความสำเร็จสูงสุดต่อจากนี้ไปความน่าตื่นเต้นและความท้าทายมันก็ลดน้อยลงไปอีก มิฉะนั้น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ก็คงจะไม่เก็บข้าวของเช็คเอ้าท์รั้ว ซานติอาโก้ เบร์นาเบว ไปหรอก

ตลอดจน ลูก้า โมดริช ที่กำลังมีข่าวว่าจะย้ายทีมไปอยู่กับ อินเตอร์ มิลาน และมันก็มีโอกาสเกิดขึ้นก่อนที่ตลาดซื้อขายจะปิดตัวลงในวันที่ 31 สิงหาคม เพราะคนที่เป็นเอเยนต์ก็ออกมาคอนเฟิร์มชัดเจนว่า 'ลูก้า โมดริช อยากย้ายไป  อินเตอร์ มิลาน จริงๆ' ซึ่งสาเหตุมันก็คงจะมาจากการหมดไฟและอิ่มตัวนี่แหละ

-HaMuDosSantos-

 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0