อันที่จริงมีหลายวิธีที่ใช้ได้จริงและมีประโยชน์ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเช่นการกินอย่างมีสติหรือการรับประทานอาหารอย่างช้าๆและใส่ใจสัญญาณต่างๆที่บ่งบอกว่าคุณอิ่มแล้ว การนอนหลับอย่างเพียงพอ การลดความเครียด และการหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นี่คือเคล็ดลับเพื่อส่งเสริมสุขภาพของคุณซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการเผาผลาญแคลอรี่แม้แต่นิดเดียว แต่รับรองว่าคุณจะรู้สึกดีขึ้นอย่างแน่นอน
1. ชะลอความเร็วในการรับประทานอาหาร
ทุกวันนี้คนเรามักจะทำกิจกรรมต่างๆด้วยความรีบเร่งไม่เว้นแม้แต่การรับประทานอาหารซึ่งแน่นอนว่าไม่ดีต่อสุขภาพของคุณ นักโภชนาการแนะนำว่าควรชะลอความเร็วและเคี้ยวอาหารคำละประมาณ 20-30 ครั้งซึ่งจะทำให้ง่ายต่อการกลืนและดูดซึมสารอาหาร ทางที่ดีคุณควรเผื่อเวลาในการรับประทานอาหารแต่ละมื้อให้มากขึ้น ยิ่งคุณเคี้ยวน้อยเท่าไหร่กระเพาะอาหารและลำไส้ก็จะยิ่งทำงานหนักขึ้นซึ่งอาจทำให้เกิดอาการท้องอืดและท้องผูก เป็นต้น นอกจากนี้การเคี้ยวนานๆจะช่วยลดโอกาสในการรับประทานอาหารมากเกินไป คุณควรรับประทานอย่างน้อย 15-20 นาทีในแต่ละมื้อเพื่อให้ลำไส้ส่งสัญญาณบอกสมองว่าคุณอิ่มแล้ว
2. จำกัดสิ่งรบกวนขณะรับประทานอาหาร
ทุกวันนี้ชาวอเมริกันมากกว่าครึ่งหนึ่งนิยมรับประทานอาหารมื้อเที่ยงที่โต๊ะทำงานซึ่งนักโภชนาการชี้ว่านี่คือพฤติกรรมที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพของคุณ ร่างกายจะมีปัญหาในการย่อยอาหารเมื่อคุณรู้สึกเครียดเนื่องจากระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลที่เพิ่มขึ้น การวางแผนมื้ออาหารจะช่วยหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มากเกินไปซึ่งดูเหมือนว่าสามารถเกิดขึ้นได้หากคุณสนใจหน้าจอแทนที่จะเป็นอาหารที่อยู่ตรงหน้า
3. รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพแทนอาหารแปรรูป
อาหารแปรรูปมักจะมีปริมาณโซเดียมและน้ำตาลสูงรวมถึงส่วนประกอบอื่นๆอีกมากมาย คุณควรพิจารณาอาหารที่มีอยู่ในธรรมชาติ เช่น ผัก ผลไม้ ถั่วเปลือกแข็ง ธัญพืช ไขมันดี และโปรตีนคุณภาพสูงอย่างถั่วฝัก ปลา และเนื้อสัตว์ อาหารแปรรูปมีสารเติมเต็ม สารที่ทำให้คงตัว และสารเพิ่มความข้นหนืดซึ่งอาจรบกวนความสามารถในการดูดซึมวิตามินและสารอาหารที่จำเป็นของร่างกาย แต่ถ้าคุณรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพก็จะได้รับสารอาหารในรูปแบบที่บริสุทธิ์ที่สุด
4. นอนหลับให้เพียงพอ
การนอนหลับให้เพียงพอควรเป็นความสำคัญลำดับแรกของคุณ ขณะนอนหลับร่างกายก็จะได้พักผ่อนและซ่อมแซมตัวเอง ระยะเวลาในการนอนหลับจะแตกต่างกันไปในแต่ละคนแต่ประมาณ 7-8 ชั่วโมงต่อคืนก็ถือว่าเหมาะสม งานวิจัยชี้ว่าถ้าคุณนอนหลับไม่เพียงพอระดับน้ำตาลในเลือดก็จะสูงขึ้นโดยอัตโนมัติในเช้าวันถัดไปเนื่องจากกระบวนการเผาผลาญยังทำงานได้ไม่ดี ขณะเดียวกันการอดนอนก็จะทำให้ฮอร์โมนความหิวและความอิ่มของร่างกายเสียสมดุล นอกจากนี้ยังทำให้ระดับเลปตินต่ำซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยควบคุมสมดุลพลังงานของร่างกายโดยการยับยั้งความหิว ดังนั้นผลลัพธ์คือคุณจะรู้สึกอยากอาหารที่มีรสหวานและปริมาณน้ำตาลสูง
5. หาวิธีระบายความเครียด
ความเครียดบางอย่างก็ดีสำหรับคุณโดยเฉพาะความเครียดที่เกิดขึ้นเมื่อคุณรู้สึกตื่นเต้น แต่ความเครียดเรื้อรังจะส่งผลเสียต่อร่างกายได้อย่างมหาศาลตั้งแต่ภาวะซึมเศร้า โรควิตกกังวล ปัญหาระบบทางเดินอาหารไปจนถึงโรคหัวใจและหลอดเลือด คุณสามารถระบายความเครียดได้โดยการออกกำลังกาย เช่น ไปเดินเล่นหรือฝึกโยคะ ขณะที่บางคนอาจใช้วิธีการจดบันทึก ฝึกสมาธิ หรือคุยกับเพื่อนสนิท อย่างไรก็ตามการชาร์จแบตเตอรี่ให้กับร่างกายของคุณเป็นสิ่งสำคัญมาก
6. หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์
การดื่มแอลกอฮอล์มากกว่าปริมาณที่แนะนำ (วันละหนึ่งแก้วสำหรับผู้หญิงและสองแก้วสำหรับผู้ชาย) จะเพิ่มโอกาสเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งและความดันโลหิตสูง นอกจากนี้ยังรวมถึงการนอนหลับไม่เพียงพอ การรับประทานมากเกินไป และความบกพร่องทางสมองด้วยแม้ว่าร่างกายจะขับแอลกอฮอล์ออกไปหมดแล้วก็ตาม ส่วนริ้วรอยก่อนวัยและหลอดเลือดแตกก็เป็นผลกระทบจากแอลกอฮอล์เช่นกัน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์จำนวนไม่น้อยมีปริมาณน้ำตาลสูงมากซึ่งอาจทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นและมีปัญหาเกี่ยวกับระดับน้ำตาลในเลือดจนส่งผลกระทบต่อสุขภาพลำไส้และจุลินทรีย์ในร่างกายของเรา นอกจากนี้แอลกอฮอล์ยังทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของฮอร์โมนเลปตินบกพร่องและมีอิทธิพลต่อสมองทำให้เราอยากคาร์โบไฮเดรตและอาหารมันๆมากขึ้น ดังนั้นทางที่ดีควรดื่มแอลกอฮอล์ให้น้อยที่สุด
