โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

6 มาตรวัดที่ควรมาใช้วัดการทำ Facebook ในตอนนี้

Marketing Oops

อัพเดต 16 ส.ค. 2561 เวลา 13.37 น. • เผยแพร่ 16 ส.ค. 2561 เวลา 13.37 น. • Molek
6 มาตรวัดที่ควรมาใช้วัดการทำ Facebook ในตอนนี้

Facebook นั้นเป็นเครื่องมือที่แบรนด์หลาย ๆ แบรนด์ใช้กันเป็นปกติในตอนนี้เช่นเดียวกับเครื่องมืออื่น ๆ แต่ด้วยการที่ Facebook นั้นเป็นเครื่องมือที่อยู่ใน Digital และมีการปรับเปลี่ยนตัวระบบมากมาย ทำให้นักการตลาดนั้นต้องมีการปรับเปลี่ยนในการทำงานเสมอ ซึ่งนอกเหนือจากการปรับเปลี่ยนการทำงานที่ทำให้นักการตลาดต้องมารับมือกัน สิ่งหนึ่งที่ต้องเข้าใจในการเปลี่ยนแปลงนี้คือการที่การวัดต่าง ๆ ก็ควรจะเปลี่ยนแปลงตามเช่นกัน

decide-between-three-major-ad-placements
decide-between-three-major-ad-placements

ค่าการวัดของ Facebook นั้นเป็นสิ่งที่นักการตลาดหลาย ๆ คนไม่ได้ปรับเปลี่ยนตาม ยามเมื่อ Platform อย่าง Facebook นั้นมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้การทำงานที่เกิดขึ้นมานั้นไม่ได้ผลเท่าที่ควร เพราะไปวัดประสิทธิภาพการทำงานบน Facebook กันผิดจุด ไม่ว่าจะเป็นการไปวัดที่ยอด Like หรือยอด Follow ต่าง ๆ กัน ทั้งนี้เพื่อให้การทำงานเป็นไปด้วยดีและตรงจุด นักการตลาดต้องรู้ว่าจะเปลี่ยนมาวัดอะไรแทนใน Facebook ตอนนี้ ซึ่งวันนี้ผมจะมานำเสนอตัวชี้วัด 6 ตัวที่ควรนำมาใช้กันในตอนนี้

1. Engagement : Engagement หรือภาษาไทยเรียกกันติดปากว่า ปฏิสัมพันธ์นั้น เป็นค่าการวัดที่นิยมที่สุดอย่างหนึ่งสำหรับคนทำ Facebook Marketing ในตอนนี้ เพราะสามารถแทนค่าความนิยมที่ใช้ในอดีตอย่าง Like ได้ โดยค่าปฏิสัมพันธ์นั้นจะสะท้อนว่าสิ่งที่คุณทำบน Facebook นั้นได้รับการตอบรับดีแค่ไหน โดยค่า Engagement นี้จะเป็นการวมการกระทำของ User ทุก ๆ อย่างรวมกันกับ Content ที่คุณทำลงไปใน Facebook ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ต้องนำมาคิดต่อจากการมีค่า Engagement ดี ๆ คือการจะต่อยอด engagement ตรงนี้ออกไปได้อย่างไร เพราะยิ่ง Engagement เยอะ Facebook จะทำให้ Content นั้นคนเห็นเยอะขึ้น

2. Reach : Reach นั้นเป็นอีกค่าหนึ่งที่เริ่มมาสนใจในนักการตลาดตอนนี้ โดยค่า Reach นั้นจะสะท้อนว่า Content ที่คุณทำนั้นมีจำนวนการเห็นกี่คน ซึ่งสิ่งที่ต่างจาก Impression ก็คือ Reach นั้นจะไม่นับซ้ำเหมือนกับ Impression ที่นับซ้ำ ทำให้ Content ที่ทำนั้นจะสะท้อนตัวเลขที่คนเข้าชมหรือเข้าถึงคนต่าง ๆ ได้แม่นยำมากกว่า ดังนั้นถ้าพบว่ามีค่า Impression สูง ๆ แต่มีจำนวน Reach ที่ต่ำ นั้นแสดงว่า Content ของคุณถูกแสดงให้คนเดิม ๆ เห็นอย่างมาก ที่นี้ถ้าจะต้องทำโฆษณาหรือทำ content การที่ต้องพิจารณาว่าจะวัดด้วย Reach ให้ดีขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะจะทำให้เนื้องานคุณนั้นมีประสิทธิภาพที่สูงยิ่งขึ้นไปอีก

Screen-Shot-2560-08-03-at-12.44.33-PM
Screen-Shot-2560-08-03-at-12.44.33-PM

3. Conversion : ค่านี้เป็นค่าการวัดที่นักการตลาดหลาย ๆ คนก็ยังไปไม่ถึงกัน เพราะเป็นการที่ต้องเอาค่าที่ทำงานบน Facebook นี้มาวัดพร้อมกับค่าอื่น ๆ เพื่อหาว่ามีอัตราการเปลี่ยนจากคนที่ชม Content มาเป็นสมาชิก หรือ ลูกค้า เท่าไหร่ ซึ่งค่านี้จะสะท้อนความจริงอย่างมากในการทำงานว่า ทำแล้วขายได้ หรือเกิดลูกค้าจริงหรือไม่ ซึ่งในการทำงานปกติอาจจะต้องมีความซับซ้อนในการวัดว่า Facebook ให้ผล conversion อย่างไรอย่างมาก ดังนั้นการมีเครื่องมือช่วยในการวัดจึงทำให้งานนั้นง่ายลง โดยทำการติดตั้ง Facebook Pixels จะทำให้การวัดตรงนี้ง่ายลงอย่างมาก

4. CPA/CPC/CPM : พวกเหล่านี้คือ Cost per XXXX เช่น A = Action, C = Click และ M = Impression ค่าเหล่านี้บ่งชี้ถึงความประสิทธิภาพในการใช้เงินต่าง ๆ บน Facebook ว่าคุณบริหารจัดการและทำการ Optimise Campaign ต่าง ๆ ได้ดีแค่ไหน ซึ่งประสิทธิภาพที่ดีของการทำงานของ CPA/CPC/CPM คือการที่ทำให้ค่าพวกนี้มีตัวเลขที่น้อย ๆ หรืออาจจะมีค่ากลางของตลาดที่คอยมาเทียบว่าคุณทำงานได้ดีแล้วหรือทำให้เงินที่ลงไปคุ้มหรือยัง

5. CTR : CTR หรือ Click Through Rate เป็นค่าที่นำมาวัดประสิทธิภาพในการทำ Link ต่าง ๆ หรือ Banner ของเว็บไซต์ในอดีต ซึ่งสามารถนำมาใช้บน Facebook ได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการทำ ads บน Facebook หรือการทำ Content ที่ต้องมีการลิงก์ออกไป ด้วยการวัดค่า CTR นี้จะทำให้สามารถรู้ได้ว่า Content หรือ Ads เหล่านั้นมีอัตราการกดไปยังเว็บไซต์หรือปลายทางที่คุณวางไว้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งตัวเลขที่ควรได้ของ CTR นี้ควรมีค่าที่สูงถึงจะดี แต่โดยทั่วไปของสภาพตลาดแล้ว CTR จะอยู่เฉลี่ยที่ 0.9-1.5%

101911203-20140811-9125-674.1910x1000-hilight
101911203-20140811-9125-674.1910x1000-hilight

6. Relevance Score : ค่า Relevance Score นี้ส่วนใหญ่จะมีแต่คนทำ Facebook Ads สนใจกัน แต่จริง ๆ แล้วควรเป็นค่าที่คนทำ Facebook หลาย ๆ คนนั้นควรใส่ใจอย่างมาก เพราะจะทำให้รู้ว่าสิ่งที่ทำนั้นตรงกับความสนใจของคนที่จะเป็นกลุ่มเป้าหมายของเรามากน้อยแค่ไหน ด้วยการที่ Facebook มีค่าตั้งแต่ 1-10 และวัดโดยการเอา Positive Feedback มาวัดค่า content นี้ว่าตรงกลุ่มเป้าหมายมากน้อยแค่ไหนออกมา ซึ่งถ้าคุณสามารถประยุกต์ใช้งานค่านี้ได้ จะทำให้คุณสามารถสร้างเนื้อหาดี ๆ ที่ตรงกลุ่มได้อีกมากมาย

ทั้งนี้นี่คือวิธีวัดเบื้องต้นในยุคนี้ที่ควรเอามาแทนการวัดค่าแบบเก่า ๆ ที่เคยทำกันไป อย่างไรก็ตามการที่จะทำ Facebook Marketing ให้มีประสิทธิภาพนั้นการตั้งวัตถุประสงค์ และ การมีตัวชี้วัดที่ถูกต้องนั้นเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นต้องเข้าใจก่อนว่าตัวเองจะทำอะไร เพื่ออะไรต่อไป ซึ่งจะได้เลือกค่าการวัดที่ถูกต้องมาวัดต่อไป

อ่านบทความทั้งหมด ที่ MarketingOops.com

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0