6 เดือน หลังเหตุการณ์ 13 หมูป่า ติดถ้ำหลวง วันนี้ ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน กลายเป็นสถานที่จุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว หัวหน้าวนอุทยานเผย นักท่องเที่ยวพุ่ง วันละกว่าหมื่นคน ต่างจากก่อนหมูป่าติดถ้ำ ที่เฉลี่ยเพียง 40,000 คนต่อปี เท่านั้น
ผู้สื่อข่าว เนชั่นทีวี วชิรวิทย์ เลิศบำรุงชัย ลงพื้นที่วนอุทยานถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน อีกครั้งหลังจากที่เคยมาทำข่าว ปฏิบัติการช่วยชีวิต 13 หมูป่าอะคาเดมี่ ที่ติดอยู่ในถ้ำ หลวงขุนน้ำนางนอน เมื่อราวเดือนกรกฎาคม ปี 2561 วันนี้พบว่า บริเวณวนอุทยาน ถ้ำหลวง มีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก กลายเป็นสถานที่สำคัญ ที่ประชาชน และชาวต่างชาติ เดินทางมาตามรอย ปฏิบัติการกู้ภัย ที่เกิดขึ้น เมื่อ 6 เดือนที่แล้ว
แม้ เจ้าหน้าที่จะไม่อนุญาต ให้นักท่องเที่ยว ลงไปในปากถ้ำ แต่ แต่ ตลอดทั้งวัน นักท่องเที่ยวก็ยังมีจำนวนมาก บางกลุ่ม มาเพียงชะโงกดูปากถ้ำ ก็ทำให้หวนนึกถึงความรู้สึก ที่ต้องลุ้น ให้ 13 ชีวิตรอดตาย บางราย ก็มา ด้วยความศรัทธาในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และจุดหมายเดียวกันคือมาอนุสาวรีย์จ่าแซม และชมภาพวาดบันทึกเหตุการณ์กู้ภัยที่โลกต้องจารึก ผลงานของอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์
สำหรับที่ บริเวณ ด้านหน้าวนอุทยาน ถ้ำหลวง เดิมเคยเป็นไร่สับปะรด ชาวบ้านพื้นที่บริเวณนั้นก็พลิกผืนดิน เป็นลานจอดรถ ลานกางเต็นท์ รับนักท่องเที่ยว ตลอดแนวถนน หน้าวนอุทยานถ้ำหลวง เต็มไปด้วยเต็นท์ ร้านค้าสินค้าชุมชน เรียงราย ขนานไปกับแนวเขาขุนน้ำนางนอน
การเดินเข้าไปที่บริเวณปากถ้ำ เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาต ให้นักท่องเที่ยวนำรถส่วนบุคคลเข้ามาในพื้นที่อุทยาน การเดินเท้า เข้ามาเป็นระยะทาง 400 เมตร ยังเป็นวิธีการเดินเข้ามาที่วนอุทยานไม่ต่างจากตอนที่นักข่าว หลายสำนัก ต้องจอดรถทิ้งไว้ที่ไร่สับปะรดและเดินแบกขาตั้งกล้องเข้าออกเป็นประจำ วันนี้ก็ไม่ต่างกัน มีชาวบ้านบางคน นำม้า 3-4 ตัว มารับนักท่องเที่ยว จากบริเวณ ลานจอดรถ เข้าไปยังพื้นที่ของวนอุทยานถ้ำหลวงด้วย
กวี ประสมพล หัวหน้า วนอุทยาน ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน บอกว่า เดิม นักท่องเที่ยวที่มาที่นี่ ต่อปี เฉลี่ยอยู่ที่ 40,000 คน แต่หลังจากเหตุการณ์ 13 หมูป่าติดถ้ำ และ วนอุทยานได้เปิดให้ประชาชน ท่องเที่ยวอีกครั้ง มีจำนวนนักท่องเที่ยวเฉลี่ยวันละ 10,000 คน จากโอกาสที่เกิดขึ้น สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจ ในพื้นที่โดยรอบได้ จึงมี แนวคิด ร่วมกันกับหน่วยงานท้องถิ่น ในการกระจายโอกาส ผลักดันให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เกิดขึ้นในชุมชน อย่างที่ได้เห็น ร้านค้าและชาวบ้านในพื้นที่ปรับตัวเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว อุทยานจะมีหน้าที่ดูแล ให้สิ่งแวดล้อมและธรรมชาติ ยังคงอยู่ และได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
หัวหน้า วนอุทยาน ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน บอกอีกว่า หลังจากการเดินเท้าเข้าไปสำรวจในถ้ำเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 17 มกราคม พบว่า ภายในถ้ำ ยังไม่ปลอดภัย ที่จะเปิดให้นักท่องเที่ยว ลงไปชม ธรรมชาติ โดยสิ่งของ ที่ใช้ในปฏิบัติการกู้ภัย เช่นถังออกซิเจนหลายร้อยถัง ยังอยู่ในถ้ำไม่ได้น้ำออกมา เนื่องจาก สภาพ ในถ้ำเปียกชื้น และมีน้ำท่วมขังอยู่ สามารถเดินไปได้เพียงแค่ โถง 2 และโถง 3 เท่านั้น มีทรายทับถมหนาแน่นปิดทางเข้าบริเวณเนินนมสาว การสำรวจในวันนั้นยังเป็นไปด้วยความยากลำบาก ซึ่งในอนาคตหากมีการเปิดถ้ำเพื่อให้ประชาชนเข้าไปท่องเที่ยวอาจพิจารณาเปิดเพียงบางจุด และต้องมีความปลอดภัยกันพื้นที่ อย่างรอบคอบ
ขณะที่ความคืบหน้า การยกระดับวนอุทยานถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน เป็นอุทยานแห่งชาติ ดำเนินการไปได้เพียง 5 จาก 15 ขั้นตอนการขอเป็นอุทยาน ซึ่งเป็นแนวนโยบายจากรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่จะยกระดับวนอุทยานถ้ำหลวงขึ้นเป็นอุทยานแห่งชาติ แต่ก็ต้องดำเนินการไปตามขั้นตอน ปัจจุบันยังไม่มีการเก็บค่าเข้าชม จากนักท่องเที่ยว
