อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า อัตราส่วนความสามารถชำระดอกเบี้ย (Interest Coverage Ratio) เป็นส่วนหนึ่งของอัตราส่วนวัดภาระหนี้ (Leverage Ratio) ซึ่งค่าดังกล่าว จะแสดงให้เห็นว่า บริษัทนั้นๆมีกำไรเป็นกี่เท่าของดอกเบี้ยที่จะต้องจ่าย โดยเป็นค่าที่ แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการชำระดอกเบี้ยเงินกู้ของกิจการ โดยหากคำนวณได้มากเท่าไหร่ ยิ่งหมายถึง “มีกำไรพอจ่ายดอกเบี้ย” แต่หากคำนวณได้ติดลบ นั่นก็หมายถึง บริษัทนั้นๆ “มีกำไรไม่พอจ่ายดอกเบี้ย”
ทั้งนี้ ความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ย จะแสดงถึงความสามารถในการชําระดอกเบี้ยเงินกู้ของธุรกิจ โดยวิเคราะห์จากค่ากําไรจากการดําเนินงานต่อดอกเบี้ยจ่าย ซึ่งถ้าหากอัตราส่วนนี้ยิ่งสูง ก็ยิ่งเพิ่มความมั่นใจแก่เจ้าหนี้ในการที่จะได้รับชําระดอกเบี้ย พร้อมทั้งยังแสดงถึงโครงสร้างเงินทุนของธุรกิจว่าจะก่อให้เกิดความเสี่ยงในการดำเนินกิจการในอนาคตหรือไม่ ซึ่งอัตราส่วนนี้สามารถประยุกต์ใช้ เพื่อชี้วัดศักยภาพกิจการได้อย่างหลากหลาย ทั้งการกำหนดนโยบายทางการเงินของกิจการ การตรวจสอบสภาพคล่องทางการเงินภายในกิจการ การชี้วัดเครดิตกิจการ เป็นต้น
จะดีแค่ไหน หากเราเลือกลงทุนในหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง ที่มีผลประกอบการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น รวมทั้งการมีความสามารถชำระดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง โดยกิจการใดที่มีความสามารถชำระดอกเบี้ยยิ่งสูงเท่าไหร่ นั่นก็หมายถึง ความมั่นคง มีสภาพคล่องที่ดี มีกำไรเพียงพอต่อการจ่ายดอกเบี้ย โดยสามารถนำกำไรจากการดำเนินงานมาจ่ายดอกเบี้ยได้อย่างสบาย และหายห่วง
อีกเช่นเคย Wealthy Thai ได้รวบรวมข้อมูล ที่เราคาดหวังว่า จะเป็นประโยชน์ต่อนักลงทุน และบุคคลทั่วไป เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจต่อการลงทุน ซึ่งครั้งนี้ เราขอหยิบยกประเด็น“อัตราส่วนความสามารถชำระดอกเบี้ยติดลบ ของ SET100” มานำเสนอ โดยจากการสำรวจข้อมูลใน setsmart.com พบว่า ณ สิ้นไตรมาส 3/2562 มีทั้งหมด 5 หลักทรัพย์ของ SET100 ที่มี อัตราส่วนความสามารถชำระดอกเบี้ยติดลบ
ได้แก่ SPRC, ESSO, THAI, AAV, IRPC
เริ่มจากอันดับแรก บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC มีอัตราส่วนความสามารถชำระดอกเบี้ย ณ สิ้นไตรมาส 3/2562 อยู่ที่ -86.37 เท่า มีหนี้สินรวมทั้งสิ้น 14,893.35 ล้านบาท มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 50,847.14 ล้านบาท
ต่อมาอันดับสอง ได้แก่ บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO มีอัตราส่วนความสามารถชำระดอกเบี้ย ณ สิ้นไตรมาส 3/2562 อยู่ที่ -20.16 เท่า มีหนี้สินรวมทั้งสิ้น 32,413.40 ล้านบาท มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น56,712.91 ล้านบาท
อันดับ 3 ได้แก่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI มีอัตราส่วนความสามารถชำระดอกเบี้ย ณ สิ้นไตรมาส 3/2562 อยู่ที่ -3.30 เท่า มีหนี้สินรวมทั้งสิ้น 245,719.51 ล้านบาท ขณะที่สินทรัพย์รวมอยู่ที่ระดับ 258,194.28 ล้านบาท
อันดับ 4 ได้แก่ บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV มีอัตราส่วนความสามารถชำระดอกเบี้ย ณ สิ้นไตรมาส 3/2562 อยู่ที่ -2.43 เท่า มีหนี้สินรวมทั้งสิ้น 33,310.49 ล้านบาท ขณะที่สินทรัพย์รวมอยู่ที่ระดับ 61,066.25 ล้านบาท
และอันดับ 5 บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC มีอัตราส่วนความสามารถชำระดอกเบี้ย ณ สิ้นไตรมาส 3/2562 อยู่ที่ -2.29 เท่า มีหนี้สินรวมทั้งสิ้น 93,005.35 ล้านบาท ขณะที่สินทรัพย์รวมอยู่ที่ระดับ 177,919.96 ล้านบาท
“อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่เรานำเสนอ เป็นเพียงด้านหนึ่งเท่านั้นเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน รวมทั้งการตรวจสอบศักยภาพของกิจการ โดยความสำเร็จของธุรกิจ ยังคงต้องมีปัจจัยหลายๆด้าน แม้กิจการนั้นมีอัตราส่วนความสามารถชำระดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูง ก็ใช่ว่าเราควรจะหลงละเลยในตัวเลขเหล่านั้นจนเกินไป”
