ภาพจำของ ศรีลังกา อาจเป็นพิกัดสำคัญของนักแสวงบุญชาวพุทธ และหลายคนอาจมโนไปว่าศรีลังกาน่าจะวุ่นวายโกลาหลเหมือนอินเดีย แต่จริงๆ แล้วอินเดียกับศรีลังกา (ซึ่งมีพื้นที่ประมาณภาคใต้ของเราทั้งภาคนั้น) แตกต่างกันมาก ซึ่งบัตรเครดิต KTC พาเราไปสัมผัสของจริงให้เห็นกับตา เราย่อยมาเป็น 5 ประสบการณ์สุดว้าวตรงนี้
1. เมืองกอลล์ (Galle) ติดชายทะเล เก๋กับสตอรี่ยาวเฟี้อย
นั่งรถจากเมืองหลวงโคลอมโบมาประมาณ 2 ชม. ก็ถึงเมืองกอลล์ ที่คนรักประวัติศาสตร์และรักการถ่ายรูปน่าจะเลิฟหนักมาก เพราะมองไปรอบตัว 360 องศา จะสัมผัสได้ถึงเสน่ห์ของวันเก่า ตั้งแต่สมัยที่โปรตุเกสเข้ามา ต่อเนื่องถึงยุคที่เป็นอาณานิคมของดัตช์ แม้บางอาคารจะเปลี่ยนหน้าตาไปเป็นร้านกาแฟกิ๊บเก๋หรือโรงแรมไปแล้วบ้าง แต่ลักษณะสถาปัตยกรรมประจำยุคก็ยังคงน่าประทับใจจนวันนี้
แลนด์มาร์กเด่นคือ ป้อมปราการเมืองกอลล์ (Galle Fort) สร้างขึ้นครั้งแรกโดยชาวโปรตุเกส สมัยเข้าปกครองศรีลังกาในศตวรรษที่ 16 ปัจจุบันป้อมปราการแห่งนี้เป็นป้อมใหญ่ที่สุดที่ยังหลงเหลืออยู่ในเอเชีย และถูกบรรจุให้เป็นหนึ่งในมรดกโลกของ UNESCO
ด้วยความที่เป็นเกาะ ศรีลังกาจึงเป็นประเทศที่มีประภาคารอยู่หลายแห่ง แต่ ประภาคารกอลล์ (Galle Lighthouse) เป็นประภาคารที่เก่าแก่ที่สุดในศรีลังกา มีอายุ 168 ปี สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1848 ในบริเวณประภาคารยังเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของคนในพื้นที่ และเป็นจุดชมวิวยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวต้องแวะ เช่นเดียวกับ สุเหร่ามีรา (Meera Mosque) อายุราว 300 ปี เป็นมัสยิดสีขาวสะอาดตาที่ใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดในกอลล์
และรู้หรือไม่ว่า รัชกาลที่ 5 ก็ทรงเคยแวะพักที่เมืองกอลล์ ระหว่างเสด็จประพาสยุโรปครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2440 ด้วยนะ นับถึง พ.ศ. นี้ก็ 122 ปีพอดิบพอดีมาแล้ว
2. เช้านั่งเรือดูโลมาร่าเริง และวาฬสีน้ำเงินใหญ่ที่สุดในโลก
ด้านใต้สุดของศรีลังกา มีเมืองมิริสซ่า (Mirissa) อยู่ตรงนั้น และมีท่าเรือล่องทะเลสุดตื่นเต้น คือถ้าดวงดี จะได้เจอฝูงโลมาและวาฬสีน้ำเงินออกมาพ่นน้ำนอกชายฝั่งมาตาระ ซึ่งวาฬสีน้้าเงิน (Blue Whale) ที่ว่านี้คือสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ถ้าโตเต็มที่อาจยาวถึง 30 เมตร และหนักกว่า 100 ตันกันเลยทีเดียว และแม้ว่าวาฬในศรีลังกาจะมีหลากหลายสายพันธุ์ แต่เจ้าหน้าที่เรือที่นี่มีความชำนาญเวอร์วัง คือแค่เห็นลักษณะแฉกน้ำที่พ่นขึ้นมาก็รู้เลยว่าเป็นวาฬพันธุ์อะไร
อีกอย่างของความอะเมซิ่งคือ เราอาจเจอปรากฏการณ์น้ำทะเลสองสีมาเจอกัน คาดว่าปรากฏการณ์นี้เกิดจากองค์ประกอบของน้ำในแต่ละสีมีความแตกต่างกัน เช่น อุณหภูมิ ระดับความเค็ม และความหนาแน่น เป็นความพีคแถมท้ายที่ต้องถ่ายรูปเก็บไว้โพสต์อวดเพื่อน
3. บ่ายนั่งรถจี๊ปส่องเสือดาวเจ้าป่าซาฟารี
เมืองมิริสซ่า เป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติยาลา (Yala National Park) ซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 2 ของศรีลังกา ที่นี่เปิดให้นักท่องเที่ยวนั่งรถจี๊ปผจญภัยในป่าซาฟารี ขับโดยเรนเจอร์ชำนาญทาง โดยไฮไลต์สำหรับคนดวงดี คือการเจอเสือดาวเจ้าป่า ระหว่างขับไป เรนเจอร์แต่ละคันจะส่งสัญญาณถึงกันตลอดเวลา ไม่ว่าจะมุ่งหน้าเข้าป่าไปไกลแค่ไหน แต่ถ้าเจอเสือดาวก็พร้อมถอยกรูดมาให้นักท่องเที่ยวได้ยล การเจอเสือดาวนี้ แม้เห็นแบบไกลลิบ แต่ก็เรียกว่าดวงดีและโคตรจะลักกี้แล้วล่ะ
ระหว่างทางยังเพลินเวอร์กับสารพัดสัตว์ป่าหายาก เช่น ช้าง กระต่าย จระเข้ กวางดาว หมูป่า ควายป่า และนกกว่า 130 สายพันธุ์ ที่มักเป็นดาราหน้ากล้องยืนจิกหญ้าอยู่ริมทางแบบไม่กลัวคนคือนกยูง ถ้ามันพูดได้คงได้ยินว่า “ถ่ายฉันสิๆ” ไปตลอดทาง
4. ตกปลาสไตล์ศรีลังกา
การตกปลาบนไม้ค้ำ (Stilt Fishing) ที่เมืองค็อกกัลลา (Koggalla) คือสิ่งที่บ่งบอกถึงภูมิปัญญาดั้งเดิมในการประมงสไตล์ศรีลังกาได้เป็นอย่างดี โดยใช้เบ็ด 1 คัน นั่งทรงตัวอยู่บนไม้ค้ำที่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 2 เมตร ตกได้ทีละตัว แล้วใส่ในถุงที่แขวนไว้ใกล้ตัว เป็นเอกลักษณ์ที่มีนัยถึงความพอเพียงและใส่ใจท้องทะเลซึ่งเป็นแหล่งอาหารสำคัญ ให้มีกินต่อไปได้นานๆ
5. วัดวาอารามงดงามประทับใจ
วัดกัลณียา หรือวัดกัลานียาราชมหาวิหาร เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของประเทศศรีลังกา สร้างขึ้นเมื่อประมาณ 1,900 ปีที่แล้ว วัดนี้มีความสำคัญทางพระพุทธศาสนา และเป็นเสมือนสังเวชนียสถานของพุทธศาสนิกชนชาวศรีลังกา ด้วยความเชื่อว่าพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์จำนวน 500 รูปเคยเสด็จมาที่วัดแห่งนี้ในวันวิสาขบูชา
นอกจากวัดนี้จะมีประวัติความเป็นมาที่โดดเด่นแล้ว ภายในวัดยังมีสถาปัตยกรรมและจิตรกรรมฝาผนังสวยงาม และยังเป็นที่ประดิษฐานของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่น พระบรมสารีริกธาตุและต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ ที่เป็น 1 ใน 13 ต้น ที่แยกหน่อมาจากต้นพระศรีมหาโพธิ์อนุราธปรุะ
วัดคงคาราม (ในภาพ) เป็นหนึ่งในวัดนิกายสยามวงศ์ที่มีชื่อเสียงในด้านสถาปัตยกรรม จิตรกรรม และศิลปะ ภายในวัดมีความโดดเด่น เพราะเป็นแบบผสมผสานระหว่างศรีลังกา อินเดีย ไทย และจีน พระอุโบสถตั้งอยู่กลางน้ำ ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยสีเหลืองสดใส
ภายในวัดยังมีโซนพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อม ที่รวบรวมของเก่ามากมายให้ได้ศึกษาเรื่องราวในอดีต รวมทั้งอีกฟากที่ตัดผ่านตัววัด ยังเป็นพื้นที่รวบรวมเครื่องพิมพ์โบราณมากมายให้ได้ชมกันด้วยนะ
#มาศรีลังกาห้ามพลาด
นั่งรถตุ๊กตุ๊ก
รถตุ๊กตุ๊ก เป็นพาหนะยอดฮิตของชาวศรีลังกา หน้าตาคล้ายๆ รถตุ๊กตุ๊กหน้ากบของไทยสมัยก่อน มีหลังคาผ้าใบปิดหุ้มส่วนท้ายที่ผู้โดยสารนั่ง โดยรวมทั้งคันมีขนาดเล็กกะทัดรัดกว่ารถตุ๊กตุ๊กในเมืองไทยเยอะอยู่ แต่เรื่องความเสียวสะใจนั้น สู้บ้านเราไม่ได้เลยจ้า ปิ๊นๆๆๆๆ
ไมโลศรีลังกา
กล่องไมโลที่นี่มีความแปลก และว่ากันว่ามีรสชาติไม่เหมือนเมืองไทย แต่อ่านข้างกล่องและชิมดูแล้วก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่างกันมากนะ ไมโลศรีลังกาให้พลังงาน 125 กิโลแคลอรี่ แต่บ้านเรา 130 กิโลแคลอรี่ ราคากล่องขนาด 180 มล. ก็เฉลี่ยอยู่ที่ 13 บาทเท่ากัน งานนี้จะมโนหรือไม่ ต้องไปพิสูจน์กันเองแล้วล่ะ
โปเกม่อนประจำภูมิภาค
ใครเป็นเทรนเนอร์โปเกม่อนเหนียวแน่น มาศรีลังกามีกรี๊ดแน่ เพราะน้องลิงแดง (Pansear) เป็นโปเกม่อนประจำภูมิภาคที่เมืองไทยไม่มีนะจ๊ะ เจอเสาไหนก็จับตุนไว้เยอะๆ ใช้เป็นของฝากที่รับรองว่าถูกใจเพื่อนๆ เทรนเนอร์ชาวไทยแน่นอน เตรียมเทรดได้รัวๆ เลยน้า
บัตรเครดิต KTC เปิดแพ็คเกจ ‘Unseen Sri Lanka Safari’ 4 วัน 3 คืน ราคาเริ่มต้น 27,400 บาทต่อคน (สามารถเดินทางได้ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป) ประกอบด้วย บัตรโดยสารชั้นประหยัดสายการบินศรีลังกันแอร์ไลน์ โรงแรม สถานที่ท่องเที่ยว และกิจกรรมต่างๆ เช่น วัดกัลยาณี วัดที่เก่าแก่ของศรีลังกา เมืองกอลล์ชายทะเลที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ล่องเรือชมวาฬสีน้ำเงินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเซีย (Sea Safari) และนั่งรถจี๊บซาฟารีชมวิถีชีวิตสัตว์ป่าที่อุทยานแห่งชาติยาลา (Wild Safari)
สมาชิกบัตรฯ สามารถแบ่งชำระสบายๆ กับ KTC FLEXI 0% นานถึง 6 เดือน และเดินทางได้ตั้งแต่วันนี้ - 31 มีนาคม 2563 สอบถามรายละเอียดได้ที่ www.ktc.co.th เฟซบุ๊ก: KTC World หรือ KTC Line Official หรือติดต่อ KTC World Travel Service โทร. 0-2123-5050