โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

5 ขั้นตอนเริ่มต้นเล่นหุ้น สำหรับมือใหม่

StockRadars

อัพเดต 27 พ.ค. 2563 เวลา 08.35 น. • เผยแพร่ 27 พ.ค. 2563 เวลา 08.35 น.

หากคุณกำลังสนใจการลงทุนในหุ้น แต่ยังลังเลหรือไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี วันนี้จะมาบอกขั้นตอนต่างๆ 5 ขั้นตอนง่ายๆ ลองอ่านและกดเปิดพอร์ตได้ที่บทความนี้

1. ซื้อหุ้นต้องเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์

ในการจะซื้อขายหุ้นนั้น เราไม่ได้ติดต่อซื้อหุ้นกับบริษัทได้เลย ไม่ใช่ว่าอยากเป็นเจ้าของ 7-11 จะเดินเข้าไปบอกพนักงานว่าขอซื้อหุ้นได้ (-) ตรงนี้เราต้องเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นกับโบรกเกอร์ก่อน แล้วเวลาซื้อขายหุ้น ก็กดซื้อขายได้โดยผ่านโบรกเกอร์ที่เราเลือก

ในตลาดหุ้น หรือตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีโบรกเกอร์อยู่มากกว่า 30 แห่ง

บริษัทหลักทรัพย์ หรือโบรกเกอร์ (Broker) คือ บริษัทที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจการเป็นนายหน้า ซื้อขายหลักทรัพย์ที่ได้ผ่านการพิจารณาตามหลักเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ และเข้าเป็น “บริษัทสมาชิก” ของ ตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทําให้สามารถส่งคําสั่งซื้อขายหลักทรัพย์เข้าสู่ระบบซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้โดยตรง

การเปิดบัญชีซื้อขายหุ้น จะเรียกกันว่า เปิดพอร์ต หรือ Portfolio

ส่วนคำถามยอดฮิตที่มักจะได้ยินบ่อยๆ คือ เปิดพอร์ตที่ไหนดี ตรงนี้ก็แล้วแต่ท่านผู้อ่านจะสะดวกเลย เพราะปกติแล้วโบรกเกอร์มักจะพ่วงอยู่กับธนาคารของตัวเองอยู่แล้ว เช่น บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ของธนาคารกรุงเทพ, บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ของธนาคารกรุงศรีฯ

รายชื่อโบรกเกอร์ทั้งหมด >> https://www.set.or.th/set/memberlist.do

ซึ่งการซื้อขายหุ้นทุกครั้ง จะมีอัตราส่วน Commission และค่าธรรมเนียมบวกเข้าไปด้วย หลักๆก็จะประมาณนี้ครับ
1. ค่า Commission เป็นค่าธรรมเนียมเรียกเก็บ ตรงนี้ไม่ต้องกังวลมากนัก เพราะไม่ได้เยอะอาจจะแค่ 0.15% (หรือต่ำกว่า) และแทบทุกโบรกเกอร์จะเก็บใกล้เคียงกันเรียกว่า ลดค่าคอมแข่งกันก็ว่าได้ อีกอย่างถ้าเราซื้อขายด้วยตัวเองผ่านออนไลน์ค่าคอมก็จะยิ่งถูกลงไปอีก
2. ค่าธรรมเนียมขั้นต่ำในการซื้อขายแต่ละครั้ง(คิดแค่ครั้งแรกของวันนั้น) ค่านี้บางโบรกเกอร์เก็บ บางโบรกเกอร์ก็ไม่เก็บ สำหรับมือใหม่ลองหาแบบที่ไม่เก็บจะดีกว่า เพราะเราไม่ได้ซื้อขายหุ้นเป็นจำนวนเยอะๆ เดี๋ยวจะไม่คุ้มค่าขั้นต่ำเอา

2. เปิดบัญชีซื้อขาย

เมื่อเลือกโบรกเกอร์ได้แล้ว แนะนำว่าให้ติดต่อไปเปิดบัญชี ซึ่งการเปิดบัญชีเล่นหุ้น ก็คล้ายๆกับเปิดบัญชีเงินฝากกับธนาคาร แต่บัญชีหุุ้นจะมีอยู่หลายแบบ เช่น แบบที่เวลาซื้อขายให้ตัดเงินจากบัญชีธนาคารเราโดยตรง หรือจะมีแบบให้เราฝากเงินไว้ก่อน เวลาซื้อขายหุ้นก็ให้ดึงจากเงินที่ฝากไว้ (วงเงินมีจำกัด แล้วแต่เราจะฝาก)

ซึ่งหากคุณเพิ่งเริ่มต้นลงทุน อยากแนะนำให้เปิดแบบ บัญชีเงินฝาก (Cash Balance) ดีกว่า บัญชีแบบนี้จะให้เราฝากเงินเข้าไปพอร์ตเพื่อนำไปซื้อหุ้น อยากซื้อเท่าไหร่ก็ฝากเท่านั้น หรือฝากไปรอไว้ก่อนก็ได้

และตอนนี้โบรกเกอร์กรุงศรีฯ มีขั้นตอนการเปิดพอร์ตออนไลน์ได้แล้ว ง่ายขึ้นกว่าเดิมมากเลย >> ที่นี่

โดยสิ่งที่ต้องใช้ประกอบการเปิดบัญชี เช่น อีเมล์, เบอร์โทรติดต่อ, บัตรประชาชน, หน้าสมุดบัญชี ตรงๆนี้เพื่อนๆสามารถกดถ่ายรูปส่งทาง Online ได้เลยนะ

ซึ่งเมื่อส่งเอกสารครบแล้ว จะมีเจ้าหน้าที่ของโบรกเกอร์ติดต่อไป คอนเฟิร์มข้อมูลและทำการเปิดบัญชีให้สำเร็จ

เปิดบัญชีได้แล้ว ใช้เครื่องมือที่โบรกเกอร์ให้ได้เลย

4. เริ่มต้นหาหุ้นตัวแรก

อย่างที่บอก ว่าการซื้อขายหุ้นไม่ใช่การเดินไปที่บริษัทโดยตรง หรือเดินไปที่แผงค้าที่ไหน เพราะที่ซื้อขายทางออนไลน์ได้เลย เช่น แอพพลิเคชั่นสต็อกเรดาร์ (StockRadars)

สำหรับลูกค้าที่เพิ่มพอร์ตผ่านกรุงศรี จะสามารถใช้สต็อกเรดาร์ซื้อขายหุ้น และดูข้อมูลอื่นๆ เกี่ยวกับหุ้นได้ทั้งหมด เช่น บริษัทอะไร ทำธุรกิจอะไร มีใครพูดถึงบริษัทนี้อยู่บ้าง

ในการหาหุ้นตัวแรกที่จะซื้อนั้น อยากให้ลองหาจากเรื่องใกล้ตัว เพื่อนั่งดูว่าธุรกิจหรือกิจการของหุ้นตัวนั้นทำอะไร เราเคยใช้บริการหรือซื้อสินค้าของเขาแล้วเราอยากจะเป็นเจ้าของหรือไม่ กิจการมีแนวโน้มจะเติบโตในอนาคตได้หรือไม่ รายได้และกำไรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหรือไม่

ลอง Search ชื่อธุรกิจที่เรารู้จัก เช่น 7-11, ปตท., โรงพยาบาลต่างๆ, เครื่องสำอางค์ หรือชื่อสื่อที่เราชอบ

แล้วทำความรู้จักหุ้นนั้น โดยการเข้าไปอ่านสิ่งที่บริษัทส่งถึงนักลงทุนเช่น ประวัติธุรกิจ การทำดำเนินงานในตอนนี้ได้ทั้งหมด ในส่วนนี้จะอยู่ที่หน้า Insight ในแอพ.สต็อกเรดาร์

ค่อยๆอ่าน ทำความเข้าใจ แล้วลองย้อนดูประวัติรายได้และกำไรของบริษัท ย้อนหลังได้ด้วย

และในแต่ละวัน จะมีการพูดถึงหุ้นนั้นๆ อยู่มากมาย ตรงนี้แนะนำให้ดูที่หน้า Timeline ในแอพ.ประกอบด้วย เพื่อให้ติดตามข่าวสารได้อีกช่องทางหนึ่ง (-)

และนอกจากนี้ แต่ละบริษัทจะมีรอบรายงานผลดำเนินอยู่ ปีละ 4 ครั้ง (เรียกว่าไตรมาส) นั่นคือทุกๆ 3 เดือนจะมีรายงานออกมาว่าธุรกิจในช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง รายได้จากอะไร ดีขึ้นไหม แล้วกำไรเหลืออยู่เท่าไหร่ ตรงนี้ก็สามารถอ่านผลดำเนินงานล่าสุดได้เลย

ต้องยอมรับว่า การเลือกหุ้นครั้งแรก อาจต้องใช้เวลาหน่อย แต่เมื่อศึกษาและเลือกแนวการลงทุนของตัวเองได้แล้ว การเลือกหุ้นอาจไม่ได้ใช้เวลาเยอะ และคงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป สุดท้ายขอให้โชคดีในการลงทุนทุกท่านนะครับ (-)

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0