คืนหนึ่งขณะที่ฉันอยู่นอกเมือง พอลสามีของฉันก็เข้าโบสถ์ที่ลูกชายคนเล็กเป็นบาทหลวงอยู่ในนั้น เขามีความสุขมากเมื่อได้อยู่กับเอวากับโนแลนซึ่งเป็นหลานสาวและหลานชายตัวน้อยของเรา เมื่อเสร็จธุระพอลก็กล่าวคำอำลากับทุกคน เขาตรงไปที่ทางออกแต่สักพักก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเล็กๆของโนแลนวิ่งตามหลังเขามาพลางร้องเรียกว่า “คุณปู่! คุณปู่อย่าเพิ่งไป! ผมอยากให้ปู่กอดอีกทีได้ไหมครับก่อนที่จะไป” ใช่แล้วนี่คือช่วงเวลาอันแสนตื้นตันใจและทำให้ฉันนึกถึงของขวัญแห่งอ้อมกอด
1. กอดทำให้รู้สึกสบายใจ
หลังจากที่คุณพ่อของฉันก่อเหตุอัตวินิบาตกรรม ผู้หญิงแปลกหน้าคนหนึ่งก้าวเข้ามาหาฉันและเอ่ยเบาๆว่า “พ่อของฉันก็ทำแบบเดียวกัน” จากนั้นเธอก็กอดฉันเพื่อปลอบใจ
2. กอดจะช่วยสื่อความหมายในสิ่งที่เราไม่สามารถพูดออกไปได้
เมื่อไม่นานมานี้ฉันเพิ่งไปงานศพของผู้ชายคนหนึ่งซึ่งมีความสำคัญมากกับครอบครัวของเรา มีหลายอย่างที่ฉันต้องการพูดกับครอบครัวของเขาทว่าฉันกลับไม่สามารถเอ่ยคำพูดเหล่านั้นออกไปได้
3. กอดคือการแสดงความรัก
มีอะไรที่ให้ความรู้สึกดีไปกว่าอ้อมกอดของลูกไหม? หรืออ้อมกอดของครอบครัวหลังจากที่คุณกลับมาจากการฝึกทหาร? กอดมีความสำคัญไม่แพ้คำพูด
4. กอดจะช่วยเพิ่มความมั่นใจ
คุณควรสวมกอดลูกก่อนที่เขาจะไปโรงเรียนและพูดว่า “แม่รักลูกนะและไม่ว่าวันนี้จะเกิดอะไรขึ้นที่โรงเรียนขอให้ลูกจงรู้ไว้ว่าคนที่บ้านเป็นห่วงลูกอยู่เสมอ”
อ้อมกอดคือสิ่งมหัศจรรย์แต่อ้อมกอดที่ดีที่สุดคืออ้อมกอดจากสวรรค์ในยามที่เรารู้สึกเจ็บปวดหรือต้องการเป็นที่รักและในช่วงที่หัวใจกำลังแตกสลายนั่นเอง..จู่ๆก็มีอ้อมกอดศักดิ์สิทธิ์ที่ฉันไม่อาจอธิบายได้ถึงความรู้สึกอุ่นใจ ลึกๆแล้วทุกคนล้วนปรารถนาความรักและสัมผัสของมนุษย์ก็คือส่วนหนึ่งในนั้น ทุกวันนี้ความท้าทายของฉันก็คือการหาคนมาสวมกอด ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงอายุที่ใช้ชีวิตตามลำพัง คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่แบกโลกทั้งใบไว้คนเดียว เพื่อนที่สูญเสียคนรัก เด็กที่ไม่ได้รับความรักจากที่บ้าน คู่สมรส ลูกๆ และคนอื่นๆอีกมากมาย ง่ายๆแค่ลงมือทำเนื่องจากอ้อมกอดคือของขวัญที่มาจากหัวใจและมักจะเป็นของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่ต้องการมัน
