โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

4 เทศกาลสุดมันจากทั่วโลกที่ควรไปก่อนตาย!

OK Magazine Thailand

เผยแพร่ 20 พ.ย. 2561 เวลา 07.28 น.
4 เทศกาลสุดมันจากทั่วโลกที่ควรไปก่อนตาย!
4 เทศกาลสุดมันจากทั่วโลกที่ควรไปก่อนตาย!

เปิดโซเชียลมีเดียทีไรก็ได้แต่ปวดใจ เพราะเห็นเพื่อนๆ โพสต์รูปไปเที่ยวต่างประเทศกันรัวๆ เอาล่ะ! อย่ามัวแต่นั่งอยู่หน้าจอคอมเลยนะ เกิดมาทั้งทีต้องใช้ชีวิตให้คุ้ม! ลองเจียดเงินเก็บสักก้อนเป็นค่าทริปแล้วตัดสินใจออกเดินทางกันเถอะ แล้วจะรู้ว่าโลกนี้มีอีกหลายสิ่งที่รอให้เราออกไปค้นหาและพบเจอ รับรองว่าเราจะได้ประสบการณ์ล้ำค่าแบบไม่มีวันลืม และนี่ก็คือ 4 เทศกาลสุดมันจากทั่วโลกที่ชีวิตนี้ควรไปเยือนสักครั้ง
1.Burning Man

เทศกาลศิลปะแบบสุดโต่งและโด่งดังมากที่สุดในโลกคงหนีไม่พ้น Burning Man ที่นับวันจะมีผู้ให้ความสนใจมากขึ้นทุกปีและมีการสร้างสรรค์งานศิลปะที่น่าจับตามากขึ้น จะว่าไปแล้วจะบอกว่าเทศกาลนี้เป็นเทศกาลศิลปะก็ไม่เชิงนัก เพราะมันคือเทศกาลแห่งการแสดงออกของมนุษย์ที่ไม่จำกัดรูปแบบ ตั้งแต่ผลงานศิลปะไปจนถึงการแต่งกายเลยทีเดียว

ปัจจุบันเทศกาลนี้มีผู้เข้าร่วมงานประมาณ 70,000 คน โดยทุกคนจะต้องเสียค่าเข้างาน และต้องรับผิดชอบตัวเองทุกอย่าง ตั้งแต่หาที่นอน อาหาร น้ำดื่ม ภายในงานห้ามมีการใช้เงินซื้อขายแลกเปลี่ยนใดๆ และไม่มีการโฆษณาสินค้า ทุกคนสามารถเดินชมงานศิลปะได้อย่างอิสระ ขี่จักรยาน หรือใช้ยานพาหนะที่จำกัดความเร็วไม่เกิน 5 กม./ชม. ในวันสุดท้ายศิลปินทุกคนจะจุดไฟเผางานศิลปะของตัวเอง และผู้เข้าร่วมงานทุกคนจะช่วยกันเก็บกวาดขยะ เป็นงานที่อินดี้สุดๆ เลยว่าไหม

ช่วงเวลาที่จัดงาน: วันจันทร์สุดท้ายของเดือน ส.ค.-วันจันทร์แรกของเดือน ก.ย.
สถานที่: แบล็กร็อก (Black Rock Desert) รัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา
เว็บไซต์: www.burningman.org
2. World Ski & Snowboard Festival (WSSF) 

วิสเลอร์ (Whistler) เป็นเมืองสกีรีสอร์ทในรัฐบริติชโคลัมเบีย แคนาดา ที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของโลก และแน่นอนว่าเทศกาลแห่งกีฬาท้าหนาวอย่าง World Ski & Snowboard Festival  (WSSF) ก็เป็นหนึ่งในเทศกาลท่ามกลางหิมะที่โด่งดังมากที่สุดในโลกอีกด้วย
ความน่าสนใจของเทศกาลนี้กลับไม่ได้อยู่ที่กีฬาที่เล่นกับหิมะเพียงอย่างเดียว เพราะกิจกรรมหลักจะถูกแบ่งออกเป็น 3 หมวดคือ 1.กีฬา (Sport) 2.ดนตรี (Music) และ 3.ศิลปะ (Art) ซึ่งนี่ถือเป็นหนึ่งในเทศกาลที่รวมเอาความน่าสนใจที่แตกต่างทั้ง 3 มาร่วมกันจัดในงานเดียวได้อย่างกลมกลืนและโดดเด่นทีเดียว

ในงานนอกจากจะมีกิจกรรมสนุกๆ ของกีฬาที่เล่นกับหิมะในรูปแบบต่างๆ แล้วก็ยังมีการจัดเทศกาลดนตรีในหลากรูปแบบตั้งแต่คอนเสิร์ตกลางแจ้งของศิลปินชื่อดังไปจนถึงการเปิดแผ่นในผับเก๋ๆ ของดีเจระดับเซียน ด้านศิลปะนั้นมีการคัดสรรศิลปินจากทั่วโลกมาจัดแสดงผลงานศิลปะในหลากรูปแบบหลายแขนงเช่นกันซึ่งก็รวมไปถึงภาพถ่ายและภาพยนตร์ด้วย
ช่วงเวลาที่จัดงาน: เดือน เม.ย.ของทุกปี
สถานที่: เมืองวิสเลอร์ รัฐบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา
เว็บไซต์: www.wssf.com
3.Gujo Odori

1 ใน 3 เทศกาลเต้นรำที่มีชื่อเสียงและมีความสำคัญมากที่สุดในแดนอาทิตย์อุทัยก็คือเทศกาล Gujo Odori ซึ่งเป็นการร่ายรำแบบญี่ปุ่นพื้นถิ่นดั้งเดิมแห่งเมืองกุโจที่ถือเป็นเทศกาลเก่าแก่จัดสืบสานกันมากว่า 400 ปี แล้ว เทศกาลนี้จะจัดขึ้นที่เมืองกุโจ (Gujo) จ.กิฟุ (Gifu) ประเทศญี่ปุ่น และถือเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลบง (Bon) หรือโอะบง (Obon) อันเป็นเทศกาลสำคัญของพุทธศาสนิกชนญี่ปุ่น

Gujo Odori เป็นเทศกาลร่ายรำที่จัดขึ้นทั้งหมด 31 คืน ในช่วงระหว่างกลางเดือนกรกฎาคมไปจนถึงปลายสัปดาห์แรกของเดือนกันยายนของทุกปี ตลอดเทศกาลจะมีคนมาร่วมกันเต้นระบำร่ายรำท่าพื้นถิ่น 10 ท่า อันเป็นเอกลักษณ์ของเมืองกุโจในทุกๆ คืน กิจกรรมนี้จะเกิดขึ้นไปทั่วทั้งเมืองอย่างสนุกสนาน แต่ช่วงที่พิเศษสุดของเทศกาลนี้จะเรียกว่า Tetsuya Odori ซึ่งจะเป็น 4 วันพิเศษกลางเดือนสิงหาคมที่อยู่ในช่วงเดียวกันกับเทศกาลบงของญี่ปุ่นและก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลบงด้วย ช่วงนี้จะมีการร่ายรำแบบต่อเนื่องทั้งคืนตั้งแต่ 2 ทุ่มไปจนถึงตี 5 ตลอดระยะเวลา 4 วัน

เอกลักษณ์สำคัญของ Gujo Odori นั้นก็คือท่าร่ายรำดั้งเดิม 10 ท่า ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากวิถีชีวิตญี่ปุ่นโบราณตลอดจนธรรมชาติแวดล้อมนั่นเอง ท่าร่ายรำจะเป็นการขยับเขยื้อนร่างกายแบบง่ายๆ แต่สื่อความหมายแฝงไว้ทุกท่วงท่า เอกลักษณ์นี้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นทรัพย์สินทางภูมิปัญญาท้องถิ่นอันสำคัญของญี่ปุ่นด้วย (Important Intangible Folk Cultural Properties)

ช่วงเวลาที่จัดงาน: จัดขึ้นราววันที่ 13-15 ส.ค.ของทุกปี (ยกเว้นภูมิภาคคันโตที่จะจัดขึ้นช่วง 13-16 ก.ค. ของทุกปี)
สถานที่: เมืองกุโจ จ.กิฟุ ประเทศญี่ปุ่น
เว็บไซต์: www.gujohachiman.com/kanko
4.La Tomatina

คาดว่าน้อยคนนักจะรู้จักเทศกาล Festivities of Buñol อันเป็นเทศกาลประจำเมืองบูโยล แต่คนทั่วโลกกลับรู้จักเทศกาลเล็กๆ ซึ่งจัดขึ้นในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเทศกาลประจำเมืองนี้อย่าง La Tomatina อันเป็นศึกปามะเขือเทศที่โด่งดังไปทั่วและมีผู้คนจากทุกสารทิศแห่งเข้าร่วมเทศกาลสุดเปื้อนนี้กับหลายหมื่นคนทุกปี

ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะมีเทศกาลปามะเขือเทศเกิดขึ้นเลียนแบบหลายแห่งทั่วโลกแต่ก็ยังไม่มีเทศกาลไหนที่จะโด่งดังเท่าเทศกาลปามะเขือเทศฉบับดั้งเดิมนี้อีกแล้ว โดยจุดกำเนิดของเทศกาลนั้นเริ่มต้นในปี 1945 จากการทะเลาะกันของกลุ่มวัยรุ่นกลางงานเทศกาล Gigantes y cabezudos (หรือเทศกาลหุ่นยักษ์หัวโต) ซึ่งพวกเขาได้ใช้มะเขือเทศจากร้านที่อยู่ใกล้ตัวขว้างปาใส่กัน ในปีต่อมาก็ยังมีการทะเลาะกันเกิดขึ้นอีกแต่คราวนี้แก๊งค์วัยรุ่นได้เตรียมมะเขือเทศกันมาเอง และนั่นก็เป็นต้นกำเนิดของเทศกาลสงครามมะเขือเทศนี้นั่นเอง

เทศกาล La Tomatina จะเริ่มต้นขึ้นในเช้าวันพุธสุดท้ายของเดือนสิงหาคมของทุกปี ราว 10 โมงเช้าทุกคนจะมารวมตัวกันที่จตุรัส Plaza del Pueblo โดยทางเมืองจะตั้งเสาชโลมน้ำมันและแขวนชิ้นแฮมไว้บนยอดสุด ใครก็ได้ที่สามารถปีนขึ้นไปเอาแฮมลงมาได้ก็จะถือว่าเป็นสัญญาณของการเริ่มต้นเทศกาลนี้ขึ้น จากนั้นรถบรรทุกที่จุมะเขือเทศมาเต็ม 5 คันรถก็จะเคลื่อนเข้ามาในจตุรัส เริ่มละเลงปามะเขือเทศกันอย่างเมามัน สำหรับมะเขือเทศที่นำมาเล่นในเทศกาลนี้จะเป็นพันธุ์ที่มาจากแคว้นเอกซ์เตรมาดูรา (Extremadura) ของสเปน ซึ่งรสชาติไม่อร่อยและมีราคาถูก แล้วก่อนปาจะมีการคลึงมะเขือเทศให้นุ่มเสียก่อนเพื่อลดอันตรายด้วย

เทศกาลนี้จะดำเนินไปโดยใช้เวลาเพียง 1 ชม. เท่านั้น หลังจากนั้นจะมีการให้สัญญาณยุติสงครามมะเขือเทศดังขึ้น การปามะเขือเทศก็จะหยุดลง ซึ่งนี่ถือเป็นเทศกาลที่มีระยะเวลาสั้นมากที่สุดในโลกเทศกาลหนึ่งเลยก็ว่าได้
ช่วงเวลาที่จัดงาน: วันพุธสุดท้ายของเดือน ส.ค.
สถานที่: เมืองบูโยล ประเทศสเปน
เว็บไซต์: www.tomatina.es
ติดตาม OK! Magazine Thailand ได้ที่นี่
Website : http://www.okmagazine-thai.com/
Instagram : https://www.instagram.com/okmagazinethailand/
Facebook : https://www.facebook.com/okmagthailand
Twitter : https://twitter.com/okthailand

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0