ผู้ที่รวมความฝันเข้ากับการใช้ชีวิตของตัวเองพบว่า “อนาคต” ของความฝันจะมีโอกาสกลายเป็นจริงมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรอ้าแขนต้อนรับมากกว่าการผลักไสออกไป สำหรับฉันคงเป็นความรู้สึกที่วิเศษกว่าการเติมพลัง นอกจากนี้ยังเป็นอิสรภาพที่เกิดจากการผูกติดกับการต่อสู้ในชีวิตประจำวัน ความสำเร็จ ความล้มเหลว และภาพมายาที่น้อยลงด้วย
1. เตรียมตัวที่จะฝัน
มีขั้นตอนง่ายๆเพียงไม่กี่ข้อที่เราสามารถทำได้ก่อนเข้านอนเพื่อนำความฝันเหล่านั้นกลับมาในชีวิตอีกและสัมผัสด้วยตัวเองว่าเหตุใดพวกมันจึงสำคัญ หลังจากที่ปิดอุปกรณ์สื่อสารทุกชนิดและใช้ชีวิตตามสบายในวันนั้นเราจะสามารถเรียนรู้วิชาได้จากแบบแผนโบราณและปฏิบัติตาม “การบ่มเพาะความฝัน” ตามแบบแผนปัจจุบัน ซึ่งการบ่มเพาะความฝันคือกระบวนการเตรียมสติเพื่อรับคำแนะนำจากที่ปรึกษาภายในใจของเรานั่นเอง
2. หลับและฝันในสถานที่ที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ
ฉันชอบที่พิพิธภัณฑ์รูบินในนิวยอร์กซึ่งจัดแสดงงานศิลปะเอเชียที่ได้นำการบ่มเพาะความฝันเข้ามาในชีวิตยุคปัจจุบันของเรา ผู้เข้าร่วมจะได้นอนหลับท่ามกลางงานศิลปะทั้งคืนและเมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้า “ผู้รวบรวมความฝัน” ก็จะเริ่มสนทนาเกี่ยวกับความฝันของแต่ละคน
3. เริ่มจดบันทึกความฝัน
แมรี่ ฮัลนิก หัวหน้าฝ่ายสร้างสรรค์แห่งมหาวิทยาลัยซานต้าโมนิก้าแนะนำว่าเราควรถามตัวเองด้วยคำถามสำคัญเหล่านี้ก่อนที่จะไปเข้านอน เช่น “ชีวิตช่วงไหนของคุณที่ต้องการคำแนะนำ?” จากนั้นก็จดบันทึกลงไปและตั้งสมาธิมุ่งมั่นที่จะจดจำความฝันให้ได้ขณะที่คุณกำลังจะไปนอน ต่อมาเมื่อตื่นขึ้นก็อย่าเพิ่งขยับตัวและทันทีที่ความฝันอยู่ในหัวแล้วให้คุณรีบหยิบปากกาและกระดาษเพื่อเริ่มต้นจดบันทึกความฝันที่คุณจดจำได้ลงไป ขอแนะนำให้คุณอดทนและปล่อยวางแรงกดดันหรือการยึดติดทุกอย่างเพื่อรับความฝันเข้ามา
4. ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีในช่วงเช้าอยู่กับโลกภายในใจของคุณ
หากฉันตื่นขึ้นมากลางดึกฉันจะจดบันทึกความฝันที่จำได้ด้วยปากกาติดไฟฉายเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเปิดโคมไฟข้างเตียงและเพื่อไม่ให้ความฝันหลุดลอยไปจากความทรงจำในขณะนั้นด้วย หากคุณตื่นขึ้นมาในตอนเช้าและไม่ต้องการลืมความฝันของตัวเอง ขอแนะนำว่าอย่าหยิบโทรศัพท์เป็นอย่างแรกทันทีที่ลืมตา ไม่เช่นนั้นทั้งข่าวสาร ข้อความต่างๆ และอีเมลจะหลั่งไหลเข้ามาแทนที่ความฝันของคุณ ก่อนที่จะอ้าแขนต้อนรับโลกภายนอกคุณควรหยุดพักสักครู่หนึ่งและสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อที่จะได้จดจำความฝันของตัวเองได้มากขึ้น ต่อให้จำได้เพียงภาพเดียวหรือคำๆเดียวคุณก็ต้องจดบันทึกลงไปหรือถ้าจำอะไรไม่ได้เลยก็ต้องจดบันทึกลงไปเช่นกัน ฉันรู้สึกว่าการจดบันทึกจะช่วยให้จิตใต้สำนึกของตัวเองใส่ใจและจดจำความฝันได้มากขึ้นในวันต่อๆไป ไม่สำคัญว่าความฝันของเราจะถูกปิดกั้น ไม่สำคัญว่าการศึกษาและการค้นพบใหม่ๆจะทำให้เราเข้าใจความฝันเหล่านั้นได้มากขึ้น อย่างไรก็ตามปริศนาทั้งหมดนั้นก็ยังคงอยู่ แต่ความฝันของเราจะเป็นประตูสู่โลกอื่นเสมอรวมถึงเป็นการเดินทางสู่มิติภายในใจที่ไม่มีวันสิ้นสุดด้วย
