ช่วงเวลานี้ผู้ลงทุนอาจจะสังเกตได้ว่า หุ้นหลายๆตัวนั้นโดนเทขายจนติดฟลอร์ หรือ -30% ภายในวันเดียว เราไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่ามันเป็นเรื่องของกลไกตลาด มีเครื่องมือมากมายที่จะเป็นตัว "เร่ง" ที่ทำให้หุ้นติดฟลอร์ แต่ในอีกแง่มุมหนึ่ง ถ้านักลงทุนเข้าใจว่าเพราะเหตุใด หุ้นเหล่านั้นถึงติดฟลอร์ และเรามีวิธีหลีกเลี่ยงหุ้นเหล่านี้ได้อย่างไรบ้าง
นี้เป็นข้อสังเกต 4 ข้อ ที่ควรระวัง หุ้นอาจจะติดฟลอร์ได้ไม่รู้ตัว
1. หุ้นที่ราคา "แพง" ในเชิงมูลค่า
คำถามสำคัญ คือ เราจะอยู่ได้อย่างไรว่าหุ้นที่เราถือนั้นแพงไปหรือไม่ ..
การวัดมูลค่าโดยใช้ค่า P/E , P/BV โดยเทียบกับ ROE ที่บริษัททำได้ NET Margin ของบริษัทเป็นอย่างไร แล้วอัตราปันผลที่ผ่านมามีความสม่ำเสมอมากแค่ไหน ปัจจัยเหล่านี้ล้วนวัดมูลค่าในเชิงพื้นฐานได้
แต่อย่างไรก็ตาม การวัดมูลค่าที่กล่าวมาข้างต้นเป็นวิธี "สำเร็จรูป" และ "หยาบ" เกินไป เพราะบริษัทแต่ละบริษัทมี "ลักษณะ" เฉพาะที่แตกต่างกัน บางบริษัทโตเร็ว P/E จึงสูง บางบริษัทโตช้า เป็นบริษัทแข็งแกร่งเก่าแก่แล้ว P/E จึงต่ำ ซึ่งต่ำอย่างไรก็ต่ำอย่างนั้น ดังนั้นถ้านักลงทุนจะเข้าใจถึงความถูกแพงของบริษัทที่เราจะซื้อแล้ว ต้องศึกษาให้เข้าใจถึงการทำธุรกิจของบริษัทอย่างละเอียด
2. หุ้นที่ราคาขึ้นมามากแล้ว
หุ้นที่มี "โอกาส" จะลงถึงฟลอร์ได้นั้น ส่วนใหญ่แล้วมาจาก "ราคาหุ้น" ที่ขึ้นมามากแล้ว เช่น ในปี 2555 ราคาหุ้นอยู่ที่ 1 บาท พอมาในปี 2561 ราคาหุ้นขึ้นไปสูงถึง 40 บาท คิดเป็น 4000% ภายใน 6 ปี ถือว่าวิ่งขึ้นมาสุงมาก นักลงทุนคาดหวังการเติบโตและผลประกอบการไปเยอะพอสมควร เมื่อไม่ได้ถึงเป้าหมายหุ้นอาจจะเกิดอาการ "ช๊อค" ได้ สถาบันเทขายหุ้น โบรคเกอร์ขายหุ้น นักลงทุนขาย ตามมาด้วยนักวิเคราะห์เริ่มปรับประมาณการลง
นักลงทุนควรเรียนรู้ที่จะดูกราฟราคาหุ้น เพื่อศึกษาว่าราคาหุ้นขึ้นมาจากตรงไหน วิ่งมาถึงตรงไหน
3. หุ้นที่ผู้บริหารหรือเจ้าของบริษัทขายหุ้นของตัวเอง
การขายหุ้นของผู้บริหารเป็นสัญญาณที่ไม่ดีนักในเชิงจิตวิทยา
ดังนั้นนักลงทุนต้องติดตามเรื่องการซื้อขายของผู้บริหารทุกวันให้เป็นกิจวัตร ซึ่งเราสามารถดูได้ที่เว็บไซด์ ดูยอดซื้อขายของผุ้บริหาร
ในทางกลับกัน การที่ผู้บริหารซื้อหุ้นของตัวเองก็ไม่ได้หมายความว่าหุ้นจะขึ้น แต่นั้นเป็นสัญญาณที่ดีในเชิงจิตวิทยาที่นักลงทุนมีต่อบริษัทนั้น
4. หุ้นที่มี %Free float สูง
Free float หมายถึง การถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย ยิ่งมีเปอร์เซนต์ที่สูง นั้นแสดงว่ามีรายย่อยเข้าไปถือหุ้นเป็นจำนวนมาก นักลงทุนต่างชาติไม่นิยม กองทุนไม่ให้ความสนใจ เวลาหุ้นมีข่าวร้ายจะลงได้ง่ายกกว่าหุ้นที่มีกองทุน สถาบันเข้าไปถือเป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม นี้เป็นเพียงข้อสังเกต 4 ข้อสั้นๆ ที่นักลงทุนสามารถทำการบ้านและสืบค้นหาได้ด้วยตนเอง ห่างไกลฟลอร์ เริ่มต้นจากการทำการบ้านด้วยตนเองครับ ..
เขียนโดย : คนเล่นหุ้น
stock2morrow
ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่ LINE@stock2morrow, FB:stock2morrow และ www.stock2morrow.com
