โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

กีฬา

4 ปัจจัยที่ ผีแดง อาจต้อง เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ในศึก แดงเดือด

ขอบสนาม

อัพเดต 15 ก.พ. 2561 เวลา 03.21 น. • เผยแพร่ 17 ต.ค. 2562 เวลา 05.24 น. • ขอบสนาม
4 ปัจจัยที่ ผีแดง อาจต้อง เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ในศึก แดงเดือด

ใกล้เข้ามาแล้วสำหรับศึกแดงเดือด ขบวนแรกประจำฤดูกาล 2019-20 ซึ่งศึกในครั้งนี้แฟนบอลก็ยังคงให้ความสนใจอย่างหนักหน่วงเหมือนเช่นเคย ถึงแม้สถานการณ์ของทั้ง 2 ทีมในชั่วโมงนี้จะแตกต่างกันอย่างสุดขั้ว

ทีมนึงกำลังไล่ล่าแชมป์อย่างเอาเป็นเอาตาย ส่วนอีกฝากฝั่งนึงก็กำลังไล่ล่าหาชัยชนะในลีกนัดแรกในรอบ 3 นัดเช่นเดียว แต่ทว่ามันไม่ได้ง่ายอย่างคิดสำหรับทีมของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ที่จะหวังนำชัยชนะเกมนี้มาเป็นจุดเปลี่ยนพาทีมกลับมาสู่เส้นทางที่ควรจะเป็นอีกครั้ง

ว่าแล้ววันนี้ ขอบสนาม ของเราจะไปหาเหตุผลที่ว่าทำไม "ปีศาจแดง" จะเป็นฝ่ายพ่ายพ่ายแพ้ต่อ "หงส์แดง" ในครั้งนี้ จะมีปัจจัยอะไรกันบ้าง ไปติดตามกันได้เลย

ตัวหลักบาดเจ็บ

ไม่รู้ว่าตอนนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้เปลี่ยนสถานะจากสโมสรฟุตบอลเป็นโรงพยาบาลไปหรือยัง เพราะนักเตะตัวหลักของทีมต่างทยอยกันบาดเจ็บไปกันเสียหมด เรียกว่าได้แทบจะทุกตำแหน่งกันเลยทีเดียว ไล่เรียงตั้งแต่นายทวารอย่าง ดาบิด เด เคอา ที่พึ่งเจ็บจากเกมทีมชาติ และมีรายงานข่าวว่าพลาดศึก แดงเดือด ครั้งนี้ไปแล้วอย่างแน่นอน

ส่วนแนวรับแบ็คซ้าย-ขวา ยังคงต้องรอทดสอบความฟิตจนวินาทีสุดท้ายว่าจะมความพร้อมมากขนาดไหนทั้งในรายของ ลุค ชอว์ และอารอน วาน-บิสซาก้า ขยับมาที่แดนกลางเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า 'ปีศาจแดง' จะหมดสิทธิ์ใช้งาน ปอล ป็อกบา ที่เจ็บบริเวณข้อเท้า พลาดการลงสนามให้ทีมในช่วง 4 นัดหลังสุด

มองขึ้นไปในแนวรุก อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล กลับมาลงซ้อมกับทีมได้อล้ว แต่ก็ยังคงต้องรอเช็กความฟิตให้ละเอียดอีกครั้ง ว่าสภาพร่างกายพร้อมขนาดไหน

ไล่เรียงดูแล้ว จะเห็นได้ชัดว่า โอเล่ กุนนาร์ โซลชา มีปัญหาในการจัดทัพทุกตำแหน่ง ซึ่งลำพังตัวหลักอยู่กันพร้อมหน้าก็เป็นรองพอสมควรแล้ว และต้องมาเผชิญกับสถานการณ์ที่วิกฤตแบบนี้ มันพิสูจน์กึ๋นของกุนซือหน้าทารกคนนี้ดีนักแล

ฟอร์มการเล่น

มันเป็นสิ่งที่เห็นเด่นชัดอยู่แล้วว่าฟอร์มในสนามของทั้งสองทีมในตอนนี้มันช่างแตกต่างราวฟ้ากับเหวดีจริงๆ ทางฝั่งผู้มาเยือนอย่าง 'หงส์แดง' นั้นกำลังมีความมั่นใจแบบเต็มประดา ทั้งการนำเป็นจ่าฝูงถึง 8 คะแนน รวมไปถึงฟอร์มการเล่นที่กำลังร้อนแรงเปิดหัวฤดูกาลมา 8 นัด สามารถเก็บชัยชนะได้รวด ทำให้นักเตะมีความฮึกเหิมอยู่เต็มอก

ซึ่งมันแตกต่างจากฝั่งเจ้าบ้านอย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด เสียจริงๆ เพราะถึงตรงนี้พวกเขารั้งอันดับ 12 เก็บได้เพียง 9 คะแนน จาก 8 นัด หนำซ้ำยังมีปัญหารุมล้อมไปหมดทั้งเรื่องตัวผู้เล่น ความมั่นใจในสนาม รวมไปถึงตัวของกุนซือเอง แต่ปัญหาของ "ปีศาจแดง" ที่เห็นได้ชัดที่สุดในตอนนี้คือ การยิงประตู เพราะในลีก 8 นัด พวกเราเจาะตาข่ยคู่แข่งได้เพียง 9 ประตู โดยเป็นจุดโทษ 2 ลูก และต้องมาบดขยี้กับแนวรับที่แข็งแกร่งของ ลิเวอร์พูล ด้วยแล้ว มันยิ่งเกิดคำถามตัวโตๆ ว่าจะทำลายกำแพง "หงส์แดง" ลงได้อย่างไร

ประสบการณ์ของกุนซือ

นี่คงเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ต้องยอมรับว่าฝั่ง ลิเวอร์พูล ได้เปรียบมากพอมากพอสมควร ด้วยชื่อชั้นของ เจอเก้น คล็อปป์ ในตอนนี้ได้ก้าวขึ้นไปเป็นระดับโลกแล้ว ด้วยการพา ลิเวอร์พูล เล่นฟุตบอลด้วยความดุดัน พ่วงมาด้วยการได้ลุ้นแชมป์ และมีโทรฟี่แชมป์เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งที่ผ่านๆ มา คล็อปป์ มีประสบการณ์ที่เรียกว่าเขี้ยวลากดิน ผ่านร้อน ผ่านหนาว มาแล้วมากมาย บวกกับประสบการณ์ในการพาทีมทะยานขึ้นไปลุ้นคว้าแชมป์ลีก มันยิ่งบ่งบอกว่า คล็อปป รู้ดีว่าเกมแบบนี้ด้วยจะทำอย่างไรเพื่อเผด็จศึกคู่แข่งให้อยู่มัด

ซึ่งมันแตกต่างจากฝั่ง "ปีศาจแดง" เสียเหลือเกินที่ตอนนี้กุนซือของพวกเขาอย่าง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เหมือนคนที่กำลังเมาหมัด เซไปเซมา จับต้นชนปลายไม่ถูก บวกกับประสบการณ์ในฟุตบอลระดับสูงที่แทบจะไม่มี และยิ่งกับสถานการณ์ภายในทีมตอนนี้เหมือนมีไฟเข้าสุมอยู่อย่างไงอย่างงั้น มันเลยตอกย้ำเข้าไปอีกว่าการดวลกันของ 2 กุนซือ ในครั้งนี้ ปัจจัยนอกสนาม คล็อปป์ สามารถเอาชนะไปได้แบบเอกฉันท์เลยทีเดียว

ขุมกำลัง

พูดถึงในเรื่องของขุมกำลังนักเตะในตอนนี้ อย่างที่เรียนไปว่าปัญหาของฝั่ง แมนฯ ยูไนเต็ด คือปัญหาอาการบาดเจ็บของนักเตะ ซึ่งไปทำให้ลามไปถึงการจัด 11 ผู้เล่นตัวจริงของ โซลชา ด้วย เพราะในช่วง 3-4 นัดหลัง ไม่สามารถหา 11 ตัวจริงที่ยึดพื้นที่ได้แบบ 100% เต็ม หมุนเวียนสลับนักเตะเล่นไปเรื่อย

ซึ่งมันต่างกับฝั่งของ คล็อปป์ ที่สามารถยึด 11 ตัวจริงได้แล้ว และใช้อย่างต่อเนื่อง เต็มที่เปลี่ยนแปรงแค่ 1-2 ตำแหน่ง ตามความเหมาะสมในแต่ละเกม

ขยับมาที่ตัวสำรองข้างสนาม มันยิ่งชี้ชัดว่าทางฝั่ง โซลชา แทบจะหาคนที่ลงมาแล้วเปลี่ยนเกม หรือหวังพึ่งในการเปลี่ยนสถานการณ์ และสร้างวีรบุรุษให้ทีมได้เลย เพราะในซุ้มตัวสำรองต่างอุดมไปด้วยแข้งเหล่าบรรดาดาวรุ่งทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น อังเคล โกเมซ, เมสัน กรีนวูด หรือทาอิธ ชอง มันเป็นเรื่องที่ดีที่ผลักดันดาวรุ่ง แต่มันก็ไม่ควรไปฝากผีฝากไข้กับเหล่าลูกกรอกคะนองแบบเต็มประดาแบบนั้น

หันไปมองฝั่ง คล็อปป์ ที่สามารถเลือกสรรขุมกำลังสำรองได้อย่างสบายมือ มีคนที่คอยทดแทนและหวังพึ่งได้ ในสถานการณ์ที่ทีมต้องการประตู ไม่ว่าจะเป็น ดิว็อค โอริกี้ หรือเจมส์ มิลเนอร์ ซึ่งนี่ก็เป็นอีกหนึ่งข้อได้เปรียบของฝั่ง ลิเวอร์พูล

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0