“เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมแรกที่คว้าทริปเปิ้ลแชมป์บอลอังกฤษได้สำเร็จหลังไล่ถล่มเอาชนะ วัตฟอร์ด 6-0 คว้าแชมป์เอฟเอคัพ สมัยที่ 6 ในนัดชิงชนะเลิศ ที่เวมบลี่ย์ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา พร้อมกับคว้าแชมป์รายการที่ 3 ของฤดูกาลต่อจาก พรีเมียร์ลีก และ คาราบาว คัพ และยังถูกจารึกเป็นสโมสรแรกที่กวาดทุกแชมป์ในอังกฤษในซีซั่นเดียว
ฤดูกาลนี้ แมนฯ ซิตี้ คว้าชัยชนะรวมทุกรายการ 50 นัด ซึ่งถือเป็นทีมอังกฤษรายแรกที่ทำได้ระดับนี้ภายในฤดูกาลเดียว โดยที่ฤดูกาลก่อน พวกเขาคว้าชัยได้ 44 นัด
นอกจากนี้เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ผู้จัดการทีม “เรือใบสีฟ้า” ยังเป็นกุนซือสเปนคนที่สาม ที่ได้แชมป์ เอฟเอ คัพ ต่อจาก ราฟาเอล เบนิเตซ (ลิเวอร์พูล) ปี 2006 กับ โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ (วีแกน แอธเลติก) ปี 2013 และเป็นกุนซือคนที่แปด ที่ประสบความสำเร็จคว้าทั้งแชมป์ลีก, เอฟเอ คัพ และ ลีก คัพ ต่อจาก บิลล์ นิโคสัน, ดอน เรวี่, โจ เมอร์เซอร์, เคนนี่ ดัลกลิช, จอร์จ เกรแฮม, เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และ โชเซ่ มูรินโญ่
เท่านั้นไม่พอ กวาร์ดิโอล่า ยังทำสถิติเยี่ยมเมื่อพาทีมเข้าชิงบอลถ้วย 13 ครั้ง เป็นผู้ชนะถึง 12 ครั้ง โดยหนเดียวที่เป็นฝ่ายปราชัยเกิดขึ้นสมัยคุม บาร์เซโลน่า เมื่อปี 2011 ที่แพ้ เรอัล มาดริด 0-1 (ต่อเวลาพิเศษ) ในเกมนัดชิง โกปา เดล เรย์
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ฤดูกาล 2010-11 เป็นต้นมา แมนฯ ซิตี้ คว้าแชมป์ภายในประเทศไปแล้วถึง 10 รายการ (พรีเมียร์ลีก 4, เอฟเอ คัพ 2 และ ลีก คัพ 4) ซึ่งถือว่ามากกว่าทุกทีม (เชลซี 5, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4, อาร์เซน่อล 3, เบอร์มิงแฮม ซิตี้ 1, เลสเตอร์ ซิตี้ 1, ลิเวอร์พูล 1, สวอนซี ซิตี้ 1 และ วีแกน 1)
จากการคว้าแชมป์เอฟเอ คัพของแมนฯ ซิตี้ทำให้ วูล์ฟแฮมป์ตัน ทีมอันดับ 7 ได้สิทธิ์เล่นยูโรปาลีกซีซั่นหน้า เนื่องจาก”เรือใบสีฟ้า” ได้สิทธิ์ไปเล่นบอลถ้วยใหญ่ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อยู่แล้ว
