แม้เราจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า บ้านเรามี 3 ฤดู คือ ร้อน ฝน และหนาว แต่ปัจจุบันนี้สภาวะอากาศไม่คงที่ บางวันเดี๋ยวก็ร้อนเดี๋ยวก็หนาว อยู่ๆ ฝนอยากตกก็ตกลงมาซะงั้น เพราะฉะนั้นการที่อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ก็เป็นตัวแปรให้เราป่วย ไม่สบาย เป็นหวัด ง่ายเช่นกัน และเมื่อคุณเป็นหวัดแล้วน้านนนน คุณจะต้องเจอกับ 3 อาการนี้อย่างแน่นอนค่ะ
3 อาการที่ต้องเจอ เมื่อเป็นหวัด
1. คัดจมูก น้ำมูกไหล
เมื่อเราเป็นหวัดจะมีเลือดมาเลี้ยงเยื่อบุผิวช่องจมูกมากขึ้น เพื่อนำเอาเม็ดเลือดขาวและ Antibody มาต่อสู้กับการติดเชื้อ ทำให้เกิดอาการคัดจมูก หายใจไม่ออก และมีน้ำมูกไหล ถึงแม้อาการคัดจมูกจะเป็นกระบวนการต่อสู้กับเชื้อเพื่อช่วยเหลือตนเองของร่างกาย แต่ก็ทำให้เรารู้สึกอึดอัดไม่น้อย อาการคัดจมูกมีน้ำมูกเนื่องจากหวัด สามารถหายได้โดยไม่ต้องใช้ยา และวิธีดูแลตัวเองให้รู้สึกสบายขึ้นจากอาการนี้ ทำได้โดย
วิธีดูแลตัวเอง
- ไม่ควรออกแรงสั่งน้ำมูกอย่างรุนแรง เพราะอาจเกิดแรงดันย้อนกลับ ทำให้เชื้อไวรัสย้อนกลับเข้าทางโพรงจมูก และทำให้โพรงอากาศรอบจมูก หรือไซนัสเกิดการอักเสบติดเชื้อได้ โดยเฉพาะถ้าสั่งน้ำมูกแรงๆ พร้อมกันทั้งสองข้าง ทางที่ดีสั่งน้ำมูกทีละข้างเพื่อให้มีแรงดันย้อนกลับน้อยที่สุด
- ดื่มน้ำมากๆ โดยเฉพาะน้ำอุ่น หรือกินอาหารเหลวร้อนๆ เช่น ซุปไก่ ช่วยบรรเทาอาการคัดจมูกได้
- ใช้ไอน้ำร้อน เช่น อาบน้ำอุ่น เช็ดหน้าด้วยผ้าชุบน้ำอุ่น หรือสูดไอน้ำต้มหัวหอมร้อนๆ จะช่วยละลายน้ำมูกที่คั่งค้างอยู่ได้ โดยใช้หอมแดง 4-5 หัวทุบพอแตกต้มกับน้ำ 1 ลิตรจนเดือด เทใส่กะละมังแล้วเอาผ้าขนหนูคลุมศีรษะกับกะละมัง ก้มหน้าสูดไอร้อนประมาณ 5-10 นาที หรือจะใช้น้ำนี้อาบน้ำก็ช่วยได้เช่นกัน เพียงแต่เพิ่มปริมาณน้ำให้มากขึ้น ใส่เปลือกส้มโอและใบมะขามไปอีกสักกำมือแล้วต้มรวมกัน ก็ช่วยบรรเทาหวัด ลดน้ำมูกได้ หรือจะใช้วิธีกิน โดยกินหอมแดงแนมกับอาการเป็นประจำทุกมื้อ อย่างน้อยครั้งละ 1 หัว ก็ช่วยบรรเทาอาการได้
- หยุดสูบบุหรี่ หรืออยู่ให้ห่างควันบุหรี่ เพราะควันบุหรี่ทำให้เกิดอาการระคายเคืองในช่องจมูก
- ถ้ามีน้ำมูกมากจนจมูกเริ่มแดง รูจมูกเจ็บและอักเสบ ควรหาวาสลินเจลทาบางๆ รอบจมูก ป้องกันการแสบจมูก หรือจะใช้ผ้าเช็ดหน้าสะอาดเนื้อนุ่มชุบคาโมไมล์ประคบไว้ 1-2 นาที ถ้าดูแลตัวเองตามนี้ร่วมกับการใส่ใจในอาหารการกิน พักผ่อนเพียงพอ ออกกำลังกายพอเหมาะ อาการคัดจมูกและน้ำมูกก็จะค่อยๆ ดีขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องใช้ยาพ่นจมูกหรือล้างจมูก เว้นเสียแต่มีอาการหวัดเรื้อรัง ไซนัสอักเสบ และถ้าคัดจมูกนานเกินกว่า 3 สัปดาห์หรือมีไข้ น้ำมูกข้นมีสีเข้มขึ้น และปวดบริเวณโพรงอากาศ (Sinus) ควรปรึกษาแพทย์
หูอื้อ
อาการหูอื้อขณะเป็นหวัด หรือหลังหวัดหายเกิดขึ้นได้ เพราะไวรัสทำให้ท่อที่เชื่อมระหว่างหูชั้นกลางกับช่องลำคอเกิดการอักเสบและบวม ส่งผลให้ความดันในหูชั้นกลางสูงขึ้น จึงมีอาการหูอื้อข้างเดียวหรือทั้ง 2 ข้าง เป็นๆ หายๆ สลับกันไปมาให้อึดอัดรำคาญได้ หรืออาจเป็นเพราะไวรัสทำให้หูชั้นกลางอักเสบ
วิธีดูแลตัวเอง
มีรายงานพบว่า อาการหูอื้อหลังหวัดมักสัมพันธ์กับความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ ดังนั้นคุณหมอจึงแนะนำให้พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียด ดื่มน้ำอุ่นเพิ่มมากกว่าปกติ กินอาหารที่มีประโยชน์ เพิ่มผักผลไม้มากๆ ออกกำลังกายตามควร หลีกเลี่ยงฝุ่นละอองและเสียงดัง ถ้าอาการไม่ดีขึ้นควรได้รับการตรวจหู เพื่อดูความผิดปกติในหูชั้นกลางและตรวจภายในโพรงจมูก
เจ็บคอ
การที่เป็นหวัดแล้วเจ็บคอด้วย เพราะมีการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจส่วนบน คือ ติดเชื้อในโพรงจมูกเรื่อยลงไปจนถึงคอส่วนล่าง นั่นเลยทำให้คอส่วนนี้เกิดอาการระคายและเจ็บได้ อาการนี้ไม่จำเป็นต้องพึ่งยา เพียงแต่ดูแลตัวเองแต่เนิ่นๆ ไม่ปล่อยให้ลุกลามจนเกิดอาการแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมา
วิธีดูแลตัวเอง
- ดื่มน้ำอุ่นมากขึ้นกว่าเดิม 2 เท่า โดยเฉพาะคนที่ไอและมีเสมหะร่วมด้วย เพราะน้ำจะช่วยให้เสมหะใสและเหนียวน้อยลง ร่างกายขับออกได้ง่ายขึ้น และช่วยลดอาการระคายคอ
- น้ำเกลือกลั้วคอ ของพื้นๆ อย่างเกลือใช้เป็นยาแก้เจ็บคอได้อย่างดีทีเดียว โดยผสมเกลือ 1 ช้อนชากับน้ำอุ่น 1 ถ้วย คนจนละลาย อมน้ำเกลือกลั้วคอ โดยแหงนศีรษะไปด้านหลัง เพื่อให้น้ำเกลือไหลอาบเนื้อเยื่อในลำคอ ทำซ้ำวันละ 4 ครั้ง
- ทานผลไม้รสเปรี้ยว เช่น มะนาว ส้ม มะขาม เสาวรส เป็นต้น เพราะในรสเปรี้ยวของผลไม้เหล่านี้มีกรดชิตริกที่ช่วยลดอาการเจ็บคอได้ และยังมีวิตามินซีช่วยเสริมภูมิต้านทานให้ร่างกายพร้อมสู้กับเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย ช่วยลดระยะเวลาในการเป็นหวัดให้สั้นลง ตัวอย่างสูตรการใช้ เช่น มะนาว น้ำอุ่น 1แก้วผสมมะนาวอมกลั้วคอวันละ 2-3 ครั้ง หรือคั้นน้ำเหยาะเกลือเล็กน้อยจิบบ่อยๆ หรือบีบมะนาวครึ่งลูกผสมน้ำอุ่นครึ่งแก้ว เติมน้ำผึ้ง 1 ช้อนชาดื่ม รสเปรี้ยวของมะนาวจะช่วยขับน้ำลาย ลดอาการระคายเคืองในลำคอ ส่วนน้ำผึ้งมีฤทธิ์ช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ ส้ม ปรุงน้ำส้มแก้เจ็บคอโดยคั้นส้ม 3 ผล เติมน้ำมะนาวและน้ำตาลอย่างละ 1ช้อนโต๊ะ เกลืออีก ½ ช้อนชา เอาไว้จิบบ่อยๆ ก็ช่วยแก้ไอขับเสมหะและชุ่มคอได้
- เลี่ยงควันและมลพิษต่างๆ รวมทั้งสารระเหยจากน้ำยาทำความสะอาดในบ้าน หรือสีทาบ้าน และงดสูบบุหรี่ เพราะจะยิ่งทำให้เจ็บคอมากขึ้น
- ใช้เสียงให้น้อย ถ้าอาการเจ็บคอลุกลามจนกล่องเสียงอักเสบ เกิดการระคายคอมากเวลาพูด หรือเสียงหายไปชั่วขณะ ควรพักผ่อนให้เพียงพอ และให้ความอบอุ่นกับร่างกาย
- ปรับสภาพอากาศภายในห้องให้ชื้นขึ้นเล็กน้อย เพื่อเพิ่มความชื้นในอากาศที่แห้ง ช่วยให้เยื่อเมือกในช่องคอไม่แห้ง เพราะถ้าช่องคอแห้งจะทำให้ระคายคอ โดยนำอ่างใส่น้ำมาวางไว้ในบริเวณห้อง หรือหากระถางต้นไม้มาตั้ง ยกเว้นในห้องนอน
คลิป > เตือนระวังไข้หวัดใหญ่ช่วงปลายฝนต้นหนาว
https://seeme.me/ch/motionnews/q8Bal9
ที่มา : www.thaihealth.or.th