Highlight
3 เรื่องท้าทายที่ทำให้การระบาดของโควิด-19 ยากต่อการรับมือ
3 บทเรียนสำคัญ จากการรับมือการแพร่ระบาดของโควิด-19
ดร. ภก. อนันต์ชัย อัศวเมฆิน
คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับภาวะฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข
“ในช่วงภาวะวิกฤต สถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา กระแสของข้อมูลข่าวสารที่เข้ามามากมาย การหาแนวทางจัดการและรับมือสถานการณ์กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้น จำเป็นต้องมีการประชุมหารือเพื่อปรับแผนการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์กันอยู่ตลอดเวลา”
การระบาดของโควิด-19 ครั้งนี้ เป็นปรากฎการณ์ระดับโลก (Pandemic) มันจึงถือเป็นบทพิสูจน์ความสามารถในการจัดการปัญหาของระบบสาธารณสุขของแต่ละประเทศอย่างแท้จริง
3 เรื่องท้าทายที่ทำให้การระบาดของโควิด-19 ยากต่อการรับมือ คือ
1. การระบาดที่ยากจะคาดเดาบนความไม่แน่นอน (Unpredictable and Uncertainty) เราจะไม่ทราบได้เลยว่าจะเกิดขึ้นที่ไหนเมื่อไร?
ประชาชนเองก็ไม่มั่นใจว่าติดเชื้อหรือไม่ หรือติดมาอย่างไร?
และแพร่กระจายไปที่ใดบ้าง? จึงทำให้ยากต่อการควบคุม
2. ผลกระทบในวงกว้าง คือ เมื่อเกิดการระบาดขึ้นแล้วจะขยายตัวอย่างทวีคูณ ซึ่งสถานการณ์และผลกระทบในแต่ละพื้นที่ก็จะไม่เท่ากัน การจะกำหนดมาตรการควบคุมให้เหมือนกันหมดทั้งประเทศก็คงจะไม่ใช่ทางออกที่ดีนัก
สิ่งสำคัญคือ การประเมินความเสี่ยงเฉพาะแต่ละพื้นที่ เพื่อที่จะกำหนดระดับมาตรการในการควบคุมที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละพื้นที่
3. ความสับสนอลหม่าน จากกระแสของข้อมูลข่าวสารที่เข้ามามากมาย หลากหลายช่องทาง นำไปสู่ความวิตกกังวล และสร้างการตื่นตระหนกเกินกว่าเหตุในบางครั้ง
ยิ่งเกิดความสับสนอลหม่านมากเท่าไร ก็จะยิ่งยากต่อการควบคุม ดังนั้น การที่จะสื่อสารหรือประกาศใช้มาตรการใด ๆ ออกไปก็จะต้องมีความชัดเจน
3 บทเรียนสำคัญ จากการรับมือการแพร่ระบาดของโควิด-19
บทเรียนที่ 1 :
การระบาดของโควิด-19 นั้น แตกต่างไปจากโรคระบาดอื่น ๆ ที่เคยมีมา ผู้ติดเชื้อมีได้หลายระดับ ตั้งแต่ไม่แสดงอาการ มีอาการภายใน 5-14 วันหลังได้รับเชื้อ จนถึงขั้นรุนแรงที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และโอกาสในการแพร่เชื้อในแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกันอย่างมาก
สะท้อนว่า ไม่มีมาตรการหรือวิธีการใดที่ดีที่สุดสำหรับทุกประเทศ แต่แนวทางวิธีการรับมือจะต้องเป็นไปในลักษณะเฉพาะตัว ขึ้นกับบริบทและช่วงเวลาของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
บทเรียนที่ 2 :
ไม่มีแนวทางหรือวิธีการใด ที่ “ถูก” หรือ “ผิด” โดยสมบูรณ์
มีแต่จะช่วยทำให้สถานการณ์ “ดีขึ้น” หรือ “แย่ลง”
ดังนั้นการนำเอามาตรการ หรือแนวทางการรับมือแบบไหนมาปรับใช้ ต้องอยู่บนพื้นฐานของความเข้าใจปัญหา และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นเป็นลูกโซ่ต่อไปยังระบบอื่น ๆ ซึ่งจะต้องคำนึงถึงหลากหลายมิติ ทำให้ต้องสร้างจุดสมดุลของมาตรการร่วมกัน และจะต้องเลื่อนไหลไปตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา
บทเรียนที่ 3 :
การสื่อสารที่ชัดเจนและโปร่งใส คือ “หัวใจสำคัญของความร่วมมือของประชาชน”