โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

3 กูรู แนะนำ ท่องเที่ยวสุโขทัย อย่างคนรู้จริง!

OK Magazine Thailand

เผยแพร่ 21 ม.ค. 2563 เวลา 07.28 น.
3 กูรู แนะนำ ท่องเที่ยวสุโขทัย อย่างคนรู้จริง!
3 กูรู แนะนำ ท่องเที่ยวสุโขทัย อย่างคนรู้จริง!

 ความรุ่มรวยทางวัฒนธรรมของจังหวัดสุโขทัยที่มีมายาวนานกว่า800 ปี จนได้รับการขึ้นทะเบียนว่าเป็นมรดกโลกแห่งแรกของประเทศไทยจาก UNESCO ดูจะเป็นเสน่ห์ดึงดูดใจให้คนไทยและต่างชาติมา ท่องเที่ยวสุโขทัย เมืองสโลว์ไลฟ์แห่งนี้ไม่ได้มีแต่ความสวยงาม อ่อนช้อย และเข้มขลังแบบโบราณเท่านั้น แต่การยังเชื่อมโยงวิถีชีวิตจากคนรุ่นเก่า สู่คนรุ่นใหม่ ผ่านศิลปะร่วมสมัย ทำให้ควรบรรจุการ ท่องเที่ยวสุโขทัย เป็นสิ่งที่ต้องทำสักครั้งในชีวิต ครั้งนี้ OK! จึงขอคำแนะนำสถานที่ที่น่าสนใจของการ ท่องเที่ยวสุโขทัย จากคุณอภิวัฒน์ ทับทิมโต ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุโขทัย, อาจารย์เผ่าทอง ทองเจือ นักโบราณคดีและประวัติศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องผ้าเอเชียและเครื่องแต่งกายไทย และคุณนกฮูก-วรพล นิยมกุล บรรณาธิการหนังสือสุโขทัย แมกกาซีน มาฝากกัน

คุณอภิวัฒน์ทับทิมโต

ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานสุโขทัย

“ความโดดเด่นของจังหวัดสุโขทัยอย่างแรกเลยคือเป็นราชธานีแห่งแรกของประเทศไทย และอักษรไทยก็สามารถค้นพบได้ที่หลักศิลาจารึกของจังหวัดนี้ อุทยานประวัติศาสตร์ของสุโขทัยก็ได้รับการยกย่องและขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์กร UNESCO นอกจากนี้งานประเพณีเผาเทียนเล่นไฟก็โดดเด่นและได้รับการตอบรับที่ดีมาโดยตลอด งานลอยกระทงที่ผ่านมาเรามีจำนวนนักท่องเที่ยวจำนวน 280,000 คนครับ ใกล้ๆ กับอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยยังมีวัดศรีชุมที่มีเรื่องเล่าของพระอจนะ หรือที่เรียกว่า พระพูดได้ ได้ซึ่งเกิดขึ้นในสมัยอยุธยาให้ไปเคารพสักการะ นอกจากโบราณสถาน เรายังมีชื่อในเรื่องของ เงิน ทอง ผ้า ด้วย โดยเฉพาะผ้าซิ่นตีนจก ที่อำเภอศรีสัชนาลัยก็ได้รับการพูดถึงอย่างมาก ส่วนอำเภอสวรรคโลก ตอนนี้มีสรีตอาร์ทที่ใช้เส้นถนนของทางรถไฟเก่ามาเพนท์กำแพง กลายเป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวที่กำลังได้รับความนิยม นอกจากนั้นก็ยังมีชุมชนบ้านนาต้นจั่นที่ตอนนี้มีคนมาเที่ยวเยอะมาก”

อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย

แนะนำโดยอาจารย์เผ่าทองทองเจือและคุณอภิวัฒน์ทับทิมโต

เรียกว่าเป็นอะไรที่ต้องมาเลยเพราะอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยและอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัยที่จังหวัดนี้พร้อมกับอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชรที่จังหวัดกำแพงเพชรต่างได้รับการยกย่องและขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์กรUNESCO มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2534 สำหรับพื้นที่อุทยานประวัติศาตร์สุโขทัยนั้นมีจุดที่น่าสนใจอยู่หลายที่

เช่น พระบรมราชานุเสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช พระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ในอาณาจักรสุโขทัย พระบรมรูปของพระองค์หล่อด้วยโลหะทองเหลืองผสมทองแดงรมดำ ประทับนั่งบนแท่นมนังคศิลาบาตร มีหลักศิลาจารึกจำลองและภาพแผ่นจำหลักจารึกพระราชกรณียกิจของพ่อขุนรามคำแหงสร้างอยู่ด้านข้างของพระยราราชานุสาวรีย์, วัดมหาธาตุ วัดที่ดูโดดเด่นมากในอุทยานประวัติศาสตร์แห่งนี้ ซึ่งภายในวัดมีเจดีย์แบบต่างๆ ถึง 200 องค์ วิหาร 10 แห่ง ซุ้มพระ(มณฑป) 8 ซุ้ม พระอุโบสถ 1 แห่ง, ตระพัง(สระน้ำ) 4 แห่ง มีโบราณสถานที่สำคัญประกอบด้วย เจดีย์ประธานเป็นเจดีย์มหาธาตุทรงดอกบัวตูม หรือทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ ล้อมด้วยเจดีย์ 8 องค์ ด้านทิศตะวันออกบนเจดีย์ประธานเป็นวิหารขนาดใหญ่ห่อด้วยศิลาแลง เคยเป็นที่ประดิษฐานพระศรีศากมุนี พระพุทธรูปสำริดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยแต่ย้ายไปประดิษฐานที่วัดสุทัศน์เทพวรารามวรมหาวิหาร กรุงเทพฯทางด้านทิศเหนือและทิศใต้ของเจดีย์ประธานมี “พระอัฏฐารศ” เป็นพระพุทธรูปยืนประดิษฐานอยู่ภายในซุ้มพระเป็นต้น

ที่แห่งนี้มีนักท่องเที่ยวแวะมาชมตลอดทั้งวันและด้วยความที่ที่แห่งนี้มีพื้นที่กว้างจึงมีรถให้บริการหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นรถรางพร้อมมัคคุเทศน์บรรยายหรือจะเป็นรถขนาดย่อมพอดีไม่กี่คนแต่ถ้าอยากจะชิลล์ๆอีกหน่อยที่นี่ก็มีรถจักรยานให้เช่าขี่ด้วยเช่นกันสำหรับเวลาที่พีคที่สุดของที่นี่คือช่วงเวลาเย็นเพราะพระอาทิตย์จะตกลงที่ด้านหลังของวัดมหาธาตุทำให้อุทยานฯแห่งนี้ยิ่งน่าประทับใจและพอถึงเวลา19.00-21.00 น. จะเป็นช่วงวลาที่ทางอุทยานฯเปิดไฟส่องโบราณสถานซึ่งให้ความงดงามไปอีกแบบ

วัดศรีชุม

แนะนำโดยคุณอภิวัฒน์ทับทิมโต

เรามักจะได้เห็น“พระอจนะ” วัดศรีชุม เป็นหนึ่งในภาพสัญลักษณ์ของจังหวัดสุโขทัย เรียกว่าถ้าได้มาที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย แต่ไม่ได้แวะมาที่นี่ซึ่งอยู่ไม่ห่างกัน ก็ถือว่ามาไม่ถึง  วัดศรีชุม หรือ วัดฤษีชุม เป็นโบราณสถานในเขตอุทยานประวัติศาสตร์ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ นอกเขตกำแพงเมือง และสร้างเป็นมณฑปสี่เหลี่ยมจัตุรัส เพื่อประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นขนาดใหญ่เต็มมณฑป โดยมณฑปกว้างด้านละ 32 เมตร สูง 15 เมตร ผนังหนา 3 เมตร ผนังด้านซ้ายเจาะอุโมงค์เล็กๆ เป็นบันไดในผนังขึ้นไปถึงหลังคา ที่ผนังมีแผ่นหินชนวนสลักภาพลายเส้นเป็นเรื่องในชาดกเรียงประดับต่อเนื่องกัน คาดว่ามีอายุประมาณ 700 ปี

ตามหลักศิลาจารึกหลักที่ 1 เรียกพระพุทธรูปองค์นี้ว่า พระอจนะ คำว่า อจนะ มีผู้ให้ความหมายคำในภาษาบาลีว่า “อจละ” ซึ่งแปลว่าผู้ไม่หวั่นไหว มั่นคง  ผู้ที่ควรเคารพกราบไหว้ ตามพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ได้บันทึกความหัศจรรย์ของพระอจนะว่า เมื่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงยกทัพไปปราบเมืองกบฏที่เมืองสวรรคโลก ได้มาชุมนุมพลที่วัดศรีชุม ปรากฏว่ามีเสียงเปล่งออกมาจากองค์พระอจนะ ทำให้กองทัพเกิดขวัญ และกำลังใจเป็นอย่างยิ่ง และเป็นที่มาของตำนวน “พระพูดได้”

อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย

แนะนำโดยอาจารย์เผ่าทองทองเจือและคุณอภิวัฒน์ทับทิมโต

มรดกโลกอีกที่ที่ต้องไม่พลาดคืออุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัยโดยศรีสัชนาลัยเป็นเมืองลูกหลวงที่สำคัญแห่งหนึ่งในช่วงต้นกรุงสุโขทัยมักจะปรากฏชื่อควบคู่กับเมืองหลวงในจารึกว่า“ศรีสัชนาลัย สุโขทัย”

แม้จะผ่านเวลามานานหลายร้อยปี และเคยถูกทิ้งร้าง แต่ที่นี่ก็ยังสวยงามและทรงคุณค่าเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของคนที่นี่ การชมเมืองศรีสัชนาลัยนั้นจะมีรถรางพร้อมมัคคุเทศน์ท้องถื่นคอยเล่าถึงความสำคัญในแต่ละสถานที่ อาทิ วัดช้างล้อมที่ตั้งอยู่เกือบกึ่งกลางตัวเมืองศรีสัชนาลัย โบราณสถานที่สำคัญคือเจดีย์ประธานทรงลังกา มีกำแพงแก้วสี่เหลี่ยมจัตุรัสล้อมรอบ ตั้งอยู่บนฐานประทักษิณรูปสี่เหลี่ยจัตุรัส มีช้างปูนปั้นเต็มตัวประดับโดยรอบฐานทั้ง 4 ด้าน รวม 39 เชือก ด้านหน้าเจดีย์ประธาน มีบันไดสู่ลานประทักษิณ เหนือฐานประทักษิณมีซุ้มพระพุทธรูปประทับนั่งปางมารวิชัย 20 ซุ้ม ผนังซุ้มมีประติมากรรมรูปต้นโพธิ์อยู่เบื้องหลังพระพุทธรูป บริเวณองค์ระฆังขึ้นไปเป็นบัลลังก์ก้านฉัตร ซึ่งประดับด้วยรูปพระสาวกปูนปั้นลีลานูนต่ำจำนวน 17 องค์ ทั้งนี้นักวิชาการบางท่านสันนิษฐานว่า

วัดแห่งนี้น่าจะเป็นวัดเดียวกันกับที่ปรากฏในศิลาจารึกหลักที่ 1 ที่กล่าวไว้ว่า ในปี พ.ศ. 1829  พ่อขุนรามคำแหงมหาราชให้ขุดเอาพระธาตุขึ้นมาบูชาและเฉลิมฉลอง หลังจากนั้นจึงฝังลงไปในกลางเมืองศรีสัชนาลัย แล้วก่อเจดีย์ทับลงไป นอกจากนี้ในอุทยานฯ ยังมี วัดเจดีย์เจ็ดแถว, วัดนางพญา, วัดเขาพนมเพลิง ฯลฯ

 

อาจารย์เผ่าทองทองเจือ

นักโบราณคดีและประวัติศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องผ้าเอเชียและเครื่องแต่งกายไทย

“คนสุโขทัยเมื่อ 700-800 ปีที่แล้วนุ่งผ้าอะไร ไม่มีใครรู้ เพราะว่าเราไม่มีหลักฐานเหลือ จิตรกรรมฝาผนังที่เป็นภาพเขียนสีก็หมดสภาพไปตามกาลเวลา เหลือแต่ภาพ รูปแบบเครื่องแต่งกายที่เป็นภาพลายเส้นสลักหินอยู่ที่บนเพดานของวัดศรีชุม ซึ่งถอดไปเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ ภาพลายเส้นเหล่านี้ แสดงแค่รูปแบบการแต่งกาย อาจจะเห็นผ้านุ่งที่นุ่งซ้อนกัน คือรูปลายเส้นเหล่านั้นแสดงให้เห็นของการนุ่งผ้า ซึ่งได้รับอิทธิพลล้านนา-เชียงแสนค่อนข้างมาก ซึ่งการแต่งกายลักษณะนี้ของลังกาก็มี ล้านนาก็มี เขมรก็มี สุโขทัยเองพัฒนามาจากเขมรเก่า ก่อนที่พ่อขุนศรีอิทราทิตย์จะประกาศเอกราช สุโขทัยก็เคยเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรกัมพูชา เพราะฉะนั้นการแต่งกายในช่วงนั้นก็น่าจะมีอิทธิพลของกัมพูชาค่อนข้างมาก เพราะว่ากัมพูชาเข้ามาปกครองสุโขทัยค่อนข้างนาน ต่อเมื่อหมดอำนาจลงไปแล้ว พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ขึ้นมาปกครอง การแต่งกายก็อาจจะยังมีอิทธิพลของเขมรหลงเหลืออยู่ ในขณะเดียวกัน ในสมัยพ่อขุนศรีอินทราทิตย์เองก็มีความสัมพันธ์กับอาณาจักรล้านนามากขึ้น ทำให้อาจจะมีการแต่งกายแบบล้านนาเข้ามาผสมผสาน ในบางช่วงเมื่ออยู่ภายใต้อำนาจของอยุธยาก็จะมีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เสนาบดี ขึ้นไปปกครองเวลานั้นก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในบางกลุ่มชน และส่งอิทธิพลกระทบต่อไปเรื่อยๆ แต่เมื่อสุโขทัยแตกตอนอยุธยาไปตีครั้งสุดท้าย ประมาณพุทธศักราช 2000 พระยายุทธสเถียรก็กวาดต้อนผู้คนสุโขทัย อพยพหนีภัยอยุธยาขึ้นไปอยู่ที่อาณาจักรล้านนา เราก็เชื่อว่าช่วง พ.ศ.2000 ลงมาสุโขทัยน่าจะถูกทิ้งร้างเป็นบางวาระ จากนั้นก็อาจจะมีกลุ่มชนอื่นเข้ามาตั้งถิ่นฐาน ในที่สุดก็จะมีกลุ่มลาวพวนอพยพเข้ามา ทำให้เมื่อ 200-300 ปีที่ผ่านมาการแต่งกายจึงเป็นรูปแบบผ้าซิ่นตีนจกของกลุ่มลาวพวน ซึ่งต้องนับว่าผ้าซิ่นตีนจก เป็นเครื่องแต่งกายล่าสุดของสุโขทัยที่มีอายุมาแล้วประมาณ 200-300 ปี แต่ว่าไม่ใช่เครื่องแต่งกายในอดีต”

 

พิพิธภัณฑ์มีชีวิตที่โครงการเกษตรอินทรีย์สนามบินสุโขทัย

แนะนำโดยอาจารย์เผ่าทองทองเจือและคุณนกฮูก-วรพลนิยมกุล

ไม่ไกลจากสนามบินสุโขทัยเท่าไรเราก็สามารถนั่งรถรางมาถึงโครงการเกษตรอินทรีย์ของสนามบินนี้ได้เลยแรกเริ่มเดิมทีคุณหมอปราเสริฐและคุณวัลภา ปราสาททองโอสถต้องการใช้พื้นที่ของสนามบินแห่งนี้สร้างประโยชน์ให้กับสังคมโดยมองเห็นว่าการทำโครงการเกษตรอินทรีย์จะเกิดการจ้างงานสร้างรายได้ให้กับคนในพื้นที่ทั้งยังทำให้ที่แห่งนี้กลายเป็นพื้นที่สีเขียวปลอดสารพิษและเป็นแหล่งเรียนรู้ทางธรรมชาติได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

เรื่องนี้คุณโอ่ง-ศุทธาวดี เจริญรัถ ผู้จัดการโครงการเกษตรอินทรีย์ที่ช่วยก่อร่างสร้างโครงการนี้มาตั้งแต่เริ่มต้นเล่าให้ฟังว่าโครงการนี้เริ่มมาเป็นเวลา 10 ปีแล้วจากพื้นที่ว่างเปล่า ตอนนี้กลายเป็นทั้งพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต เป็นแหล่งการเรียนรู้ รักษาสิ่งแวดล้อม และยังอิ่มท้องแบบเฮลท์ตี้จากครัวสุโข ร้านอาหารในโครงการอีกด้วย “ตอนแรกที่ทำเพราะอยากรู้ว่าการทำเกษตรอินทรีย์จะทำให้อยู่ได้อย่างยั่งยืนไหม ส่งผลดีต่อสุขภาพหรือไม่ เริ่มแรกจากการปลูกข้าว แล้วค่อยๆ บริหารจัดการไปเรื่อยๆ ปัจจุบันนี้มีนาข้าวอยู่ประมาณ 600 ไร่ ซึ่งเราพัฒนาพันธุ์ข้าวเองที่นี่ มีทั้งข้าวสีแดง สีดำ พันธุ์สุโขทัย 1, 2, 3, 4 และ 5 และได้รับการจดทะเบียนไว้เรียบร้อยแล้ว หลังจากปลูกข้าว ก็มีการกันพื้นที่บางส่วนปลูกไม้ยืนต้น ตอนนี้มีมะม่วงมหาชนกอยู่ 1,000 ต้น มะยงชิด 1,000 ต้น นอกนั้นก็เป็นมะม่วงพันธุ์อื่นๆ โดยพยายามจะปลูกในสิ่งที่กินได้ จากนั้นก็เริ่มปลูกผัก แต่ไม่ได้เลี้ยงปลาหรือสัตว์เพื่อบริโภคแต่เราเลี้ยงเป็ดไว้เก็บไข่กิน อีกทั้งยังใช้เป็ดในการพัฒนาที่ดินเพราะจะเป็นตัวที่ไปกินหอยเชอร์รี่ หรือแมลงในนาข้าว เป็ดจึงถือเป็นสตาฟฟ์ชุดหนึ่งของเราเหมือนกัน”

เพื่อทำให้โครงการแข็งแรงมากขึ้นในช่วงเวลาต่อมาจึงเปิดร้านอาหาร“ครัวสุโข” ซึ่งเป็นการนำของที่อยู่ในโครงการมาแปรรูป เมนูที่ขึ้นชื่อของที่นี่คือ ส้มตำผักน้ำ เป็นการนำผักน้ำที่ปลูกที่นี่มาทอดกรอบแล้วยำคลุกเคล้าด้วยถั่ว มะเขือเทศราชินี ปรุงรสชาติออกมาได้กลมกล่อม, กระเพราไก่ สายบัว ก็นำสายบัวของโครงการมาทำ รสชาติอร่อยเด็ด สำหรับเมี่ยงคะน้าที่ดีงามไม่แพ้กันก็ยังใช้วัตถุดิบของที่นี่ทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีไฮไลท์อีกอย่างที่มาแล้วต้องลองคือน้ำใบข้าวปั่น ซึ่งใช้เวลาวิจัยเป็น 10 ปีกว่าจะได้เป็นเมนูนี้ อีกทั้งโครงการเกษตรอินทรีย์ยังเป็นโครงการที่รักษ์โลกเพราะนอกจากจะมีเป้าหมายที่จะเป็น Zero Waste ให้ได้ในปี 2020ก่อนหน้านี้ยังใช้แก้วที่ทำจากมันสำปะหลังและนำต้นข้าวมาทำหลอดแทนพลาสติกเพื่อช่วยลดโลกร้อน

“เรามีการแยกขยะ อะไรที่สามารถไปทำอย่างอื่นได้ เช่น เศษอาหาร ใบตอง ใบผัก หญ้าก็ลงไปทำปุ๋ยหมด เหลือแต่บางอย่าง เช่น กระดาษจากห้องน้ำ ซึ่งก็จะต้องเผา แต่เราก็จะต้องมีที่เผาที่ถูกต้อง  ชิ้นไหนที่กลับไปขายข้างนอกได้ก็นำออกไป เช่น ขยะพิษก็มีคนมารับไป แต่พยายามให้มีขยะออกไปจากพื้นที่น้อยที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ เราพยายามไม่นำพลาสติกเข้ามาในพื้นที่ ร้านค้าข้างหน้าของก็ไม่ให้ถุงกับลูกค้ามานานแล้ว” คุณโอ่งเล่า “ต่อมาเราก็มาเปิดพื้นที่ให้คนเข้ามาเยี่ยมชมโครงการ เรียนรู้วิธีการทำนา ทำเกษตรอินทรีย์ นักท่องเที่ยวจะมาทำกิจกรรมปลูกข้าว ขี่ควาย ดูโรงสี เก็บไข่เป็ดและ รับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน จากนั้นก็มีนักเรียนโรงเรียนอินเตอร์เข้ามาทำกิจกรรมเหล่านี้ด้วยค่ะ”       

ตอนนี้โครงการมีพื้นที่ประมาณ800 ไร่ แต่อาจจะเพิ่มพื้นที่มากขึ้นในปีนี้ เนื่องจากมีปริมาณความต้องการข้าวอินทรีย์มากขึ้น “10 ปีที่ผ่านมาครอบครัวของเรา หมายถึงพนักงานที่นี่ขยายใหญ่ขึ้น จากทำกัน 5-10 คน เดี๋ยวนี้มีกันถึง 80 คน และก็ภูมิใจกับโครงการเพราะมาจากพื้นที่ที่ไม่มีอะไรเลย ต้นไม้ทุกต้นของที่นี่เราปลูกเองหมด จากท้องนาที่รกร้างว่างเปล่า มีแต่บ่อน้ำ วันนี้ทุกอย่างค่อยๆ พัฒนา มีระบบที่ดี รวมถึงการจัดการน้ำที่ถูกต้อง แล้วก็มีต้นไม้ใหม่ๆ เกิดขึ้น มีนก หนู ซึ่งถึงจะสร้างปัญหาให้เยอะแยะ แต่เราก็สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข(หัวเราะ)”

คุณนกฮูก-วรพลนิยมกุล

บรรณาธิการหนังสือสุโขทัยแมกกาซีน

ท่องเที่ยวสุโขทัย
ท่องเที่ยวสุโขทัย

“วัฒนธรรมการท่องเที่ยวของวัยรุ่นสุโขทัยก็เหมือนกับที่อื่นแหละครับ แต่ด้วยแหล่งท่องเที่ยวของเมืองเราอาจจะไม่ได้เยอะเหมือนในเมืองใหญ่ ทำให้เด็กบางส่วนเดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัด เช่น พิษณุโลกบ้าง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดที่น่าสนใจ อย่างเช่น สตรีตอาร์ต ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่มีได้ไม่ถึงปี ที่นี่เป็นการนำตึกเก่าของตลาดอำเภอสวรรคโลกเป็นแลนด์มาร์ค แล้วเชิญศิลปินอาเซียนที่สร้างสรรค์ผลงาน ตอนนี้ก็กลายเป็นจุดที่วัยรุ่นและนักเที่ยวต่างๆไปเช็คอินที่นั่น แล้วก็ตรงอำเภอสวรรคโลกยังมีสถานีรถไฟสวรรคโลกซึ่งเป็นสถานีรถไฟที่วิ่งวันล่ะเที่ยว ลักษณะของสถานีรถไฟยังอยู่ในรูปแบบของโบราณอยู่ เหมาะกับการเข้าไปถ่ายรูปแล้วเป็นจุดเช็คอินตรงด้วยเหมือนกันต่อมาคือโครงการเกษตรอินทรีย์ ที่สนามบินสุโขทัย ก็เป็นอีกที่ที่ได้รับความสนใจ ในนั้นจะมีร้านอาหาร ที่นำวัตถุดิบจากโครงการมาใช้ด้วย นอกจากนี้ยังมีเขาหลวง ที่อยู่ที่อุทยานแห่งชาติรามคำแหงที่ได้รับความนิยม ตอนนี้มีนักท่องเที่ยวและกลุ่มวัยรุ่นไปเที่ยวกันมากขึ้นและเหมาะกับคนที่เที่ยวสไตล์แอดเวนเจอร์ ที่นี่มีระยะทางประมาณ 37 กิโลเมตร แต่ความยากเนี่ยเหมือนเดินขึ้นบันได 7 ชั้นเลยครับ คนที่ออกกำลังกายตลอดใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง แต่คนที่ไม่ได้ออกกำลังมาก่อนใช้จะใช้เวลา 4 ชม. พอขึ้นไปบนนั้นจะพบความเป็นธรรมชาติที่สวยงามมาก มีสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งเต้นท์แล้วก็เจ้าหน้าที่ที่คอยดูแลให้ จริงๆ เขาหลวงคนสุโขทัยต่างรู้จักกันดีอยู่แล้ว แต่ตอนนี้มีโซเชี่ยลมีเดียเข้ามาทำให้ที่นี่กลายเป็นอีกที่ที่น่าสนใจมากขึ้น ที่น่าเที่ยวอีกอีกที่คือบ้านนาต้นจั่น จุดนี้จะเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวจะได้ชมชีวิตความเป็นอยู่และวัฒนธรรมของชาวบ้าน มีโฮมสเตย์ให้พักในราคาที่เข้าถึงได้ ที่สุดท้าย เปลี่ยนมาเป็นคาเฟ่กันบ้าง คือถ้าใครอยากนั่งชิลล์ตอนนี้ร้าน Drip379 ก็เป็นร้านที่ได้รับการพูดถึงจากชาวสุโขทัยเป็นอย่างมาก เจ้าของร้านเป็นพี่น้องกันครับ ทั้ง 2 คนต่างมีอาชีพที่มั่นคงกันอยู่แล้วเขาอยากให้บ้านเขาดูมีอะไร เลยนำบ้านมาทำเป็นร้านกาแฟ ร้านนี้อยู่ในเมืองครับ ตอนนี้ก็มีคนมาเช็คอินกันเยอะเลย”

ชุมชนบ้านนาต้นจั่น

แนะนำโดยคุณอภิวัฒน์ทับทิมโตและคุณนกฮูก-วรพลนิยมกุล

ช้อปปิ้งเสร็จก็ถึงช่วงเวลาสโลว์ไลฟ์กันแล้วถ้าต้องการมองหาที่พักแบบใกล้ชิดชุมชนอุดมไปด้วยธรรมชาติที่ยังสมบูรณ์โฮมสเตย์บ้านนนาต้นจั่นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรกรน่าจะทำให้เราแฮปปี้ได้เพราะนอกจากจะมีที่พักสุดชิลล์ชิมอาหารฝีมือชาวบ้านยังมีกิจกรรมต่างๆที่ทำให้เราใกล้ชิดชุมชนและวิถีธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นแวะไปกินข้าวเปิ๊ป,ชมผ้าหมักโคลน,กินผลไม้สดจากสวน,ชมการทำตุ๊กตาบาร์โหนที่บ้านตาวงหรือ ชมความงามทางธรรมชาติอย่างทะเลหมอก ฯลฯ ก็หาจากที่นี่ได้ทั้งนั้น แนะนำถามีเวลาว่าควรมาพักแบบ 3 วัน 2 คืน เพื่อจะได้ดื่มด่ำวิถีชีวิตแบบไม่รีบเร่ง และยังได้ชาร์ตแบตกันอย่างเต็มที่ด้วย

ผ้าหมักโคลน

แนะนำโดยคุณอภิวัฒน์ทับทิมโตและคุณนกฮูก-วรพลนิยมกุล

*  *

ผ้าหมักโคลน ที่บ้านนาต้นจั่น เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งผลงานมี่น่าภูมิใจเช่นกัน ผ้าชนิดนี้จะมีความนุ่ม สวมใส่สบายเพราะเป็นผ้าที่ผ่านกรรมวิธีการผลิตพิเศษ

ที่มาของผ้าหมักโคลนนั้นมาจากการสังเกตว่าชายผ้าที่เลอะโคลนเวลาไปทำนาจะเป็นส่วนที่นิ่มที่สุด จึงนำมาทดลองและพบว่าโคลนคือคุณสมบัติสำคัญที่ทำให้ผ้านุ่มขึ้น ผ้าหมักโคลนได้มีการตัดเย็บออกมาเป็นสินค้าที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น เป็นเครื่องนุ่งห่ม กระเป๋า เครื่องประดับ ฯลฯ

สตรีทอาร์ท

แนะนำโดยคุณอภิวัฒน์ทับทิมโตและคุณนกฮูก-วรพลนิยมกุล

กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ในกลุ่มวัยรุ่นของสุโขทัยไปแล้วกับสรีทอาร์ต ที่ตั้งอยู่ที่อำเภอสวรรคโลกและเพิ่งมีมาได้ไม่นาน โดยเป็นการนำอาคารเก่าของชุมชน มาเพิ่มสีสันใหม่ด้วยกราฟิตี้ลายต่างๆ จากฝีมือของศิลปินต่างชาติ เช่น สิงคโปร์,กัมพูชา,มาเลเซีย รวมทั้งไทย ฯลฯ  มาช่วยสร้างสรรค์ผลงานให้ดูจี๊ดจ๊าดและสตรองชวนดึงดูดใจมากยิ่งขึ้น

ตอนนี้สตรีทอาร์ตกลายเป็นอีกหนึ่งแหล่งเช็คอินที่มาสุโขทัยแล้วต้องไปให้ถึงเรียกว่าถ้ามีรูปสวยถ่ายฮิปๆกันทีนี่อัพขึ้นเฟสบุ๊คอินสตาแกรมรับรองว่าจะไม่ตกเทรนด์อีกต่อไป

OK! Recommended
นอกจาก 3 กูรูแล้ว OK! ยังลงพื้นที่สำรวจจังหวัดสุโขทัยพร้อมเสิร์ฟแหล่งช้อปปิ้งของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้าน

สาธรพิพิธภัณฑ์ผ้าทองคำ

แนะนำโดยOK! Magazine Thailand

ใครชื่นชอบผ้าสวยๆ อยากจะซื้อกลับไปเป็นที่ระลึก ที่บ้านหาดเสี้ยว อำเภอศรีสัชนาลัย เขามี “สาธร พิพิธภัณฑ์ผ้าทองคำ” ที่ตั้งขึ้นโดยคุณสาธร โสรัจประสพสันติ ชาวบ้านหาดเสี้ยวที่ต้องการเผยแพร่ความรู้ วิถีชาวบ้าน และความภาคภูมิใจของความเป็นไทยพวนที่อพยพเข้ามาอยู่ที่นี่เป็นเวลานานหลายชั่วอายุคน

  ที่แห่งนี้มีการจัดนิทรรศการกลางแจ้งและอาคารกลุ่มสถาปัตกรรมของบ้านชาวไทยพวน แสดงข้าวของ เครื่องใช้ภายในครัวเรือน อุปกรณ์ประกอบอาชีพ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร กลุ่มทอผ้าที่จะมีชาวบ้านสาธิตการทอผ้าซิ่นตีนจกรวมถึงจำหน่ายผ้าทอเสร็จแล้วให้กับผู้ที่สนใจด้วย

ด้านในพิพิธภัณฑ์มีผ้าซิ่นทองคำ(ซิ่นไหมดำ) ผืนเก่าที่มีอายุกว่าร้อยปี รวมถึงผ้าซิ่นโบราณลวดลายต่างๆ อีกมากมายเพื่อให้ผู้ที่มาชมได้ศึกษาความเป็นมาของหัตถกรรมชาวไทยพวนอีกด้วย 

ลำตัดเงินโบราณ

แนะนำโดยOK! Magazine Thailand

ช้อปปิ้งผ้าสวยๆ กันแล้ว ก็มาอัพเลเวลความงามกันด้วยเครื่องประดับ สำหรับคนที่ชื่นชอบเครื่องเงิน และต้องการเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่าลืมแวะที่ร้านลำตัดเงินโบราณ ที่อำเภอศรีสัชนาลัย

เพราะนอกจากจะมีเป็นเครื่องเงินคุณภาพดี ที่นี่ยังมีลวดลายคล้ายคลึงกับทองโบราณ และบางชิ้นยังใช้สีลงยาเหมือนเช่นทองเพื่อเน้นลายให้เด่นชัดขึ้นมาอีกด้วย

เครื่องประดับแต่ละชิ้นในร้านจะมีราคาไม่เท่ากันเนื่องจากความต่างของน้ำหนักเงิน ทั้งนี้จะเจ้าหน้าคอยชั่งน้ำหนักให้ชมกันว่า น้ำหนักเท่าไหร่ ราคาเท่าไหร่ นอกจากนี้เรายังสามารถแวะชมขั้นตอนการผลิตของที่นี่ได้อีกด้วย

บ้านทองสมสมัย

แนะนำโดยOK! Magazine Thailand

ถ้าสนใจอยากได้เครื่องประดับที่ทำจากทอง ร้านทองสมสมัยที่เปิดมานานกว่า40 ปี คือร้านที่ได้รับการพูดถึงมากในเรื่องคุณภาพและความสวยงามของทองสุโขทัย หรือ ทองโบราณ

เป็นทองคำรูปพรรณศิลปะสกุลช่างใหม่ชาวสุโขทัยที่ทำลวดลายเลียนแบบทองโบราณ โดยใช้ทองคำเปอร์เซนต์สูงถึง99.99 % เป็นงานหัตถกรรมเพราะผลิตด้วยมือและอาศัยเครื่องมือประกอบกัน

บ้านทองสมสมัยทำเครื่องประดับเป็น2 กลุ่ม กลุ่มแรกเป็นเครื่องประดับสำหรับคน อีกกลุ่มเป็นงานพุทธศิลป์ หลายลายได้รับแรงบันดาลใจจากวัดวาอาราม และนำมาปรับให้เหมาะกับการทำเครื่องประดับ สำหรับลายที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ ได้แก่ ลายเครือวัลย์, ลายไข่ปลา ฯลฯ 

โดยเฉพาะลายไข่ปลาลงยาแดงนี่เรียกได้ได้รับความนิยมมากที่สุด

Travel Info

สายการบินบางกอกแอร์เวย์สบินตรงสู่สุโขทัยทุกวัน ผู้โดยสารของสายการบินบางกอกแอร์เวย์สทุกท่านสามารถใช้บริการห้องรับรองผู้โดยสาร Boutique Lounge ได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิโดยให้บริการอาหารว่างและเครื่องดื่มหลากหลายพร้อมบริการอินเตอร์เน็ต Wifi ให้ได้พักผ่อนเพลิดเพลินระหว่างรอขึ้นเครื่อง สำหรับผู้โดยสารชั้นธุรกิจและผู้โดยสารผู้ถือบัตรสมาชิก Flyer Bonus ระดับ Premier ทางสายการบินฯ ได้จัดห้องรับรองผู้โดยสาร Blue Ribbon  Club Lounge โดยมีบริการอาหารร้อน ขนม เครื่องดื่ม อินเตอร์เน็ต ห้องอาบน้ำ เก้าอี้นวด นอกจากนนี้ยังมีบริการ Boutique Lounge ที่สนามบินสุโขทัยไว้ให้บริการแก่ผู้โดยสารอีกด้วย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 1771  หรือ www.bangkokair.com 
ติดตาม OK! Magazine Thailand ได้ที่นี่
Website : www.okmagazine-thai.com
Instagram : @okmagazinethailand
Facebook : OK! Magazine Thailand
Twitter : @okthailand

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0