เมื่อเวลา 08.00 วันที่ 4 เม.ย.63 ร.ต.อ.สรพงษ์ โพธิ์ขาว รอง สว.(สอบสวน)สน.บวรมงคล ได้แจ้งเหตุมีผู้หญิง 3 คน กระโดนน้ำฆ่าตัวตาย ที่บริเวณใต้สะพานพระราม 8 แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กทม.จึงรุดตรวจสอบพร้อมเจ้าที่แพทย์เวร รพ.ศิริราชและเจ้าหน้าประดาน้ำมูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณใต้สะพานพระราม 8 พบร่างหญิงสาว 2 คน กำลังจะจมน้ำ เจ้าหน้าที่จึงได้น้ำเรือเข้าให้การช่วยเหลือไว้ได้ทั้ง 2 คน ทราบชื่อต่อมาคือ น.ส.นิภาดา กุนอก อายุ 20 ปี และ น.ส.เภาวณา บุญธานี 20 ปี มีอาการสำลักน้ำอย่างรุงแรง เจ้าหน้าที่จึงเร่งทำ CPR แต่ไม่เป็นผลเสียชีวิตในเวลาต่อมา จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ข้อมูลมาว่ายังมีผู้สูญหายอีก 1 ราย เจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยชุดประดาน้ำเร่งงมหาร่างผู้เสียชีวิต โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง จึงพบร่าง น.ส. สุวัฒนา บุญธานี ที่จมน้ำเสียชีวิต
สอบสวน น.ส.นิภาดา ให้การว่า นส.เภาวณา บุญธานี และ น.ส.สุวัฒนา บุญธานี เป็นเพื่อนที่เคยเรียนหนังสืออยู่ด้วยกันและได้มาพักอาศัยอยู่ที่หอพักย่านมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง
เมื่อเวลา 22.00 น.คืนวันที่ 3 เม.ย.63 ตนได้นั่งรถแท็กซี่มาจากหอพักพร้อมกับ น.ส.เภาวณา และ น.ส.สุวัฒนา มาลงที่สะพานพระราม 8 เพื่อจะมาฆ่าตัวตายพร้อมกัน เนื่องจากมีปัญหาชีวิตส่วนตัว เมื่อมาถึงสะพานพระราม 8 ก็เกิดเปลี่ยนใจจะหาที่กระโดดใหม่ จึงเดินเท้าไปที่สะพานพุทธ แต่เกิดเปลี่ยนใจกลับมากระโดดที่สะพานพระราม 8 ตามเดิม
นายนิกร กุนอก อายุ 52 ปี บิดาของ นส.นิภาดา กล่าวว่า ลูกสาวเรียนอยู่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง แต่ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาได้เกิดไวรัสโควิด 19 ระบาย จึงเกรงว่าว่าลูกสาวจะติดโรคดังกล่าวจึงได้ให้ลูกพักการเรียนไปก่อน จากนั้นจึงได้รับตัวกลับมาพักอาศัยยังบ้านที่สมุทธปราการ และเมื่อ 3 วันที่ผ่านมาได้ให้ลูกสาวน้ำเงินมาจ่ายค่าห้องและก็ไม่สามารถติดต่อได้จนมาเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ส่วนผู้ตายทั้งสองคนตนเองก็รู้จัก เนื่องจากเป็นคนบ้านเดียวกัน และเคยเรียนหนังสือมากับลูกสาวในช่วงมัธยมปลาย แต่ก็ไม่ทราบสาเหตุที่ผู้ตายทั้งสองตัดสิ้นใจฆ่าตัวตาย
ร.ต.อ.สรพงษ์ กล่าวว่า สาเหตุเบื้องต้นน่าจะเกิดจากปัญหาชีวิตส่วนตัว เนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้ข้อมูลจาก น.ส.นิภาดา ว่าตลอดระยะเวลา 2 เดือนที่ผ่านมา ระหว่างที่ทั้ง 3 คนอยู่ด้วยกันมีการว่างแผนที่จะฆ่าตัวตายตลอดเวลา โดยหลังจากนี้จะได้นำตัวผู้รอดชีวิตส่งตัวไปตรวจยัง รพ.ศิริราชอย่างระเอียดอีกครั้งเนื่องจากมีอาการไข้ขึ้นสูง อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะต้องติดตามพ่อแม่และญาติพี่น้อง มาสอบสวนเพื่อหาสาเหตุอีกครั้ง จากนั้นจึงประสานญาติรับศพเพื่อประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป
