“ตูน บอดี้สแลม”เปิดใจหลังวิ่งครบ 4 วัน

“ตูน บอดี้สแลม” เปิดใจหลังวิ่งครบ 4 วัน เจ็บหลังแต่อาการดีขึ้นแล้วพร้อมวิ่งต่อ ชี้แผนวิ่ง 4 วัน หยุด 1 วัน ในวันหยุดอาจต้องวิ่ง หวั่นทบไปเรื่อยไม่ถึงปลายทางตามกำหนด ด้าน “หมอเมย์” แจงปัญหาปวดหลังเกิดจากการใช้งานกล้ามเนื้อค่อนข้างหนักต่อเนื่อง ต้องระวังการบิดเอี้ยวตัว ก้มตัว ยกของหนัก แนะนำคุณพ่อคุณแม่อุ้มลูกหลานไว้ช่วยเซฟหลังพี่ตูน รวมทั้งการเซลฟี่ต้องยกโทรศัพท์เอง พร้อมแนะให้ไปเจอกันตรงจุดเช็กพอยท์ถ่ายรูปพูดคุยกับนักร้องดัง

เมื่อเวลา 19.56 น. วันที่ 4 พ.ย. ภายหลังการวิ่งวันที่ 4 “โครงการก้าวคนละก้าว เพื่อ 11 รพ.ทั่วประเทศ" นายอาทิวราห์ คงมาลัย หรือ “ตูน บอดี้สแลม” ได้พูดคุยผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ พร้อมกับ “หมอเมย์” พญ.สมิตดา สังขะโพธิ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาเวชศาสตร์ฟื้นฟู “โด๋ว”นายมรกต โกมลบุตร ผู้พากษ์เฟซบุ๊กไลฟ์โครงการก้าวคนละก้าว และนายชายชาญ ใบมงคล หรือ “เบลล์” ผู้ประสานงานและดูแลการวิ่ง โครงการก้าวคนละก้าว ซึ่งขณะพูดคุยยอดเงินบริจาคอยู่ที่กว่า 73 ล้านบาท

“ตูน บอดี้สแลม” กล่าวว่า ดีใจที่วันหนึ่งเงินบริจาคเพิ่มขึ้นเกือบ 10 ล้านบาท แต่ว่ามันก็ยังห่างกับที่เราตั้งเป้าไว้ 700 ล้านบาท ก็ไม่เป็นไรค่อย ๆคิดค่อย ๆ ทำ เราทำไปเรื่อยๆ คนน่าจะรับรู้มากขึ้น เมื่อถามว่า คนออกมาต้อนรับเยอะแยะรู้สึกตกใจหรือไม่ “ตูน” กล่าวว่า เกินความคาดหมาย เกินสิ่งที่เราคิดไว้ในหัว ไม่คิดว่าเป็นแบบนี้ในวันแรกๆ คนก็มาพอสมควรที่เบตง มารวมกัน บางคนมาจากสุพรรณบุรี มาจากอีสาน จากเหนือก็มีมาร่วมสตาร์ทด้วยกัน
“3-4 วันที่ผ่านมาเห็นคนไทย คนไทยมุสลิมออกมาให้กำลังใจ ทุกคนออกมาบริจาค ลูกเด็กเล็กแดงออกมา ผมว่ามันสวยงาม ไม่มีความคิดว่าจะมีเรื่องราวแบบนี้ในจังหวะที่เรามาเริ่มต้นที่เบตง มันได้สร้างมิติความสุข มิติรอยยิ้มให้กับคนในพื้นที่ ที่เขาอาจจะห่างหายจากเรื่องพวกนี้ ไม่ได้มีกิจกรรมแบบนี้ให้ร่วมกันทำ ”ตูน กล่าว

เมื่อถามว่า ตูนเลยเซลฟี่กับทุกคน “ตูน”กล่าวว่า ผมเป็นคนไม่ปฏิเสธใครถ้าเราทำอะไรได้จะทำถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรง ไม่ได้เกินควาสามารถ ถ้าไปสร้างรอยยิ้มให้เขามีความสุข เราไม่มีต้นทุนอะไรเลยแค่ถ่ายรูปกับเขา แล้วเขาก็มีความสุข มีทุกรูปแบบหลาย ๆคนก็ตั้งโหมดนับถอยหลัง หลาย ๆ คนตั้งโหมดบิวตี้ ถ่ายมาปากผมแดงเลย ผมก็พยายามจะปรับแต่ผมปรับไม่เป็น ปากแดงผมก็ไม่กล้าถ่าย จริง ๆให้เปิดโหมดวีดีโอไว้ดีกว่า”ตูน กล่าวอย่างอารมณ์ดี
เมื่อถามถึงแผนการวิ่ง 4 วันหยุด 1 วัน “ตูน” กล่าวว่า วันหยุดอาจะต้องวิ่ง แต่จะดูว่าจะวิ่งได้ขนาดไหน จะได้ระยะขนาดไหน เพราะไม่อย่างนั้นจะยิ่งทบไปเรื่อย ๆไม่มีทางไปถึงวันที่เรากำหนดได้ ต่อข้อถามว่า ปวดหลัง มากหรือไม่ “ตูน” กล่าวว่า ก็ใช้ได้ ตอนนี้อาการดีขึ้น พร้อมวิ่ง
“ตูน” กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาขอบคุณทุกคน หลายคนมีส่วนร่วม หลายคนบริจาค 2 ข้างทางมาให้กำลังใจ ขอบคุณมาก หวังว่าจะเจอภาพแบบนี้กับจังหวัดต่อ ๆไป การช่วยเหลือแบบนี้ แรงสนับสนุนแบบนี้ หวังใจว่าจะทำได้ตามกำหนดการที่เราวางเพราะทีมงานก็ค่อนข้างเหนื่อยล้า หวังใจว่าเราจะได้มีวันพักบ้าง

ด้าน “หมอเมย์” พญ.สมิตดา สังขะโพธิ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาเวชศาสตร์ฟื้นฟู กล่าวว่า จากเดิมแต่ละเซ็ตจะวิ่งประมาณ 1.40 ชม. ตอนนี้กลายเป็น 4 หรือ 6 ชม. จำนวนเซ็ตจะหายไป เวลาพักผ่อนน้อยลง การทำกายภาพบำบัดบางวันถูกยกเลิกไปด้วยความเพลีย การใช้กล้ามเนื้อทั้งวันมีความล้าสะสม เราซ้อมวิ่งแต่ไมได้ซ้อมเซลฟี่ ไม่ได้ซ้อมอุ้มเด็กขึ้นมา ทำให้ส่งผลกระทบต่อกล้ามเนื้อ ยิ่งไปกระตุ้นโดยการก้ม การยก จึงส่งผลกระทบทำให้เกิดอาการ วันนี้ก้มเหมือนไม่สบายหลัง ปวดหลัง จะใช้สเปรย์เย็นลดอาการปวด ปัญหาเรื่องปวดหลังน่าจะเป็นเรื่องการใช้งานกล้ามเนื้อค่อนข้างหนักและต่อเนื่อง ดังนั้นต้องระวังการบิดเอี้ยวตัว การก้มตัว การยกของหนักจากข้างลางขึ้นมา แต่พี่ตูนทนความน่ารักเด็กตัวเล็ก ๆไม่ไหว ก็ต้องมีท่าอุ้มใหม่ ต้องย่อลงไป จะก้มตัวยกขึ้นมาไม่ได้ ดังนั้นขอให้มาพบตรงจุดเช็กพอยท์รบกวนอุ้มลูกหลานไว้เลยจะช่วยเซฟหลังพี่ตูน รวมทั้งลดการเซลฟี่ก็ดี

“ถ้าจะมาเซลฟี่อาจจะยกโทรศัพท์ท่านเอง กดเลยไม่ต้องให้พี่ตูนหยิบโทรศัพท์ เด็กๆ ก็ให้พ่อแม่อุ้มมาเลย คนแก่รถเข็น พี่ตูนจะลงไปนั่งไปย่อ แต่พี่ตูนจะมีเทคนิคย่อและลุกขึ้น”หมอเมย์ กล่าว
ด้าน “เบลล์” กล่าวว่า อยากให้ไปเจอที่จุดเช็กพอยท์ 1 วันจะมี 4 จุด ไปเจอพี่ตูนที่นั่นไปถ่ายรูปกับพี่ตูนที่นั่นไปพูดคุย ระหว่างทางเราขอ เพราะจะทำให้เกิดความล่าช้า

ขอบคุณภาพ : mhongliostudio,เฟซบุ๊กก้าวคนละก้าว