แหล่งข่าวผู้ประกอบการนมโรงเรียนปีการศึกษา 2562 เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ทางกรมปศุสัตว์เห็นว่ามีผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นมบางรายได้เรียกร้องความเป็นธรรมผ่านสื่อต่างๆ อาจได้รับผลกระทบเชิงธุรกิจจากการเข้าร่วมโครงการอาหารเสริม (นม)โรงเรียน) ซึ่งเป็นปีแรกของการปฏิรูปดังนั้นจึงขอความอนุเคราะห์พื้นที่เขต 1-5 ดำเนินการสำรวจผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ที่มีความประสงค์จะขออุทธรณ์ให้แจ้งรายละเอียด 1.ผลกระทบต่อผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นม และ 2.ประเด็นที่ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นมต้องการให้ช่วยเหลือ โดยแจ้งมายังอนุกรรมการและเลขานุการคณะอนุกรรมการบริหารโครงการอาหารเสริม(นม) โรงเรียน ภายในวันที่ 27 พฤษภาคม 2562 ลงนามโดยนายอำพันธุ์ เวฬุตันติ รองอธิบดีปฎิบัติราชการแทนอธิบดีกรมปศุสัตว์
อนึ่ง โครงการอาหารเสริม (นม)โรงเรียน ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 26 มี.ค. 2562 ที่ผ่านมา เรื่องการทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2562 เรื่องการทบทวนการบริหารจัดการนมโรงเรียน ที่ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการอาหารนมเพื่อเด็กและเยาวชน และคณะอนุกรรมการที่แต่งตั้งโดยคณะกรรมการอาหารนมเพื่อเด็กและเยาวชนทุกคณะ ซึ่งเป็นไปตามข้อเสนอแนะ เพื่อป้องกันการทุจริตคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาให้มีการทบทวนแนวทางการบริหารจัดการนมโรงเรียนปรับปรุงโครงสร้างองค์กรบริหารจัดการะใช้คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการอาหารนมเพื่อเด็กและเยาวชน ระดับกลุ่มพื้นที่ (5 กลุ่ม) ทำหน้าที่จัดสรรสิทธิ หรือ โควตา รวมทั้งพื้นที่การจำหน่ายนมโรงเรียนให้กับผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
โดยยึดหลัก 1.ปริมาณน้ำนมดิบที่ผู้ประกอบการรับซื้อตามพันธะสัญญาซื้อขายที่มีผลบังคับใช้ทางกฎหมายและน้ำนมดิบต้องได้จากเกษตรกรที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการอาหารนมเพื่อเด็กและเยาวชน 2.คุณภาพน้ำนมดิบที่รับซื้อและคุณภาพนมโรงเรียนที่ผลิต 3.ศักยภาพการผลิตและการตลาด 4.ระบบโลจิสติกส์ 5.ประวัติการดำเนินงานที่ผ่านมาและความรับผิดชอบต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม โดยให้ความสำคัญกับผู้มีศูนย์รวบรวมน้ำนมโคเป็นของตนเอง หรือ มีแผนการตลาดรองรับปริมาณน้ำนมดิบที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปี และรับผิดชอบตลอด 365 วัน
