โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

'26เศรษฐีรวยสุด'มีเงินเท่า'คนจนครึ่งโลก' ปีที่แล้วมีทรัพย์สินเพิ่มวันละ$2,500ล้าน

Manager Online

อัพเดต 21 ม.ค. 2562 เวลา 14.11 น. • เผยแพร่ 21 ม.ค. 2562 เวลา 14.11 น. • MGR Online

เอเจนซีส์ - องค์การการกุศล “ออกซ์แฟม” ออกรายงานล่าสุด ระบุอภิมหาเศรษฐีรวยที่สุดในโลก 26 คนแรก มีทรัพย์สินรวมกันเท่ากับสมบัติติดตัวของคนจนที่สุดครึ่งโลก ไม่เพียงเท่านั้นในปีที่ผ่านมาคนมั่งมีระดับพันล้านดอลลาร์รวมกันแล้วมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นวันละ 2,500 ล้านดอลลาร์ ขณะที่รัฐบาลก็ลดภาษีให้คนรวยแต่ขึ้น “แวต” เบียดเบียนคนยากไร้ ซ้ำจัดสรรงบประมาณสาธารณสุขและการศึกษาไม่เพียงพอต่อความจำเป็น ยิ่งทำให้ปัญหาความเหลื่อมล้ำรุนแรง

“ออกซ์แฟม” สมาพันธ์ขององค์การการกุศลอิสระ 20 แห่งซึ่งเน้นหนักเรื่องการลดปัญหาความยากจนทั่วโลก และมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศอังกฤษ เปิดเผยรายงานฉบับใหม่เมื่อวันจันทร์ (21 ม.ค.) ก่อนที่เหล่ามหาเศรษฐี คนดัง นักการเมืองใหญ่และผู้ทรงอิทธิพลจากทั่วโลก จะเดินทางเข้าร่วมการประชุมประจำปีของเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรัม (ดับเบิลยูอีเอฟ) ณ เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

รายงานฉบับนี้ระบุว่า ปี 2018 ที่ผ่านมา พวกมหาเศรษฐีระดับพันล้านดอลลาร์ขึ้นไป มีทรัพย์สินรวมกันเพิ่มขึ้น 12% หรือเฉลี่ยวันละ 2,500 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ประชากรโลกยากจนที่สุด 3,800 ล้านคนมีทรัพย์สินรวมลดลง 11% หรือวันละ 500 ล้านดอลลาร์

ออกซ์แฟมเปรียบเทียบว่า ทรัพย์สินเพียง 1% จากทั้งหมด 112,000 ล้านดอลลาร์ของเจฟฟ์ เบซอส ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของบริษัทแอมะซอน ซึ่งเป็นคนรวยที่สุดในโลกประจำปี 2018 นั้น มีมูลค่าเท่ากับงบประมาณสาธารณสุขทั้งหมดของเอธิโอเปียที่มีประชากร 105 ล้านคน

รายงานขององค์การการกุศลแห่งนี้ย้ำว่า ช่องว่างที่กำลังถ่างกว้างขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างคนรวยกับคนจน เป็นตัวบ่อนทำลายความพยายามในการแก้ไขปัญหาความยากจนและปัญหาเศรษฐกิจ รวมทั้งเป็นเครื่องปลุกปั่นความไม่พอใจของผู้คน

ออกซ์แฟมยังพบว่า ระหว่างปี 1980-2016 ประชากรครึ่งหนึ่งของโลกที่จนที่สุด มีรายได้วันละแค่ 12 เซ็นต์จากทุก 1 ดอลลาร์ของการเติบโตของรายได้ทั่วโลก เปรียบเทียบกับ 27 เซ็นต์ที่ตกเป็นของพวกคนร่ำรวยที่สุดจำนวน 1% ของประชากรโลก

องค์การการกุศลแห่งนี้เตือนว่า ภาครัฐกำลังทำให้ปัญหาความเหลื่อมล้ำลุกลามด้วยการจัดสรรงบประมาณให้แก่บริการสาธารณะต่างๆ อย่างเช่น การสาธารณสุขและการศึกษาไม่เพียงพอ แต่พร้อมกันนี้กลับลดภาษีให้แก่คนรวยอย่างต่อเนื่องและผลักภาระไปให้คนจน ด้วยการขึ้นภาษีการบริโภค เป็นต้นว่า ภาษีมูลค่าเพิ่ม

รายงานสำทับว่า เหล่าซูเปอร์ริชและภาคธุรกิจจ่ายภาษีในอัตราถูกลงกว่าเมื่อหลายทศวรรษที่แล้ว ซึ่งกลายเป็นการสร้างต้นทุนมนุษย์คือ ปัญหาการขาดแคลนครูหรือยารักษาโรคในหมู่คนจน โดยแต่ละวันมีผู้เสียชีวิต 10,000 คน เนื่องจากขาดแคลนระบบสาธารณสุขซึ่งมีราคาที่สามารถจ่ายกันได้

องค์การการกุศลแห่งนี้เรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ยุติการแข่งขันกันไปสู่จุดตกต่ำด้วยการลดภาษีให้คนรวยและภาคธุรกิจ โดยระบุว่า การขอให้คนรวยที่สุดจ่ายภาษีเพิ่มอีก 0.5% ของมูลค่าสินทรัพย์ของตนเอง จะระดมทุนได้มากกว่างบประมาณการศึกษาสำหรับเด็ก 262 ล้านคน และระบบสาธารณสุขที่สามารถช่วยชีวิตผู้คนได้ถึง 3.3 ล้านคน

ปัจจุบันกระแสการเรียกร้องให้ภาครัฐดำเนินการเพื่อลดความเหลื่อมล้ำด้วยการเพิ่มงบประมาณให้แก่บริการสาธารณะและขึ้นภาษีคนรวย กำลังพุ่งพล่านในหลายประเทศ เช่น ที่อเมริกา ตอนต้นเดือนนี้ อเล็กซานเดรีย โอซาซิโอ-คอร์เตซ ส.ส.หน้าใหม่ของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เสนอเก็บภาษีกลุ่มอัลตราริชถึง 70%

ข้อเสนอของโอซาซิโอ-คอร์เตซที่ประกาศตัวเป็นนักสังคมนิยมประชาธิปไตย มีขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ปฏิรูปภาษีครั้งใหญ่ด้วยการลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจาก 39.6% เหลือ 37% เมื่อปีที่แล้ว

ส่วนที่ยุโรป ขบวนการเสื้อกั๊กเหลืองยังคงเขย่าฝรั่งเศส ด้วยการจัดประท้วงต่อต้านรัฐบาลของประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ทุกๆ สุดสัปดาห์นับจากเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นมา เพื่อเรียกร้องให้ยกเลิกการลดภาษีคนรวย

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0