โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

2561 ค้าปลีกมะกันระส่ำหนัก

Money2Know

เผยแพร่ 19 ธ.ค. 2561 เวลา 00.00 น. • money2know - เงินทองต้องรู้
2561 ค้าปลีกมะกันระส่ำหนัก

บรรดาร้านค้าปลีกในสหรัฐ พากันยื่นขอความคุ้มครองตามกระบวนการล้มละลายมากเป็นประวัติการณ์ ในช่วงที่พฤติกรรมการชอปปิงของคนอเมริกันกำลังเปลี่ยนแปลง

เมื่อสิ่งนี้ผสานเข้ากับการเติบโตขนานใหญ่เกินไปของห้างร้านตลอดหลายปีที่ผ่านมา จึงทำให้อุตสาหกรรมค้าปลีกสหรัฐ ระส่ำไม่หยุดในปี 2561 ที่กำลังจะปิดฉากลง

ร้านค้าปลีกสหรัฐ 15 แห่ง ได้ยื่นขอความคุ้มครองภายใต้ภาวะล้มละลายไปแล้วในปีนี้ ไม่ว่าจะเป็น Nine West ที่บริษัทเสื้อผ้าและรองเท้าสตรี Nine West Holdings ยื่นขอความคุ้มครองภายใต้ภาวะล้มละลายมาตรา 11 ไปเมื่อเดือนเม.ย. เพื่ออำนวยความสะดวกในการขายกิจการ Nine West กับ Bandolino หลังจกบริษัทเปิดเผยว่ามีหนี้สินกว่าพันล้านดอลลาร์

นอกจากนั้น ยังมีเชนอัญมณี Claire ที่ยื่นขอความคุ้มครองภายใต้ภาวะล้มละลายไปเมื่อเดือนมี.ค. หลังจากจำนวนลูกค้าที่เข้าไปชอปปิงยังห้างร้านลดลง จนมีแผนปิดสาขา 92 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในห้างสรรพสินค้า

มาถึงรายของร้านขายรองเท้า The Walking Company ซึ่งมีสาขา 208 แห่งในสหรัฐ ได้ยื่นล้มละลายไปเมื่อเดือนมี.ค.เช่นกัน

ก่อนหน้านั้นก็มี Bon-Ton Stores ซึ่งมีเชนห้างสรรพสินค้าหลายแห่ง รวมถึง Bon-Ton, Bergner's, Boston Store, Carson's, Elder-Beerman, Herberger's และ Younkers ที่ยื่นล้มละลายเมื่อเดือนก.พ.

ที่เป็นข่าวครึกโครมคือ Toys R Us ที่มีแผนปิดสาขาในสหรัฐ หลังจากล้มเหลวในการปรับโครงสร้างบริษัท โดยปัญหาใหญ่ที่สุดของบริษัท คือหนี้สินหลายพันล้านดอลลาร์ ทำให้ไม่สามารถลงทุนตามร้านต่างๆ ได้ หลังจากดำเนินธุรกิจมา 70 ปี

ปัญหาหนี้สินของ Toys “R” Us ย้อนหลังไปนาน โดยตราสารหนี้ของบริษัทถูกลดอันดับไปเป็น “ขยะ” หรือพันธบัตรที่มีความเสี่ยงสูง เมื่อเดือนม.ค.2548 ยักษ์ใหญ่ของเล่นรายนี้ยังเผชิญการท้าทายอีกมากมาย เพราะร้านค้าปลีกรายใหญ่พากันได้รับความนิยมมากขึ้น รวมถึงวอลมาร์ท ซึ่งทำยอดขายของเล่นได้มากกว่า Toys “R” Us มากมาย

จากนั้นก็ถึงคิวของออนไลน์ ซึ่ง Toys R Us ก็เหมือนร้านค้าปลีกเจ้าอื่น ที่สูญเสียยอดขายให้คู่แข่งทางออนไลน์อย่างอเมซอน ที่เสนอสินค้าในราคาถูกกว่า และจัดส่งให้ภายในเวลาอันรวดเร็ว ขณะเดียวกัน ทรัพยากรส่วนใหญ่ของทอยอาร์อัส ถูกนำไปใช้ชำระหนี้จำนวนมหาศาล แทนที่จะนำไปปรับปรุงด้านต่างๆ เพื่อรับมือการแข่งขัน

ที่ครึกโครมไม่แพ้กันคือ Sears ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นร้านค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดของโลก แต่ต้องยื่นล้มละลายไป พร้อมการก้าวลงจากตำแหน่งของซีอีโอ และมีแผนปิด 142 สาขาภายในปลายปีนี้

บริษัทที่มีอายุ 132 ปีดิ้นรนกระเสือกกระสนมาหลายปีแล้ว ทั้งยังมีหนี้สินท่วมท้น ปัญหาของ Sears สะสมมาหลายสิบปี เมื่อเริ่มถูกผู้คนเมินในยุคของการซื้อ-ขายของกันทางออนไลน์ ทั้งยังเผชิญการแข่งขันจากยักษ์ใหญ่อย่างวอลมาร์ทและ Home Depot ซึ่งตีเซียร์สแตกทั้งในเรื่องของราคาและความสะดวก

อย่างไรก็ตาม ปัญหาจำนวนมากของ Sears ล้วนเกิดจากการเดินและอ่านเกมผิด ฝ่ายบริหารพยายามรับมือการแข่งขันด้วยการปิดสาขาและลดต้นทุน รวมถึงลดงบโฆษณา แต่ไม่ยอมลงทุนปรับปรุงสาขาต่างๆ สภาพการณ์ดังกล่าวทำให้ยอดขายลดลง การขาดทุนสะสมมากขึ้นเป็นหลายพันล้านดอลลาร์

ธุรกิจที่ดำเนินมา 202 ปีอย่าง Remington ก็ไปไม่รอด หลังจากยอดขายปืนลดลง 30% เมื่อปีที่แล้ว เหลือ 600 ล้านดอลลาร์ Remington มีผู้ผลิตในสังกัดอย่าง Bushmaster และ Marlin

ร้านค้าปลีกเสื้อผ้าและเครื่องประดับผู้หญิงอย่าง A'Gaci ยื่นล้มละลายไปเมื่อเดือนม.ค.และมีแผนปิดสาขา 49 แห่งจาก 76 แห่ง

ขณะที่ร้านค้าปลีกเครื่องสำอางอย่าง Kiko USA เผชิญชะตากรรมเดียวกัน และมีแผนปิดสาขา 25 แห่ง รวมถึงสำนักงานใหญ่ในนิวยอร์ก เหลือสาขาไว้ 4 แห่ง

เชนภัตตาคารอิตาเลียน Bertucci ยื่นขอความคุ้มครองภายใต้ภาวะล้มละลายเช่นกันในเดือนเม.ย. และปิดสาขา 15 แห่งจากทั้งหมด 59 แห่ง ทั้งยังตกลงจะขายสินทรัพย์ให้ Right Lane Dough Acquisitions เป็นเงินเกือบ 20 ล้านดอลลาร์

มาถึงรายของร้านขายของชำ Southeastern Grocers ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Winn-Dixie, Harveys และ Bi-Lo มีแผนปิดสาขา 94 แห่ง หรือ 16% ส่วนที่เหลือ 582 แห่งยังเปิดบริการ

จากนั้นก็เป็น Brookstone ที่บอกว่าจะปิดสาขาที่ตั้งอยู่ตามห้างสรรพสินค้า และมองหาคนมาซื้อธุรกิจอีคอมเมิร์ซ รวมถึงร้านที่ตั้งอยู่ตามสนามบิน

ร้านขายของราคาถูก อย่าง National Stores ก็ไม่รอด เพราะเป็นบริษัทแม่ของ Fallas, Conway's และ Factory 2-U โดยมีแผนปิด 74 สาขา จากทั้งหมด 344 สาขา

ร้านขายที่นอนที่ทำขึ้นแบบพิเศษ รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ Mattress Firm ไปกับกระแสนี้เช่นกันในเดือนต.ค. พร้อมแผนปิดสาขา 700 แห่งจาก 3,272 แห่ง หลังจากเผชิญแรงกดดันมากขึ้นจากบรรดาสตาร์ทอัพหน้าใหม่ อย่าง Casper ที่นำเสนอนวัตกรรมในการซื้อที่นอน จนแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดไป

ปิดท้ายปีด้วยร้านค้าปลีกชุดแต่งงาน David's Bridal ซึ่งเป็นหนึ่งในร้านขายชุดแต่งงานที่ดำเนินธุรกิจมายาวนาน แต่ได้รับผลกระทบจากแนวโน้มของการแต่งงานด้วยชุดสบายสไตล์ casual

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0