********************************
สองปีก่อน ข่าวช็อคโลกจากแวดวงบันเทิงต่างประเทศ ข่าวหนึ่งเห็นจะเป็นข่าวการเสียชีวิตของ "ปีเตอร์ โจสเซปพี "พีต" เบิร์นส์ ที่เรียกเขาว่า "พีต" เบิร์นส์ นักร้อง นักแต่งเพลง นักเขียนและพิธีกรโทรทัศน์ชาวอังกฤษ ผู้ก่อตั้งวงเดทออร์อะไลฟ์
ข้อมูลระบุว่า พีต เบิร์นส์เสียชีวิตจากภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2559 เสียชีวิตววัย 57 ปี แต่หลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่าสาเหตุนั้นมาจากอะไรกันแน่
โดยเฉพาะมันเกี่ยวข้องกันหรือไม่ กับประเด็นที่ศิลปินรายนี้ จัดเป็นผู้ที่เสพติดการศัลยกรรมตัวยง จนใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปตลอดเวลาทั้งชีวิต
เส้นทางศิลปิน
เบิร์นส์เกิดเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2502 ที่แคว้นเชสเชียร์ติดชายแดนประเทศเวลส์ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศอังกฤษ เขามีพ่อเป็นชาวเมืองลิเวอร์พูล แม่เป็นชาวเยอรมัน ที่ว่ากันว่าเธอคือผู้รอดชีวิตมาจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
ครอบครัวของเบิร์นส์ไม่อบอุ่นเท่าไหร่นัก เพราะต่อมาแม่ของเขามีอาการติดสุราเรื้อรัง แนนอนนี่ค่ือผลพวงจากสงคราม และความเกลียดชังยิวของนาซี ที่ทำให้เธอกลายเป็นโรคซึมเศร้า ที่จำต้องใช้เหล้าและยาเพื่อบำบัด หลยาครั้งที่ยังพยายามฆ่าตัวตายอีกด้วย
หากข้อมูลบางแหล่งระบุว่า ที่จริงแล้วเป็นตัวของพีตเองที่เคยพยายมฆ่าตัวตายเพื่อให้แม่เลิกเหล้า ที่สุด ช่วงวัยราวๆ 14 ปี เบิร์นส์ตัดสินใจพักการเรียนเพื่อไปหางานทำ
เข้าใจว่าช่วงนั้นเบิร์นยังคงวิ่งวนอยู่นอกรั้วโรงเรียนจนเมื่ออายุ 20 ปี เขาได้ทำงานในร้านขายเทป และแผ่นเสียงแห่งหนึ่งในลิเวอร์พูล แล้วได้ตั้งวงดนตรีวงแรกขึ้น ชื่อว่า "the Mystery Girls" ว่ากันว่าวงแรกของเขามีโอกาสขึ้นแสดงเพียงแค่ครั้งเดียว
เรื่องนี้ไมน่าแปลกเพราะยุคสมัยนั้น งานแนวพังค์ร็อค แต่ภาพลักษณ์ของศิลปินที่ไว้ผมยาวและแต่งตัวคล้ายผู้หญิง น่าจะยังไม่เข้าทางคนฟังเพลงยุคนั้น
แต่ก็น่าแปลกที่เขาเคยพูดว่า บอย จอร์จ นักร้องดังที่แต่งหน้าทาปากไว้ผมแบบผู้หญิงได้ขโมยลุคของเขาไป
อย่างไรก็ดี ที่สุด เบิร์นส์ ได้ตั้งวง เดด ออร์ อไลฟ์ ขึ้นมาในปี 2523 ร่วมกับ ไมค์ เพอร์ซี, สตีฟ คอย และทิม ลีเวอร์ แต่คราวนี้ทุกคนตอบรับเขา เบิร์นส์กลายเป็นที่รู้จัก ทั้งๆที่ยังคงจุดดเด่นไว้ที่การแต่งกายสวมเสื้อผ้าผู้หญิง
วง เดด ออร์ อไลฟ์
เขาเคยพูดถึงเรื่องเพศสภาพว่า "ทุกๆ คน ถูกลากไปเป็นคนแบบใดแบบหนึ่งเสมอ ผมไม่สนเรื่องเพศ หรือว่าเรื่องจะถูกจับไปอยู่ตรงไหน ผมไม่ได้อยากเป็นผู้หญิงด้วยการเอาเสื้อผ้ามาเป็นตัวแบ่งแยก ผมถูกเลี้ยงมาโดยได้รับอิสระ และเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ สังคมมักจะสร้างข้อจำกัดให้สิ่งต่างๆ"
วงของเบิร์นส์ ประสบความสำเร็จอย่างแทบจะทันทีที่ก่ออตั้ง มีเพลงดัง เช่น You Spin Me Round (Like a Record) ได้รับความนิยมเป็นอันมาก
ย่างก้าวแห่งชีวิต
ช่วงหนึ่งเบิร์นส์ก็มีช่วงชีวิตที่ปกติ เมื่อเขาเข้าพิธีแต่งงานกับลีนน์ คอร์เลตต์(Lynne Corlett) โดยขณะนั้นฝ่ายหญิงมีอายุ 25 ปี พวกเขาแต่งงากันในปี 2521 อยู่กินกันนานพอสมควรเกือบ 30 ปีก็แยกทางกันใน 2549 แต่ก็ยังคงเป็นเพื่อนรักที่ดูแลกันตลอดมา
เบิร์นส์กับภรรยา ภาพจาก Courtesy Everett Collection
แต่ปีเดียวกันนั้นเอง เบิร์นส์ก็ประกาศใช้ชีวิตร่วมกับ ไมเคิล ซิมป์สัน โดยยังมีพิธีแต่งงานอีกด้วย งานนั้นว่ากันว่าเชิญเพียงนักข่าวโทรทัศน์มาร่วมงาน และทำข่าวเท่านั้น
งานแต่งของเบิร์นส์กับ ไมเคิล ซิมป์สัน
ถึงตรงนี้หลายคนอาจงุนงงว่าที่จริงแล้ว เบิร์นส์เป็นชายหรือหญิงกันแน่ เขาก็มักตอบเช่นเคยว่าเขาเป็นเขาเอง แค่นั้น
หลายคนอาจคิดไม่ถึงว่า มีความเป็นไปได้ว่า ชีวิตของคนดังคนนี้จะเปลี่ยนไปหลังจาก วง Dead Or Alive ของเขาเริ่มเสื่อมความนิยมเมื่อสิ้นยุค 80's
แต่รอยต่อช่วงนั้น พวกเขาหันไปโลดแล่นในตลาดญี่ปุ่น ซึ่งประจวบกับที่เบิร์นส์เริ่มมีภาวะเสพติดศัลยกรรม อาจด้วยต้องการเปลี่ยนแปลง เพิ่มจุดดึงดูดมากขึ้น หรือต้องการให้ความดังในเก่าก่อนกลับคืนมา ปรากฏว่าเบิร์นส์ไม่เคยหยุด ไม่เคยพอใจ ยิ่งผิดพลาดยิ่งไปแก้ ยิ่งแก้ ยิ่งพลาดหนักเข้าไปอีก
ช่วงที่หน้าของเขาเสียหายรุนแรงที่สุดก็ราวปี 2549 ปีที่เขาหย่ากับภรรยาที่อยู่กินมานานนั่นแหละ ช่วงนั้นมีการฟ้องร้องใหญ่โตเกี่ยวกับการผ่าตัดศัลยกรรมที่ผิดพลาด จนเกือบเสียชีวิตคาเตียงผ่าตัด ขณะที่ทำศัลยกรรมจมูก
แต่ประโยคเด็ดที่ทั่วโลกจารึก เบิร์นส์เคยตอบนักข่าวว่า "เราซื้อเฟอร์นิเจอร์เพื่อเปลี่ยนโฉมบ้านอย่างน้อยปีละครั้ง ก็เหมือนฉันอยากเปลี่ยนโฉมหน้าตัวเองไปเรื่อยๆ ก็แค่นั้น"
สิริรวม เบิร์นส์เข้ารับการผ่าตัดกว่า 300 ครั้งตลอดชีวิต และต้องประสบกับภาวะล้มละลายหลังต้องจ่ายค่าทำศัลยกรรมจำนวนมากในช่วงเวลาเพียงแค่ 18 เดือน เพื่อตบแต่งใบหน้าให้เข้าที่หลังการผ่าตัดทำให้ริมฝีปากของเขาผิดรูป
ไม่ต้องไปมองเรื่องผลงาน ที่หลังจากนั้นเบิร์นส์ไม่เคยมีเพลงฮิตหรือประสบความสำเร็จเหมือนที่เคยทำได้อีกเลย ทั้งนี้เพลง Never Marry an Icon ที่วางจำหน่ายเมื่อปี 2553 เป็นซิงเกิลล่าสุดของเขา
และชาวโลกได้เห็นการปรากฏตัวช่วงสุดท้ายของชีวิตในการร่วมรายการ "บิ๊ก บราเธอร์สคนดัง" แต่ชุดที่เขาใส่เต้นรำก็ทำเอาชื่อเสียงของเขามีแต่ทางฉาวอีกครั้ง
จนกระทั่งข่าวที่อาจจะดังที่สุดในชีวิตของเขาคือ การเสียชีวิตอย่างกะทันกหันจากอาการหัวใจล้มเหลว เมื่อเช้าวันที่ 23 ตุลาคม 2559 เหลือไว้แต่ตำนานศิลปินหัวขบถ ผู้ไม่ยี่หระกับความตายด้วยการกล่าวว่า
"ฉันจะขอเป็นผู้ครองนรก ดีกว่าเป็นขี้ข้าบนสวรรค์"
และเช่นเคยมาชื่นชมผลงานของเขาในอดีตกัน
*********************
ขอบคุณข้อมูลจากวิกิพีเดีย
เวบ Sadaos - สะเด่าส์
เฟซบุ๊ก เพลงเก่าเล่าเรื่อง
Courtesy Everett Collection
