ผู้เข้าชมพักผ่อนอยู่หน้ารูปปั้นสิงโตทะเลที่ Resorts World Sentosa ในสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2019 (ภาพโดย: Roslan RAHMAN / AFP)
สิงคโปร์เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม เซ็นโตซาเมอร์ไลอ้อน จนถึงวันที่ 20 ต.ค.นี้ ก่อนปิดถาวรและเตรียมทุบทำลาย เพื่อสร้างทางเดินเชื่อมภายในเกาะเซ็นโตซา
วันที่ 20 ต.ค.62 จะเป็นวันสุดท้ายที่เซ็นโตซาเมอร์ไลอ้อน หรือ รูปปั้นสิงโตทะเลบนเกาะเซ็นโตซา จะเปิดให้นักท่องเที่ยวและชาวสิงคโปร์เข้าไปถ่ายรูปและชมพิพิธภัณฑ์ ก่อนปิดถาวรและเตรียมทุบทำลายปลายปีนี้ เพื่อสร้างโครงการทางเดินเชื่อมระหว่างรีสอร์ท เวิลด์ เซ็นโตซา ไปยังตอนใต้ของเกาะ
“เซ็นโตซาเมอร์ไลอ้อน” สร้างเมื่อปี พ.ศ.2538 โดยศิลปินชาวออสเตรเลีย James Martin เป็น 1 ใน 7 รูปปั้นเมอร์ไลอ้อน ที่ได้รับการอนุมัติจากการท่องเที่ยวสิงคโปร์ และเป็นรูปปั้นจำลองที่ใหญ่และสูงที่สุดในสิงคโปร์ มีความสูงถึง 37 เมตร หรือเท่ากับตึก 12 ชั้น และจะมีอายุ 24 ปี ในวันที่ถูกทุบทิ้ง
สำหรับ “สิงโตทะเล” หรือเมอร์ไลอ้อน (Merlion) สัตว์ในเทพนิยาย สัญลักษณ์ประจำชาติสิงคโปร์ หัวเป็นสิงโต หางเป็นปลา มีที่มาจากตำนานการค้นพบเกาะสิงคโปร์ว่า เจ้าชาย ซาง นิลา อุตมะ แห่งอาณาจักรศรีวิชัย ตั้งชื่อเกาะแห่งนี้ว่า “สิงคปุระ” หรือเมืองสิงโต ตามสัตว์ตัวแรกที่พบบนเกาะ
ส่วนหางที่เป็นปลา สื่อถึงสิงคโปร์ในฐานะหมู่บ้านชาวประมง แต่หากย้อนไปดูประวัติศาสตร์พบว่าสิงคโปร์เป็นเมืองท่าสำคัญของการค้าขายทางเรือมานาน
อเล็ก ฟราเซอร์ บรูนเนอร์ นักสัตววิทยาชาวอังกฤษ ได้ออกแบบเมอร์ไลอ้อนในปี พ.ศ.2507 เพื่อเป็นตราสัญลักษณ์ของคณะกรรมการการท่องเที่ยวสิงคโปร์
ทั้งนี้ ประเทศสิงคโปร์ มีรูปปั้นเมอร์ไลอ้อน 7 ตัว ที่ได้รับการรับรองโดยคณะกรรมการการท่องเที่ยวสิงคโปร์ โดยรูปปั้นเมอร์ไลอ้อนต้นแบบ 2 ตัวแรก คือสิงโตทะเลพ่นน้ำแม่ลูก ซึ่งเมอร์ไลอ้อนตัวแม่ เดิมตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำสิงคโปร์ ก่อนย้ายมาที่สวนเมอร์ไลอ้อน ห่างจากที่ตั้งเดิมราว 100 เมตร ปั้นและก่อสร้างโดยช่างฝีมือชาวสิงคโปร์
ส่วนอีก 5 ตัว เป็นรูปปั้นเมอร์ไลอ้อนจำลอง ได้แก่ เซ็นโตซาเมอร์ไลอ้อน บนเกาะเซ็นโตซา, เมาท์เฟเบอร์เมอร์ไลอ้อน, เมอร์ไลอ้อนที่การท่องเที่ยวสิงคโปร์ และเมอร์ไลอ้อนฝาแฝดที่อังโมกิโอ