ผู้สื่อข้าวรายงานว่าเมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 25 มค 63 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากเจ้าหน้ากรมเจ้าท่า ปัตตานีว่าได้มีชาวบ้านพบปลาวาฬ2ตัวอยู่ใกล้กับฝั่ง บริเวณ หลังสวนสมเด็จ อ.เมือง จ.ปัตตานี ผู้สื่อข่าวจึงรุกไปที่เกิดเหตุพบเจ้าหน้าทีกรมเจ้าท่า ชาวประชาชน และพ่อค้าแม่ค้านั้นได้มุงดูปลาวาฬ และได้มีชาวบ้านได้นำเรือเข้าไปตรวจดูสภาพวาฬ ซึ่งมีสภาพนิ่งๆยังหายใจอยู่ แต่หายใจถี่มาก และอีกตัวค่อยว่ายอยู่รอบๆอยู่บริเวณใกล้เคียง
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งปัตตานีได้ทำการประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เข้ามาดูแลอย่างเร่งด่วน ซึ่งเมื่อกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง สงขลา ทราบข่าว จึงได้ทำการส่งนายสัตว์แพทย์ให้รีบมาตรวจรักษาในเบื้องต้น ซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควรสำหรับการเดินทางมายัง จว.ปัตตานี เมื่อนายสัตว์แพทย์เดินทางมาถึง จึงรีบทำการลงเรือเข้าไปดูปลาวาฬดังกล่าวอย่างใกล้ชิด พบว่าทั้งสองตัวเป็นปลาวาฬอาจจะเป็นชนิดวาฬแตงโม้ ได้ว่ายอยู่บนผิวน้ำใกล้ฝั่งโดยไม่ออกจากฝั่ง 1ในนั้นมีอาการหนัก ว่ายนิ่งๆอยู่ผิวน้ำ มีบาดแผลที่คีบหลัง และส่วนหัว ณ ตอนนี้อยู่ระหว่างการตรวจ และทำการดำเนินการรักษาขั้นต่อไป
สำหรับเหตุการณ์ปลาวาฬว่ายเข้ามาหาฝั่ง บริเวณ หลังสวนสมเด็จ อ.เมือง จ.ปัตตานี ไม่เคยเกิดขึ้นมากก่อน ทำให้ชาวบ้านละแวกนั้นต่างพากันตื่นเต้นกับสิ่งที่เห็นในครั้งนี้
ด้านประชาชนที่แจ้งเจ้าหน้าที่ คือ นางสาวไซนะ ยอลาแป ซึ่งเป็นแม่ค้าขายส้มตำ เผยว่า ตนเห็นปลาตัวใหญ่ 2ว่ายวนอยู่ใกล้ฝั่ง 3 ชม.แล้ว อีกตัวว่าย แต่อีกตัวอยู่นิ่งๆ ไม่ว่ายไปไหน ดูน่าสงสาร และผิดปกติ ตนจึงได้ทำการแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่า สำหรับตนเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้เห็นปลาวาฬมาว่ายอยู่ริมฝั่งอ่าวปัตตานี ตั้งแต่อยู่ที่นี่ไม่เคยเห็น ทำให้ตนตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ได้เห็น
สัตวแพทย์ ญ. พรทิภา ฮาดวิเศษ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง สงขลา เผยว่า ที่ได้เข้าตรวจสอบพบว่าทั้ง2ตัวเป็นวาฬ อาจจะเป็นชนิดวาฬแตงโม้ ทั้งสองตัวมีอากาศผิดปกติคือหอบหายใจ 1ในนั้นอาการจะหนักกว่า และลอยอยู่บนผิวน้ำไม่จมตังลงไป มีบาดแผลที่คีบหลัง และส่วนหัวนิดหน่อย มีลักษณะผอม คาดว่าทั้งสองตัวมีอาการป่วย ว่ายวนอยู่ในอ่าว ไม่ออกไปนอกอ่าว ส่วนจะดำเนินการอย่างไรนั้น เบื้องต้นคืนนี้ต้องรอดูอาการก่อน ว่าวาฬสามารถว่ายออกไปได้ไม หากพรุ่งนี้วาฬว่ายออกไปได้เองก็จะปล่อยไป หากไม่ได้จะต้องวางแผนทำการย้ายไปทำการรักษาที่สำนักงานประมง อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ต่อไป