โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

19 ก.พ.2508 สิ้น 'หลวงพ่อจง' เจ้าตำนานผู้สร้าง 'ทหารผี'

คมชัดลึกออนไลน์

อัพเดต 19 ก.พ. 2563 เวลา 09.40 น. • เผยแพร่ 18 ก.พ. 2563 เวลา 19.00 น.

*****************************

วันนี้เมื่อ 55 ปีก่อน คนไทยสูญเสียเกจิอาจารย์ชื่อดัง ผู้ซึ่งมีเรื่องราวปาฏิหาริย์มากมายในช่วงชีวิตของท่าน โดยเฉพาะหากเอ่ยขึ้นมาว่าท่านคือผู้ที่ทำวัตถุมงคลให้ทหารไทยพกติดตัวไปรบในสงครามอินโดจีน จนเกิดเป็นเรื่องเล่าปาฏิหารย์จนทหารไทยได้รับฉายาว่า "ทหารผี ฆ่าไม่ตาย"

วันนี้มารำลึกเรื่องราวของท่านอีกครั้ง

เส้นทางสายพระ

หลวงพ่อจง หรือต่อมาคือ "หลวงพ่อจง พุทธัสสโร" เดิมชื่อ จง ท่านเกิดให้สมัยต้นรัชกาลที่ 5 หรือ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในวันพฤหัสบดีที่ 6 มีนาคม 2415 ซึ่งเป็นปีเดียวกันกับการมรณะภาพของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ซึ่งก็เป็นคนพระนครศรีอยุธยาเช่นกัน ซึ่งหลวงพ่อจงเป็นชาว ต.หน้าไม้ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา

หลวงพ่อจงมีบิดาชื่อ ยอด มารดาชื่อ ขลิบ มีพี่น้องร่วมกันอยู่ 3 คน คือ 1. หลวงพ่อจง พุทธสโร เจ้าอาวาสวัดหน้าต่างนอก 2. หลวงพ่อนิล ธมมโชติ เจ้าอาวาสวัดหน้าต่างใน และ 3. นางปริด สุนสโมสร

ต่อมาบิดาได้นำไปฝากพระอาจารย์ที่วัดหน้าต่างใน ราวๆ อายุ 11 ปี เพื่อเรียนหนังสือ ต่อมาเมื่อบวชเณร หลวงพ่อจงยังเป็นสามเณรที่ฉายแววความรุ่งเรืองในทางธรรม โดยมีเรื่องเล่าว่า หลวงพ่อจงในวัยเด็กมีโรคหูอื้อ ตาฝ้าฟาง จนเมื่อมาบวช บารมีส่งผลให้โรคต่างๆ หายไปสิ้น

จนอายุครบ 20 ปี ได้บรรพชาอุปสมบทที่วัดแห่งนี้ โดยมี หลวงพ่อสุ่น วัดบางปลาหมอ เป็นพระอุปัชฌาย์ จากนั้นฝากตัวเป็นศิษย์ หลวงพ่อสุ่น วัดบางปลาหมอ, หลวงพ่อปั้น วัดพิกุล ฯลฯ

โดยหลวงพ่อเป็นศิษย์รุ่นพี่ของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค และหลวงพ่อปานนั้นนับถือหลวงพ่อจงเป็นที่สุด ว่ากันว่าท่านเรียกหลวงพ่อจงว่า "หลวงพี่" ทุกคำ พร้อมกับยกย่องหลวงพ่อจงให้ศิษย์ฟังเสมอว่า "หลวงพ่อจงนี่แหละพระทองคำทั้งองค์"

นอกจากนี้ยังว่ากันว่าหลังจากบวชก็ได้ร่ำเรียนวิชากับหลวงพ่อโพธิ์ หลวงพ่อปั้นแล้ว หลวงพ่อจงเก่งกล้าขึ้นชื่อในวิชา "อสุภกรรมฐาน" ได้ฌานสมาบัติระดับสูงท่านหนึ่ง

สุดยอดเจ้าอาวาส

บทความของ ไพศาล ปั้นงาม จากเวบไซต์หนังสือพิมพ์คมชัดลึก เคยเขียนเล่าเรื่องราวของหลวงพ่อจงไว้ดังนี้

"ในสมัยที่หลวงพ่อปกครองวัด (หน้าต่างนอก) ท่านมีชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือมาก มีกิจนิมนต์แทบทุกวัน ขณะเดียวกันก็มีชาวบ้านมากราบไหว้ท่านที่วัดไม่ขาดระยะ หลวงพ่อมีความเมตตามาก ท่านไม่เคยปฏิเสธในการให้ความช่วยเหลือชาวบ้าน ไม่ว่าการรดน้ำมนต์ ทำตะกรุด ปลุกเสกพระเครื่อง โดยหลวงพ่อเพียงแค่เป่าพ่วงเดียว ก็มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นยิ่งนัก"

"วัตถุมงคลของหลวงพ่อจง สูงค่าทั้งทางแคล้วคลาด เมตตามหานิยม ป้องกันเขี้ยวงา ภูตผีปีศาจ มหาอุด คงกระพันชาตรี ฯลฯ โดยมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งเหรียญยอดนิยมหลายรุ่น รูปหล่อ เสื้อยันต์ ผ้ายันต์ ตะกรุด แหวน ปลาตะเพียน รักยม ฯลฯ"

"ตลอดเวลาที่ท่านให้ความช่วยเหลือชาวบ้าน และปกครองวัด ท่านไม่ยอมรับสมณศักดิ์ใดๆ ที่ทางการมอบให้ กิจนิมนต์ที่สำคัญที่ท่านมักจะได้รับเป็นประจำ คือ การไปร่วมนั่งปรกปลุกเสกวัตถุมงคลในพิธีใหญ่ๆ ทุกครั้ง เรียกว่าทุกพิธีสำคัญจะขาด หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก ไม่ได้"

"จนถึง พ.ศ.2508 หลวงพ่อจงมรณภาพอย่างสงบที่ วัดหน้าต่างนอก นับเป็นการสูญเสียสุดยอดพระเกจิอาจารย์ผู้บริสุทธิ์ผุดผ่อง ที่น่ากราบไหว้อย่างสนิทใจท่านหนึ่งของเมืองไทย"

ทั้งนี้ ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร สิริอายุได้ 92 ปี บวชพระมาได้ 71 พรรษา ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดหน้าต่างนอกได้นานถึง 58 ปี

เรื่องเล่าปาฏิหาริย์

ถ้าจะกล่าวถึงชื่อเสียงของหลวงพ่อจง ที่เป็นทีฮือฮาเลื่อมใสในความศักดิ์สิทธิ์ เห็นจะหนีไม่พ้นเรื่องราวในช่วงสงครามอินโดจีนครั้งที่ 2 ราวปี 2483-2485

ช่วงนั้นท่านเป็นหนึ่งใน 4 เกจิอาจารย์ชื่อดังที่ได้แจกวัตถุมงคลให้ทหารไทยพกติดตัวไป อาทิ ผ้ายันต์ ตะกรุดและเหรียญรูปหลวงพ่อจงหลายครั้งที่เกิดปาฏิหาริย์ในการรบที่เวียดนาม จนทหารไทยได้รับฉายาว่า "ทหารผี ฆ่าไม่ตาย"

โดยเวบไซต์ http://www.dharma-gateway.com เล่าเรื่องนี้ไว้ว่า สงครามครั้งนั้นทหารไทยที่รอดตายเกือบครึ่ง ส่วนใหญ่มีตะกรุดชุด 16 ดอก บ้างมีตะกรุดโทน บ้างก็ใช้เสื้อพระยันต์ราชสีห์สีแดง บ้างมีพระทุ่งเศรษฐีดำใหญ่ของหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก และจำนวนทหารผู้รอดตายเหล่านั้นเชื่อว่าบรรดาเครื่องรางของขลังที่พวกตนมั่นใจในคุณขลังเหล่านี้มีส่วนช่วยชีวิตของตน

ทหารรุ่นศึกอินโดจีน และต่อมาในมหาสงครามโลก จนกระทั่งศึกษาเกาหลี ส่วนมากมีความศรัทธานิยมบูชาสักการะต่อตะกรุดโทน ตะกรุดชุด 16 ดอก และเสื้อยันต์แดงราชสีห์ นำติดตัวเข้าสมรภูมิเพื่อเป็นการบำรุงขวัญ

กองทัพไทยทั้งสามเหล่า ขึ้นชื่อว่าเป็นที่รับรู้ของกองทัพข้าศึก ไม่ว่าครั้งอินโดจีน มหาสงครามโลกครั้งที่สอง หรือสงครามเกาหลี ว่าเป็นทหารหาญที่ทำการรบเก่งกล้าที่สุด ตายและเสียหายน้อยที่สุด เฉพาะขวัญของทหารได้รับการยกย่องว่าเลิศที่สุด

****************************

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0