โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

15 ความจริงจาก แมทธิว-ลีเดีย กระบวนการรักษาโควิด-19 ลามปอด เข้าไอซียู

ไทยรัฐออนไลน์ - บันเทิง

อัพเดต 31 มี.ค. 2563 เวลา 12.35 น. • เผยแพร่ 31 มี.ค. 2563 เวลา 12.22 น.
ภาพไฮไลต์
ภาพไฮไลต์

หลังป่วยติดเชื้อไวรัส โควิด-19 ทั้ง แมทธิว ดีน และ ลีเดีย ศรัณย์รัชต์ ล่าสุดทั้งคู่ได้เปิดใจผ่านทางอินสตาแกรมถึงกระบวนการรักษาและอาการต่างๆ ที่ต้องเจอ โดยเผยว่าต้องเข้าไอซียูมาแล้ว ซึ่งสรุปอัปเดตได้ดังนี้

1. แมทธิวเข้ารักษาตัวมา 18-19 วัน ลีเดีย 17 วัน

2. แมทธิว เข้ามาแรกๆ มีไข้ จากนั้นก็เช็ก ปอด เลือด ออกซิเจน อาการถือว่าน้อย น่าจะปล่อยให้หายเองได้ น่าจะหายเองได้ในไม่กี่สัปดาห์ หมอตัดสินใจว่าคงไม่ต้องกินยา อยู่โรงพยาบาล 2 วัน ไข้หาย แต่พอวันที่ 5 มีอาการท้องเสียและไข้กลับมาที่อุณหภูมิ 37 ต้นๆ  

3. คุณหมอจึงจับ แมทธิว เอกซเรย์ปอด แล้วก็เจอเชื้อโควิดในปอดจริงๆ ที่ด้านขวา จากที่ตอนแรกไม่มี พบว่าลงปอดและเริ่มอักเสบ เมื่อมีความเสี่ยงจึงตัดสินใจทำการรักษาโดยจัดยาให้กิน 

4. ขณะที่ของลีเดีย มีไข้ตลอด ตั้งแต่เข้าโรงพยาบาลอุณหภูมิไข้ที่ 37-38 ต้นๆ คุณหมอเช็กทุกอย่างก็เคลียร์ ฟังเสียงปอดโอเค ออกซิเจนที่วัดปกติ สิ่งเดียวที่ผิดปกติคือไข้แต่ก็ไม่ได้สูงมาก ทุกอย่างน่าจะโอเค อาการคัดจมูก เจ็บคอก็ไปหมด ไม่มี จึงคิดว่าร่างกายเราคงขับไวรัสออกหมดแล้ว

5. แต่พอวันรุ่งขึ้นคุณหมอก็สั่งซีทีสแกน ลีเดีย และพบว่าปอดทั้งสองข้างเริ่มอักเสบแล้วไวรัสเข้าไปในปอด ทำให้ปอดเป็นสีขาวๆ ทั้งสองข้าง หมอเลยให้เริ่มยาทันที เพราะไม่ควรเสี่ยงถ้าขยายไปทำให้ปอดอักเสบเพิ่มเติมก็จะเป็นเรื่องหนัก 

6. ทั้งคู่ต้องย้ายเข้าไปอยู่ห้องไอซียู เพราะถ้าลุกลามที่ปอดมากกว่าเดิมก็จะได้มีอุปกรณ์ที่ช่วยเราได้ แมทธิว อยู่ไอซียู 2-3 วัน ลีเดียอยู่ 5 วัน และกินยา

7. หลังกินยารู้สึกว่าได้ผลชัดเจน มียา 4 ตัว เป็นยาต้าน HIV มาลาเรีย และยาไวรัสต่างๆ กินแล้วไข้หาย ปอดดีขึ้นเรื่อยๆ ยาต้องกินครบโดสต่อเนื่อง 10 วันและมื้อนึงกิน 10 เม็ด แต่ถ้าเลือกได้ก็ไม่อยากกินยา เพราะมีผลข้างเคียง แต่ทั้งคู่มีอาการชัดเจนก็เลยต้องกิน คุณหมอไม่เสี่ยง

8. ยามีเอฟเฟกต์กับแมทธิวน้อย มีผลต่อร่างกายนิดหน่อยคือท้องเสีย แต่ลีเดียตัวเล็ก ผลข้างเคียงมากหน่อยจะเบลอๆ คลื่นไส้ เวียนหัวท้องเสีย ไม่อยากกินอะไรเลย ตามัว มองอะไรแล้วเหมือนใส่แว่นขยาย 

9. อาการของตัวไวรัสเอง ไม่มีอะไรมาก อาจจะมีหายใจขัดๆ แน่นอกนิดหน่อย แต่ไม่ถึงกับหายใจไม่ได้ ไอก็มีแค่เล็กน้อย แต่จะมีอาการจากผลข้างเคียงของยาที่หนัก แต่พอครบ 10 วันเลิกกินยา ผลกระทบก็เริ่มดี กลับมากินข้าวเหมือนเดิม

10. อาการถึงไวรัสจะลงปอดแต่ก็โอเคขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายดีมากๆ 95-98 เปอร์เซ็นต์ดีมากๆ แต่ผลตรวจยังบวกอยู่

11. ทางกายไม่มีปัญหา แต่มีปัญหาเรื่องความรู้สึก คือการต้องอยู่กับความกังวล ว่าจะลามปอดหรือไม่ ไข้จะกลับมาไหม จะหายเมื่อไหร่ คุณหมอยังไม่สามารถตอบได้ว่าเลิกทานยาจะกลับมาไหม ทำให้เรากังวลตลอดเวลา แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะคุณหมอทุกท่านมีความรู้รักษาเราอย่างเต็มที่ อัตราการหายจากโรคนี้ก็ดีมากๆ ทั้งคู่ก็มีความหวังว่าเราจะค่อยๆ ดี ฟื้นตัว

12. แมทธิว ลีเดีย ไม่อยากให้คนอื่นมาเจอสภาพแบบนี้ ห่างลูก ห่างครอบครัว ต้องมาอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมตลอดเวลา ซึ่งมีผลต่อสภาพจิตใจก็ไม่อยากให้เขามาเจอกับเรา

13. ขอความร่วมมือทุกคนให้อยู่บ้านตามคำแนะนำของรัฐ ใครอยู่บ้านได้ก็อยู่ ใครอยู่ไม่ได้ก็ระวังตัว อย่าตีกันเอง อย่าโทษใคร ช่วยกันหาวิธีที่มันดีที่สุด อยู่บ้านก็เป็นการช่วยคุณหมอ ทรัพยากรของเราไม่ได้มีเพียงพอ เราต้องทำให้ผู้ป่วยมีน้อยที่สุด คนที่ป่วยหนักๆ จะได้รับการรับรักษา 

14. ปัญหาของโรคนี้มันติดง่าย ออกจากร่างกายช้า แมทธิว ลีเดีย ต้องรักษา 3 อาทิตย์แล้วก็ยังเจอผลบวกอยู่ เรายังไม่ได้ออกจากโรงพยาบาล คนป่วยใหม่ก็จะไม่มีห้องโรงพยาบาล คนที่เข้ามารักษาพร้อมลีเดียก็มีที่ทรุดหนัก ไม่เสี่ยงเลยจะดีที่สุด ไม่ใช่คนอายุเยอะเสี่ยงอย่างเดียว คน 20-40 ที่รักษากับทั้งคู่ก็เยอะมาก

15. ปิดท้าย ให้กำลังใจทุกคน ดูแลตัวเองให้มากที่สุด และเป็นกำลังใจให้คุณหมอ ขอบคุณคุณหมอ-พยาบาลจริงๆ ที่ช่วยชีวิตพวกเรา พวกเขาทำด้วยใจจริงๆ ทุกคนอาสาเข้ามาทำงานตอนนี้โดยเฉพาะ คุณหมอไม่ได้กลับบ้านมานานแล้ว เขาก็ไม่เจอครอบครัวพวกเขา. 

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0