โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

13 ปีแพ้เลือกตั้ง 2 รอบ รอบสามแพ้อีกคือล้างมือ!

ไทยโพสต์

อัพเดต 21 ต.ค. 2561 เวลา 04.24 น. • เผยแพร่ 21 ต.ค. 2561 เวลา 04.24 น. • ไทยโพสต์

21 ต.ค. 61 - นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ  สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ที่เสนอตัวลงสมัครรับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์​ให้สัมภาษณ์พิเศษหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ช่วงหนึ่งถึงคำถามที่ว่า  เป็นหัวหน้าพรรค ปชป.มา 13 ปี มองว่าที่ผ่านมาการนำพาพรรคประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว เพราะคนก็ยังพูดกันว่าเป็นหัวหน้าพรรค นำพรรคสู้ศึกเลือกตั้งมาสองครั้งคือปี 50 และปี 54 ผลปรากฏว่าแพ้ การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นแมตช์ล้างตาหรือไม่?

โดยนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าคือถ้าลองไปดูตัวเลขสถิติผลการเลือกตั้งใหญ่ปี 50 และปี 54 พรรคประชาธิปัตย์ได้สัดส่วนคะแนนมากที่สุดในรอบ 20-30 ปีอย่างน้อย แต่มันไม่พอและตนก็ไม่พอใจ อีกทั้งเมื่อนำเลือกตั้งแพ้ก็แสดงความรับผิดชอบทุกครั้ง แต่ประชาธิปัตย์ก็พูดเสมอว่าเราไม่มีทางโตแบบทางลัด ให้ไปดูด ซื้อเสียง โกง เราไม่ทำ

"อย่าลืมว่าปี 50 เมื่อเลือกตั้งเรียบร้อย พรรคที่ชนะเราก็ถูกยุบเพราะทุจริตเลือกตั้ง ส่วนปี 54 ก็มีการสอบเรื่องนำเงินใต้โต๊ะให้สื่อเพื่อให้นำเสนอข่าวสารไม่เป็นกลาง ดังนั้นก็มีหลายปัจจัย แต่ผมถือว่าต้องทำให้ดีกว่านี้เพราะที่ผ่านมาดีไม่พอ"

นายอภิสิทธิ์​กล่าวว่าตอนเป็นนายกรัฐมนตรีก็ทำหลายเรื่อง ทั้งกู้วิกฤติเศรษฐกิจได้ เรียนฟรี ผู้สูงอายุ อสม. ประกันรายได้ เริ่มต้นหลายอย่าง แต่ตอนนั้นอยู่ในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจโลก และอยู่ในสถานการณ์ความวุ่นวายของบ้านเมืองตลอดระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ผมยังไม่มีโอกาสสร้าง แต่วันนี้คือสถานการณ์ใหม่ โอกาสใหม่ ยืนยันว่าไม่เคยหยุด ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ห้ามไม่ให้นักการเมืองทำอะไร  ตนไม่เคยทำผิดกฎหมายแต่ก็ไม่เคยหยุดเหมือนกัน เข้าหาทุกกลุ่ม ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของโลก เพราะต้องการหาคำตอบให้กับประเทศ

"ผมมั่นใจว่าหากมีโอกาสนำพาพรรคต่อไป ประสบการณ์ในอนาคต ความรู้ใหม่ที่สะสมมา การมีคนใหม่ๆ เข้ามาช่วยเปิดมุมมอง จะทำให้ผมมีโอกาสสร้างหลายสิ่งหลายอย่าง ผมอยู่การเมืองมา 26-27  ปีแล้ว ไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้ทำอะไรอีกมากมายแล้ว แต่ผมมาสู่การเมืองมาด้วยความเชื่อ ด้วยอุดมการณ์ มาด้วยความฝันอยากเห็นประเทศเป็นได้หลายสิ่งหลายอย่าง

ผมรู้ตัวเองว่าเหลือเวลาอีกไม่มาก ไม่เหลือโอกาสมากที่จะได้ทำตรงนี้ ตอนนี้ผมมาถึงอายุ  54 ปี ผมมาถึงจุดนี้ ไม่เกรงใจใครแล้ว ผมจะเดินหน้าและจะไม่มีเรื่องไหนที่ผมอยากเห็นเกิดขึ้นในประเทศไทยแล้วผมจะละเลย ผมต้องทำเพราะผมจะไม่มีโอกาสทำอีกแล้ว"

ถามย้ำว่าที่พูดว่าเหลือเวลาอีกไม่มาก หมายถึงถ้าเลือกตั้งครั้งนี้แพ้จะรับผิดชอบโดยการลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ ตอบว่า ผมก็ต้องกำหนดเป้าหมายขององค์กร โดยก่อนเข้าสู่การเลือกตั้งผมก็ต้องคุยกับคนในพรรคว่าเป้าหมายคืออะไร แล้วผมต้องทำให้ได้ ถ้าทำไม่ได้ผมก็ต้องรับผิดชอบ

เมื่อถามว่าหากลาออกหลังเลือกตั้งแล้วเกิดที่ประชุมใหญ่พรรคยังโหวตให้กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคอีกรอบ?

นายอภิสิทธิ์ บอกว่า "คงไม่ เพราะถ้าผมเห็นว่าถึงเวลาที่คนอื่นจะมานำพาพรรค ผมก็ปฏิเสธได้ ไม่มีปัญหา"คลิกอ่านทั้งหมด

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0