อย่างที่ทุกคนทราบกันดีอยู่แล้วว่าช่วงนี้สถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรน่าค่อนข้างรุนแรงขึ้น หลายหน่วยงานในประเทศเราจึงมีนโยบายให้พนักงาน Work from Home หรือทำงานที่บ้านเพื่อลดความเสี่ยงการกระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งการทำงานที่บ้านนั้นหลายคนอาจจะคิดว่าสบาย แต่พอลองทำจริงๆ แล้วตารางงานกลับรวนไปหมด เพราะอาจจะเผลอพักผ่อนจนงานไม่เดิน ด้วยความเป็นห่วงเพื่อนๆ ในช่วงวิกฤติเช่นนี้เราจึงมีวิธีทำงานที่บ้านให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดมาฝาก รับรองว่าถ้าได้ลองทำตามแล้วจะเป็นบาลานซ์ที่ลงตัวเหลือเวลาดูแลตัวเองแน่นอน
จัดพื้นที่ทำงานให้เป็นส่วนตัว
ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าบรรยากาศก็เป็นอีกหนึ่งตัวแปรที่ทำให้การทำงานที่บ้านมีประสิทธิภาพ การจัดพื้นที่ทำงานเป็นสัดส่วนที่ชัดเจนนั้นจะช่วยสร้างบรรยากาศในการทำงานให้ความคิดสร้างสรรค์นั้นพุ่งแล่นได้ ซึ่งพื้นที่ทำงานที่บ้านนั้นไม่จำเป็นต้องมีรูปแบบเหมือนออฟฟิศเสมอไป เราอาจจะประยุกต์ใช้โต๊ะรับประทานอาหาร หรือมุมใดๆ ในบ้านก็ได้ เพียงแต่ควรกำหนดพื้นที่ให้ชัดเจนว่าเป็นพื้นที่ทำงาน เพื่อตัดบริบทความสบายรอบข้างให้เราจดจ่ออยู่กับงานอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ท่านั่งที่ดีจะช่วยลดปัญหาปวดหลัง และความเมื่อยล้าจากการทำงานได้ด้วยนะ
หาแรงบันดาลใจ
ในช่วงวิกฤตินี้ข้อเสียของการทำงานที่บ้านคือเราไม่ได้ออกไปเจอโลกภายนอก อาจทำให้เกิดความเบื่อหน่ายได้ ยิ่งถ้าทำงานสายครีเอทีฟด้วยล่ะก็ อาจจะขาดแรงบันดาลใจในขับเคลื่อนงาน เราจึงควรแบ่งเวลาส่วนหนึ่งมาเพิ่มแรงบันดาลใจในการทำงานเพื่อประสิทธิภาพมากขึ้นได้ เช่น อ่านหนังสือ ฟังพอดแคสต์ รดน้ำต้นไม้ หรือเปิดเพลงที่ช่วยในการผ่อนคลายเพื่อกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ในแบบของตัวเอง
อาบน้ำแต่งตัวให้เหมือนไปทำงานปกติ
เหตุผลสำหรับข้อนี้ที่เราควรลุกขึ้นมาอาบน้ำแปรงฟันแต่งตัวเสมือนไปทำงานปกตินั้น เพราะการสวมใส่ชุดที่พร้อมสำหรับการทำงานนั้นจะช่วยดึงเราไม่ให้กลับไปพักผ่อนบนโซฟาหรือเตียงนอนได้ง่ายๆ เรียกว่าช่วยลดความรู้สึกเป็นส่วนตัวเกินไปให้ร่างกายสามารถแยกแยะระหว่างเวลาทำงานกับเวลาพักผ่อนส่วนตัวนั่นเอง
นั่งสมาธิก่อนเริ่มงาน
การฝึกสมาธิเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะเป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้เป็นอย่างดี การฝึกสมาธิในก่อนร่วมงานทำให้เรามีสติสัมปชัญญะ หรือรู้สึกตัวอยู่เสมอ อีกทั้งยังเกิดความสนใจ ความจดจ่อ และความมุ่งมั่นให้อยู่กับเรื่องๆ เดียว ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่เราทำงานที่บ้านและคิดงานไม่ออก รู้สึกเครียด กังวล ลองหลับตาและกำหนดลมหายใจเข้าออกลึกๆ สัก 5-10 นาที จะช่วยทำให้เรามีสมาธิและผ่อนคลายขึ้นได้
ใช้เวลาทำงาน เหมือนอยู่ออฟฟิศ
ข้อนี้ถือว่าสำคัญมากกกกก เพราะการทำงานที่บ้านไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องทำงานนานขึ้นกว่าเดิม แนะนำว่าควรตกลงกับเพื่อนร่วมงานให้ชัดเจนว่าตารางชีวิตแต่ละวันทำอะไรบ้าง รวมถึงสมาชิกในบ้านด้วยเพื่อไม่ให้มีการรบกวนกันระหว่างการทำงาน และเมื่อสิ้นสุดเวลาทำงานตามตารางแต่ละวันควรหยุดพักและเปลี่ยนชุดลำลองเพื่อเปลี่ยนโหมดว่าเข้าสู่เวลาส่วนตัวแล้ว
พร้อมสื่อสารกับทีมอยู่เสมอ
แน่นอนว่าการทำงานที่บ้านเราอาจจะมีความรู้สึกเหงาอยู่บ้าง และเพื่อหลีกเลี่ยงความเดียวดาย เราควรทำตัวให้พร้อมสื่อสารกับทีมอยู่เสมอ แนะนำให้ทำการนัดประชุมกับเพื่อนร่วมงานผ่านระบบวิดีโอคอลบ้าง เพื่อให้ทุกคนได้เห็นหน้ากันไม่ว่าจะทำงานอยู่ที่ไหนก็ตาม วิธีนี้นอกจากจะได้ติดตามความคืบหน้าของงาน แล้ว แต่ถือเป็นการเบรนด์สตรอมเพื่อช่วยกันแก้ปัญหาได้ดีอีกด้วย
ทำงานตามแผนงานอย่างเคร่งครัด
เราเชื่อว่าหัวใจสำคัญของการทำงานที่บ้านให้ได้ประสิทธิภาพคือการวางแผนเรื่องงานให้ดี ก่อนที่จะเริ่มทำงาน เพื่อให้เห็นภาพรวมของการทำงานทั้งหมด จะได้เรียงลำดับความสำคัญได้ว่าอะไรควรทำก่อนหลัง ระยะเวลาที่คิดว่าจะทำทุกอย่างให้เสร็จตามแผน ซึ่งการวางแผนที่ดีเป็นระบบนั้นจะช่วยให้การทำงานที่บ้านนั้นมีประสิทธิภาพและสำเร็จได้รวดเร็วขึ้น
ตัดสิ่งรบกวนในการทำงาน
ข้อสำคัญในการทำงานที่บ้านให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด เราควรตัดสิ่งรบกวนในการทำงานอย่างโทรศัพท์ หรือการเล่น Social Network ที่ไม่เกี่ยวกับงาน เพราะอาจทำให้เสียสมาธิ ทำให้งานเสร็จช้าไม่ตรงตามเวลาที่กำหนดได้ นอกจากนี้ยังควรกำหนดขอบเขตสำหรับสมาชิกในครอบครัวรวมถึงสัตว์เลี้ยงตัวโปรดด้วยนะ จะได้จดจ่อกับงานอย่างจริงจัง
เวลาทำงาน คิดอะไรออกให้รีบจด
เชื่อว่าในแต่ละวันทุกคนจะมีงานต่างๆ ถาโถมเข้ามาให้ได้ปวดหัวกันเป็นประจำ บางครั้งสมองอาจจะเรียบเรียงไม่ถูก บางทีนั่งทำงานเพลินๆ กลับคิดไอเดียดีๆ ออก อยากทำนี่ทำนั่น แต่สักพักกลับกลายเป็นลืมไอเดียที่คิดไว้ ดังนั้นแนะนำวิธีง่ายๆ คือพกสมุดจดเล่มเล็กๆ ติดตัวไว้ บางคนอาจจะจดโน๊ตในมือถือ หรืออาจะอัดเสียงเก็บเอาไว้ก่อนก็ได้เช่นกัน
พักสายตาบ้าง
ข้อดีของการทำงานที่บ้านคือเราอาจจะมีสมาธิอยู่กับงานหรือหน้าแล็บท็อปเครื่องโปรดอย่างเต็มที่ จนบางครั้งอาจทำให้เพลิดเพลินจนลืมเวลาพักได้ ดังนั้นแนะนำให้ทุกคนตั้งนาฬิกาปลุกในช่วงเวลาพักเที่ยง เพื่อเตือนว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องลุกยืดเส้นยืดสาย พักสายตา เปลี่ยนบรรยากาศ ไปทานข้าวเพื่อเพิ่มพลังให้กับชีวิตบ้าง จะได้รู้สึกผ่อนคลายกลับมาทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
บทความแนะนำเพิ่มเติม
พักชำระหนี้ : รวมมาตรการพักชำระหนี้
ของที่ต้องมีติดบ้านในช่วงนี้ : 10 สิ่งของกิน-ของใช้ที่ต้องมีติดบ้านในสภาวะฉุกเฉิน
ร้านอร่อยส่งรอบกรุงเทพ : 50 ร้านอร่อยทั่วกรุงเทพที่พร้อมส่ง Delivery สะดวกสุดๆ