โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

10 น้ำสมุนไพรดีต่อสุขภาพ หาดื่มง่าย ทำเองก็ได้ง่ายสุดๆ

ชิลไปไหน

เผยแพร่ 28 มี.ค. 2563 เวลา 05.23 น. • ชิลไปไหน

สวัสดีค่าทุกคน วันนี้พวกเรา ‘ชิไปไหน’ จะพาทุกคนเข้าโหมดเฮลธ์ตี้กันบ้าง โดยเราจะพามารู้จักกับ น้ำสมุนไพร ดีๆ มีประโยชน์ 10 ชนิดด้วยกัน ซึ่งแต่ละชนิดนั้นล้วนแต่หาดื่มง่าย ทำดื่มเองก็ได้ แถมส่วนมากยังปลูกไว้ที่สวนหลังบ้านได้ชิลๆ ด้วยค่ะ ตามมาดูกันเลยค่ะ

         น้ำสมุนไพรที่เรารีวิววันนี้ เราสั่งซื้อมาจาก Shopee ทั้งหมดเลยค่ะ ส่วนมากจะเป็นแบบอบแห้งมาแล้วหรือเป็นผงสำเร็จรูป สามารถชงดื่มได้ง่ายๆ เหมือนชงชา ใครมีแค่กาต้มน้ำร้อนก็สามารถทำดื่มเองที่บ้านได้ แถมราคาไม่แพงด้วยค่ะ บางชนิดเราซื้อมาไม่ถึง 10 บาท เหมาะกับการมีเก็บไว้ทำดื่มที่บ้านมากๆ 

10 น้ำสมุนไพรดีต่อสุขภาพ หาดื่มง่าย ทำเองก็ได้ง่ายสุดๆ
10 น้ำสมุนไพรดีต่อสุขภาพ หาดื่มง่าย ทำเองก็ได้ง่ายสุดๆ

 

1. น้ำมะตูม 

       เริ่มต้นกันกับ ‘มะตูม’ (Bael Fruit)  พืชสมุนไพรที่นิยมนำมาทำเป็นเครื่องดื่มดับกระหาย เพราะมีกลิ่นหอมหวาน ช่วยให้ชุ่มคอ อีกทั้งยังมีประโยชน์เพียบ! ไม่ว่าจะเป็นช่วยขับลม แก้อาการท้องผูก-จุกเสียด รักษาโรคกระเพาะ และมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ 

       ส่วนที่เรานำมาทำเครื่องดื่มจะเป็นส่วนผลของมะตูมค่ะ หาซื้อแบบที่ฝานเป็นแว่นตากแห้งได้ตามร้านยาแผนโบราณหรือตามตลาด หรือจะสั่งออนไลน์ก็หาง่ายค่ะ เอามาต้มกับน้ำสะอาด ดื่มอุ่นๆ เหมือนชาสมุนไพร หรือจะเติมน้ำตาลซักหน่อย ใส่น้ำแข็งอีกนิด ดื่มแล้วสดชื่นคลายร้อนได้เป็นอย่างดีเลยล่ะค่ะ

วิธีทำน้ำมะตูม :  

• เติมน้ำเปล่าลงในหม้อ แล้วใส่มะตูมประมาณ 5-8 แว่นตามลงไป ต้มจนกระทั่งเดือด สังเกตว่าน้ำจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอมน้ำตาล ต้มต่อไปอีก 15-20 นาที

• เติมน้ำตาลทรายแดงลงไปในสัดส่วนตามชอบ คนจนน้ำตาลละลายจนหมด เคี่ยวต่อไปเรื่อยๆ จนน้ำมีสีเข้มขึ้นและส่งกลิ่นหอมได้ที่ ยกลงจากเตา แล้วกรองด้วยผ้าขาวบางเพื่อเอาเศษมะตูมออกให้เหลือแค่น้ำ ตั้งพักทิ้งไว้ สามารถดื่มเป็นทั้งแบบร้อนและเย็นผสมน้ำแข็งก็ได้รสชาติที่หอมอร่อย  

2. น้ำเก๊กฮวย 

       ต่อกันกับอีกหนึ่งน้ำสมุนไพรดับกระหายคลายร้อนยอดฮิต นั่นคือ ‘น้ำเก๊กฮวย’ เครื่องดื่มสีเหลืองหอมชื่นใจที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี มีสรรพคุณดีต่อสุขภาพไม่น้อยหน้าสมุนไพรชนิดไหน ไม่ว่าจะเป็น แก้อาการร้อนใน แก้กระหายน้ำ  ช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหารให้ทำงานได้ดี มีฤทธิ์ลดระดับความดันโลหิต ฯลฯ  

      อีกทั้งยังหาทานได้ง่ายมากๆ ค่ะ ในร้านสะดวกซื้อ ก็เปิดตู้เย็นหาซื้อมาดื่มกันได้เลย มีให้เลือกหลายยี่ห้อ สำหรับใครที่กำลังลดน้ำหนัก หรือไม่อยากทานน้ำตาลเยอะ เราแนะนำของ น้ำเก๊กฮวยของดอยคำ ที่เป็นกล่องฟ้าเขียว 30 บาท เป็นสูตรที่ใช้หญ้าหวาน ไม่มีน้ำตาลค่า ส่วนใครอยากลองต้มน้ำเก๊กฮวยดื่มที่บ้านเอง ก็ทำได้ไม่ยากค่ะ แค่นำดอกเก๊กฮวยแห้ง มาต้มกับน้ำสะอาด เติมหวานได้ตามใจชอบเช่นกัน ถ้าอยากอัพความหอมก็อาจใส่เตยหอมลงไปด้วยก็ได้นะคะ เข้ากันสุดๆ จ้า  

TIPS 

•  วิธีต้มแบบง่ายๆ ก็แค่ล้างดอกเก๊กฮวยให้สะอาด ต้มในน้ำเดือดประมาณ 5 นาที แต่ไม่ควรต้มนาน เพราะจะทำให้มีรสขม จากนั้นปรุงรสตามชอบ 

• อยากให้น้ำเก๊กฮวยสีสันน่าทาน ลองใส่อาจใส่ลูกพุดจีนเพิ่มสีเหลืองก็ได้ค่ะ 

• ดอกเก๊กฮวยแห้งพันธุ์สีขาวจะเหมาะกับการนำมาชง/ต้มดื่มสดชื่นๆ มากว่าพันธุ์สีเหลืองซึ่งมักจะให้รสขมมากกว่า

• ผู้ป่วยโรคกระเพาะไม่ควรดื่มน้ำเก๊กฮวย เพราะจะทำให้เกิดกรดในกระเพาะเพิ่ม ซึ่งจะทำให้อาการของโรคกำเริบหนัก

3. น้ำดอกคำฝอย 

       มาต่อกันที่ ‘ดอกคำฝอย’ (Safflower) ค่ะ ไม้ล้มลุกที่ปลูกกันมากใน จ.เชียงใหม่ เจ้าดอกไม้นี้มีประโยชน์ต่อสุขภาพเพียบเลยล่ะ  จึงเป็นนิยมนำมาทำน้ำสมุนไพรดื่มกัน โดยจะใช้ดอกมาอบแห้งหรือตากแห้ง และต้มดื่มเหมือนชา จะดื่มร้อนหรือเย็นก็ได้ตามความชอบ ที่สำคัญใครอยากหาแบบสำเร็จรูปทาน ก็มีเป็น น้ำดอกคำฝอยแบบกล่องของดอยคำ เหมือนกันนะคะ สูตรไม่มีน้ำตาล หวานจากหญ้าหวาน แคลต่ำ ไม่อ้วนจ้า 

       สำหรับสรรพคุณ… อย่างที่บอกว่าเยอะมาก ไม่ได้โม้! ทั้งบำรุงหัวใจ บำรุงเลือด ลดไขมันในเลือด ช่วยขับเสมหะ และอื่นๆ อีกมากมาย แต่ใครที่กำลังตั้งครรภ์ไม่ควรดื่มนะคะ เพราะดอกคำฝอยมีสรรพคุณขับเลือดซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะแท้งบุตรได้ค่ะ 

 วิธีทำน้ำดอกคำฝอย

• ใส่น้ำลงในหม้อ ตั้งไฟแรง พอน้ำเดือดก็ใส่ดอกคำฝอยแห้งลงไป ต้มจนเดือด รอกระทั่งน้ำเริ่มเปลี่ยนสี ลดไฟอ่อนลง ต้มต่ออีกสักครู่ ยกลงจากเตา กรองเอากากออก ให้หมด

• ใส่น้ำเชื่อมลงในแก้ว คนผสมให้เข้ากัน พร้อมดื่มแบบอุ่น ๆ เป็นชาสมุนไพร หรือหากดื่มแบบเย็นก็สามารถเติมน้ำแข็งเพิ่มความสดชื่นได้

4. น้ำกระเจี๊ยบ 

       อีกหนึ่งน้ำสมุนไพรที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย นั่นคือ ‘น้ำกระเจี๊ยบ’ ค่ะ สามารถทำดื่มได้ไม่ยาก ซึ่งน้ำกระเจี๊ยบที่เราดื่มกันจะต้มจากกระเจี๊ยบแดง เป็นคนละพันธุ์กับกระเจี๊ยบเขียวที่เอามาจิ้มกับน้ำพริกค่ะ 

       ความดีงามหลักๆ ของน้ำกระเจี๊ยบ คือ มีฤทธิ์เย็น ช่วยดับกระหายได้ดีค่ะ นอกจากนี้ยังช่วย แก้ไอ ขับเสมหะได้ รวมทั้งขับปัสสาวะ ขับนิ่วในกระเพาะปัสสาวะและในไต ฯลฯ 

5. น้ำตะไคร้  

         อีกหนึ่งน้ำสมุนไพรที่หลายคนชื่นชอบ ต้องยกให้กับ ‘น้ำตะไคร้’ เลยค่ะ เป็นพืชสารพัดประโยชน์มากๆ นอกจากนำมาทำอาหารได้ มีกลิ่นหอม และยังมีสรรพคุณดีๆ เพียบ ไม่ว่าจะเป็นอุดมไอด้วยวิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตา มีแคลเซียมและฟอสฟอรัส ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน อีกทั้งยังเป็นน้ำสมุนไพรที่ดื่มแก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ขับลม ลดความดันโลหิตสูง ช่วยขับปัสสาวะ ขับเหงื่อได้ด้วย 

        นอกจากนี้ ตะไคร้ ยังเป็นพืชสวนครัว ปลูกไว้ในบ้านได้ ถ้าอยากนำมาทำ น้ำตะไคร้ ก็ตัดมาหั่นเป็นท่อนๆ แล้วต้มกับน้ำสะอาด ปรุงรสตามใจชอบได้ หรือจะหาซื้อแบบที่ตากแห้ง หรือเป็นผงมาทำทานเองก็ได้เหมือนกันค่ะ หาง่ายสุดๆ ใครที่ชอบรสเปรี้ยวลองเติมมะนาวได้นะคะ ดื่มแล้วชุ่มคอสุดๆ ค่ะ 

วิธีทำน้ำตะไคร้ :

• ต้มน้ำในหม้อ ด้วยไฟกลางจนเดือด ใส่ตะไคร้ลงต้ม ประมาณ 7-10 นาที พอมีกลิ่นหอมของตะไคร้ และน้ำเป็นสีเขียวอ่อนๆ

• ปิดไฟ แล้วกรองด้วยกระชอน เทใส่เหยือก รินใส่แก้วน้ำแข็ง ตกแต่งด้วยต้นตะไคร้ เติมน้ำเชื่อมปริมาณตามชอบ พร้อมเสิร์ฟ

6. น้ำใบเตย 

       อีกหนึ่งพืชสมุนไพรที่ขอแนะนำให้มาทำน้ำหอมๆ ทานกัน นั่นคือ ‘ใบเตย’ ค่ะ ถือว่าเป็นพืชที่มีประโยชน์มากมาย ประกอบด้วยวิตามินและเกลือแร่หลากหลายชนิด ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด บำรุงหัวใจ สมอง และยังต้านอนุมูลอิสระได้อีกด้วยจ้า ที่สำคัญเจ้าเตยหอมที่นิยมเอามาทำเป็นน้ำสมุนไพรเนี่ย หอมชื่นใจมากๆ ช่วยเพิ่มความกระปรี้กระเปร่าได้เป็นอย่างดีค่ะ 

        วิธีทำก็ง่ายมากๆ แค่หาใบเตยอบแห้งมาชงแบบน้ำชาเลยก็ได้ หรือจะต้มในหม้อเติมน้ำตาลปรุงหวานตามใจชอบก็ย่อมได้ อีกทั้งยังเป็นพืชที่นิยมปลูกไว้ในบ้านด้วยค่ะ ปลูกไม่ยาก เอามาทำประโยชน์ได้เยอะเลยด้วย

7. น้ำอัญชัน

        ไปต่อกันกับอีกน้ำสมุนไพรน่าดื่ม นั่นคือ ‘น้ำอัญชัน’ น้ำสีม่วงสวยทำจาก ดอกอัญชัน ดอกไม้ที่เรานิยมเอามาสกัดใช้สีในการผสมเพิ่มความสวยงามให้กับอาหารและขนมต่างๆ ในส่วนของน้ำสมุนไพร นั้น เราจะใช้ ดอกอัญชัน แห้งมาต้มกับน้ำสะอาด กรองแยกกากกับน้ำออกจากกัน แล้วค่อยนำ น้ำดอกอัญชัน ที่ได้ไปต้มต่อ ผสมน้ำตาลหรือน้ำผึ้งลงไปเพิ่มรสชาติ ซึ่งถ้าใครชอบเปรี้ยวหน่อยก็เติมมะนาวได้เลยจ้า

       ส่วนสรรพคุณของอัญชันมีมากมายเช่นกันค่ะ ไม่ว่าจะเป็น กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต, ช่วยทำให้ผมดกดำ เงางาม, ช่วยบำรุงสายตา, แก้อาการเหน็บชา และช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดเส้นเลือดอุดตันได้ แต่ไม่เหมาะกับคนที่มีเลือดจางนะคะ เนื่องจากดอกอัญชันนั้นมีฤทธิ์ในการละลายลิ่มเลือดค่ะ  

8. น้ำแปะก๊วย 

         อีกหนึ่งพืชสมุนไพรที่เราคุ้นเคยนั่นคือ 'แปะก๊วย' เป็นพืชที่มีวิตามินและแร่ธาตุสูง ไม่ว่าจะเป็น วิตามินบีต่างๆ แมงกานีส โพแทสเซียม แคลเซียม ธาตุเหล็ก ฯลฯ จึงทำให้มีสรรพคุณช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ต้านอนุมูลอิสระ บำรุงสมอง ช่วยให้ความจำดีขึ้น อีกทั้งยังมีฤทธิ์ยับยั้งการเสื่อมของสมองด้วยค่ะ 

         สำหรับ 'น้ำแปะก๊วย' จะใช้ใบแปะก๊วยแห้งมาต้มกับน้ำสะอาด เคี่ยวไฟอ่อน ดื่มเป็นชาค่ะ หรือใครอยากทานง่ายๆ ลองเป็นน้ำใบแปะก๊วยผสมหล่อฮังก้วย สูตรไม่เติมน้ำตาล  ของดอยคำได้ค่ะ หาทานง่าย เราชอบมาก หวานอร่อย ไม่อ้วนด้วย 

9. น้ำมะรุม 

         มาที่ ‘มะรุม’ กันบ้างค่ะ เป็นพืชพื้นบ้านที่มีประโยชน์ สามารถรับประทานได้แทบทุกส่วน อุดมไปด้วยสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุสำคัญหลายชนิด เช่น วิตามินเอ วิตามินซี โปรตีน หรือธาตุเหล็ก จึงทำให้มีประโยชน์เพียบ! 

        ทั้งช่วยในเรื่องระบบไหลเวียนโลหิต ลดระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด บรรเทาอาการปวด รักษาอาการหวัด บำรุงสายตา ผิวพรรณได้อีกด้วย และว่ากันว่ามีฤทธิ์ต้านมะเร็งด้วยค่ะ ซึ่งการทำเป็นน้ำสมุนไพรก็นำส่วนเมล็ดที่ตากแห้งมาต้มกับน้ำสะอาดดื่มได้ง่ายๆ เลยค่ะ แต่ก็มีข้อควรระวังในการทานนะคะ สำหรับผู้ป่วยโรคเลือด หญิงตั้งครรภ์ และผู้ป่วยโรคเกาต์ ไม่ควรรับประทานค่ะ เพราะมะรุมเป็นพืชร้อนและมีโปรตีนสูง อาจไม่เป็นผลดีค่ะ  

10. น้ำหญ้าหนวดแมว 

         ปิดท้ายกันที่  ‘หญ้าหนวดแมว’ (Cat's Whiskers) ค่ะ สมุนไพรนี้เป็นไม้ล้มลุกขนาดเล็ก ออกดอกเป็นช่อสีขาวหรือม่วง มีเกสรยาวๆ ออกมาคล้ายกับหนวดแมว มีชื่อเรียกอื่นๆ อีกเช่น พยับเมฆ, อีตู่ดง และบางรักป่า  ช่วยลดความดันโลหิตและลดภาวะหลอดเลือดหดตัวได้ และช่วยให้น้ำตาลในกระแสเลือดลดลง อีกทั้งยังมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ จึงขึ้นชื่อในเรื่องการใช้รักษานิ่วและโรคทางเดินปัสสาวะ

Image by pisauikan from Pixabay

         ส่วนใบคือส่วนที่ใช้เป็นยาได้ค่ะ โดยนำไปล้างและตากในที่ร่มให้แห้ง หรือทำการอบ จากนั้นก็เอามาต้มหรือชงเหมือนชงชาดื่มได้ค่ะ แต่เราซื้อได้มาแบบเป็นผงชงดื่มได้ทันทีค่ะ มีรสหวานมาแล้วเบาๆ ดีงามมากๆ   

ขอบคุณข้อมูลจาก

www.honestdocs.co 

www.thaihealth.or.th

https://shopee.co.th/guru_tea 

https://shopee.co.th/rungtiplak

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0