โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

1 เม.ย.2546 นาฏกรรมอำลาบนชั้น 24 ของพระเอกโปเยฯ

คมชัดลึกออนไลน์

อัพเดต 31 มี.ค. 2563 เวลา 22.40 น. • เผยแพร่ 31 มี.ค. 2563 เวลา 19.00 น.

********************************

วันนี้เมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงเย็นของวันที่ 1 เมษายน 2546 วันที่ใครๆ เรียกมันว่า "วันโกหกโลก" หรือ April fool's day หลายคนที่เป็นแฟนหนังพระเอกดังคนนี้คงอยากให้มันเป็นแค่เรื่องโกหก

กับข่าวร้ายช็อคโลกที่ "เลสลี่ จาง" ผู้ซึ่งเป็นนักร้องและนักแสดงชาวฮ่องกงที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก ตัดสินใจทิ้งตัวเองลงมาจากชั้น 24 ของโรงแรมแห่งหนึ่งใจกลางเกาะฮ่องกง และสิ้นใจอยู่ตรงนั้น

วันนี้ในอดีตมาย้อนรอยรำลึกถึงเขาอีกครั้ง

เด็กที่ขาดรัก

เลสลี่ จาง หรือ "จางฟะฉุง" อีกชื่อคือ "จางกั๊วหยง" เกิดเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2499 ในเกาลูน เกาะฮ่องกง เป็นลูกคนสุดท้องในบรรดาพี่น้องทั้งหมด 10 คน โดยพี่คนที่ 9 อายุห่างกันกับเขามากถึง 8 ปี

ครอบครัวจัดว่ามีรายได้ปานกลาง โดยบิดามีอาชีพเป็นช่างตัดเสื้อ ที่สร้างตัวเองขึ้นมาจนถึงขนาดเคยตัดเสื้อให้กับบุคคลที่มีชื่อเสียงมาแล้วมากมาย เช่น วิลเลียม โฮลเดน หรือ อัลเฟรด ฮิตช์ค็อก

อย่างไรก็ดีที่สุดพ่อแม่ของเขาหย่ากันตั้งแต่ตอนที่เขายังเด็ก เรียนอยู่ที่โรงเรียน Rosaryhill School at Wanchai จนเมื่ออายุครบ 12 ปี เขาก็ถูกส่งไปเรียนที่อังกฤษ

ในวัยเด็ก เลสลี จาง เคยเผยว่า ตัวเองรู้สึกเหงามากที่ต้องถูกทิ้งให้อยู่โดดเดี่ยวกับบรรดาตุ๊กตาและของเล่นต่างๆ บิดาก็ไม่เคยควบคุมอารมณ์ตนเองได้เลย ชีวิตในครอบครัวเต็มไปด้วยการทะเลาะเบาะแว้งและการใช้อารมณ์ เขาจึงโตมาด้วยยายเป็นผู้เลี้ยงดู

สมัยอยู่อังกฤษ

ที่สุดในช่วงวัยรุ่น เลสลี จาง เข้าศึกษาด้านสิ่งทอที่มหาวิทยาลัยลีดส์ ประเทศอังกฤษ ความหวังตั้งใจที่จะสืบทอดกิจการของครอบครัว แต่ขณะที่อยู่อังกฤษเขาก็ได้ทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์ที่ร้านอาหารของญาติใน Shouthend on Sea และหางานร้องเพลงในช่วงสุดสัปดาห์ ว่ากันว่า ชื่อ "เลสลี่" ก็มาจากตอนที่เขาอยู่อังกฤษ เพราะเขาชื่นชอบตัวละคร เลสลี่ โฮเวิร์ด มากนั่นเอง

อย่างไรก็ดี ที่สุดชีวิตในรั้วมหาวิยาลัยก็ต้องสะดุด เลสลี่ จางเรียนได้แค่ปีเดียวก็ต้องกลับอ่องกง เพราะบิดาป่วยหนัก และแม้ว่าบิดาจะมีอาการดีขึ้น แต่เขาก็ไม่สามารถกลับไปเรียนต่อได้อีก

ชีวิตแห่งแสงสี

ด้วยใบหน้าหล่อเหลา ที่สุด เลสลี่ จาง ได้มีโอกาสเริ่มต้นอาชีพวงการบันเทิงตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 1970 ด้วยการเข้าประกวดร้องเพลง จัดโดยค่ายสถานีโทรทัศน์เอเชียเทลิวิชันฮ่องกง หรือ RTV (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น ATV)

จางได้รางวัลชนะเลิศอันดับ 3 และได้เซ็นสัญญาเป็นนักแสดงในสังกัดของค่ายโทรทัศน์เอเชียเทลิวิชันฮ่องกง หรือ RTV ดังกล่าว

ต่อมาได้ออกอัลบั้มเพลง และมาประสบความสำเร็จอย่างสูงในช่วงต้นยุค 80s มีผลงานเพลงโด่งดังมากมาย เป็นหนึ่งในราชาเพลงป็อปของเกาะฮ่องกงในยุคนั้น ทั้งยังโด่งดังเป็นที่ยอมรับในวงการเพลงทั่วเอเชียเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ต่อมาเขายังได้รับยกย่องเป็นหนึ่งใน 10 นักร้องชายเพลงจีนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบ 30 ปี (ทศวรรษ ที่ 70s 80s และ 90s) ของเกาะฮ่องกง ร่วมกับ แซม ฮุย (Samuel Hui), หลอ เหวิน , อลัน ทัม, หลิว เต๋อหัว , จาง เซียะโหย่ว, หลี่ หมิง, กัว ฟู่เฉิง, เฉิน อี้ซวิ่น และหว่อง กาเค่ย นักร้องนำวง Beyond

นอกจากนี้ เลสลี่ จาง เคยมาโปรโมตผลงานเพลง ในประเทศไทย ที่โรงแรมมณเฑียร กรุงเทพมหานคร เมื่อปี พ.ศ. 2525 อีกด้วย

ส่วนผลงานทางด้านการแสดง เลสลี จาง เริ่มต้นจากการแสดงละครซีรีส์ให้กับค่ายที่เขาสังกัดนั่นแหละ มีผลงานซีรีส์โดดเด่นในเรื่อง นักสู้ผู้พิชิต (1978) หลังจากนั้นเข้าสู่วงการภาพยนตร์ด้วยภาพลักษณ์ "เด็กเสเพล" หรือ "แบดบอย" มีผลงานภาพยนตร์โด่งดังหลายเรื่อง เช่น โหด เลว ดี ภาค 1, ภาค 2 (1986/1987) ผลงานกำกับของจอห์น วู ร่วมแสดงกับนักแสดงชั้นนำอย่าง โจว เหวินฟะ, ตี้หลุง

แต่ภาพยนตร์ที่ทำให้เขาโด่งดังมากๆ โดยเฉพาะในบ้านเรา คือ ภาพยนตร์จีนเรื่อง "โปเยโปโลเย เย้ยฟ้าแล้วก็ท้า ภาค 1" (1987) ที่แสดงคู่กับ หวัง จู่เสียน และยังมี ภาค 2 ตามมาในปี 1989

ดราม่าแห่งชีวิต

แฟนคลับ เลสลี่ จาง อาจเคยชินกับภาพของผู้ชายหน้าสวย ตาเศร้าๆ และอิริยาบถเหงาๆ จากบรรดาภาพยนตร์ที่เขารับแสดงมากมายในยุคหลังๆ เช่น ภาพยนตร์แนวอาร์ตเหงาๆของผู้กำกับ หว่อง คาไว อย่าง วันที่หัวใจกล้าตัดเส้นขอบฟ้า (1991), โลกนี้รักใครไม่ได้นอกจากเขา หรือ Happy Together 1997 โดยแสดงบทเกย์คู่กับเหลียง เฉาเหว่ย เป็นต้น

ช่วงปี 1995 เลสลี่ จางได้แต่งเพลงให้กับภาพยนตร์เรื่อง The Phantom Lover ในฐานะนักแต่งเพลง งานนี้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Best Movie Award 4 รางวัล ในงาน Golden House Film Festival รวมถึงได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Best Film Song อีกด้วย

แต่ก็ยังมีบทบาทการแสดงที่ทำให้เลสลี จาง ได้รับการกล่าวขานอย่างมากคือ การรับบทเป็น "เตี่ยอี๋" นักแสดงอุปรากรจีนที่เป็นรักร่วมเพศ จากผลงานของผู้กำกับ "เฉิน ข่ายเกอ" ในภาพยนตร์เรื่อง หลายแผ่นดินแม้สิ้นใจก็ไม่ลืม (Farewell My Concubine , 1993)

Farewell My Concubine

อย่างที่เห็นว่า เลสลี่ จาง สามารถเข้าถึงบทบาทจนตีบทแตกกระจุย ภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จอย่างมากได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม และเขาได้รับยกย่องว่า เป็นนักแสดงยอดฝีมือของวงการหนังจีนฮ่องกงและเอเชีย

กระทั่งที่สุด ข่าวที่สั่นสะเทือนวงการบันเทิงฮ่องกงก็เกิดขึ้น เมื่อในปี ค.ศ. 2000 เลสลี่ จาง เปิดเผยว่าตนเองเป็นเกย์ รวมทั้งแต่งตัวเป็นผู้หญิงในการร้องเพลงบนเวทีคอนเสิร์ตของเขาอีกด้วย

งานนี้เราคงไม่ต้องถามเลยว่าตอนที่เลสลี่ จางมีอายุ 22 ปี เขาเคยขอ "เหมา ซุ่นหวิน" หรือ Teresa Mo อดีตแฟนสาวแต่งงาน เพราะยังไงข่าวเม้าท์ที่ว่าเขาทำเพื่อสร้างกระแสกลบข่าวการเป็นเกย์ของเขาคือเรื่องจริง ซึ่งที่สุดกับเทเรซ่าก็เลิกรากันไป แต่ก็ยังเป็นเพื่อนสนิทที่ดีต่อกันอยู่ จากนั้นเลสลี่ จางก็ไม่เคยคบกับผู้หญิงอีกเลย

อย่างไรก็ดีต่อมาจางก็ได้เปิดตัวว่าเขาคบอยู่กับชายหนุ่มที่ชื่อ Daffy Tong

กับ Daffy Tong

ฉากสุดท้าย

หลังจากนั้น เราก็มาได้ยินข่าวร้ายว่า เลสลี่ จาง เสียชีวิตอย่างกะทันหันจากการทำอัตวินิบาตกรรม ด้วยการกระโดดลงมาจากชั้น 24 ของโรงแรมแมนดาริน โอเรียนทัล ใจกลางฮ่องกง เมื่อเวลา 17.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ในวันที่ 1 เมษายน ค.ศ. 2003 (2546)

ตอนแรกทุกคนไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริงเพราะวันนั้นคือวันโกหกโลก จนกระทั่งได้รับการยืนยันจึงช็อคไปตามๆ กัน

หลายคนพยายามเชื่อมโยงหาสาเหตุ บ้างก็ว่ามีสาเหตุจากความรักที่ไม่สมหวัง

แต่ข่าวช่วงนั้น ทางครอบครัวออกมาระบุว่าจางฆ่าตัวตายมีสาเหตุมาจาก "โรคซึมเศร้า" ที่เจ้าตัวต้องทนทุกข์ทรมานมานานหลายปี รักษาอาการมาร่วมปีกว่าแต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาดีขึ้นมาเลย

ที่สำคัญ นี่ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะเขาเคยพยายามที่จะฆ่าตัวตายมาแล้วครั้งหนึ่งในปี 2545 แต่ทำไม่สำเร็จ จนมาถึงวันนี้

มีรายงานว่า ก่อนเสียชีวิต จางได้เขียนจดหมายไว้ว่า "ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคน ขอบคุณศาสตราจารย์ Felice Lieh-Mak (จิตแพทย์ที่รักษาจาง) ปีนี้มันยากมากสำหรับผม ผมจึงไม่สามารถที่จะยืนหยัดได้อีกต่อไป ขอบคุณถังถัง (คนรัก) ขอบคุณครอบครัวและพี่สาว อาเฟย ในชีวิตผมไม่เคยทำอะไรแย่ๆเลย แต่ทำไมผมถึงต้องมาเจออะไรแบบนี้"

ขณะเดียวกัน หมิงเป้ารายสัปดาห์ ได้เปิดเผยถึงบทสัมภาษณ์ของ อัลเฟรด ม็อก อินทีเรียดีไซน์เนอร์ เพื่อนสนิทที่เป็นคนสุดท้าย ซึ่งมีโอกาสได้พูดคุยกับ เลสลี่ จาง เป็นเวลาถึง 3 ชั่วโมง

ข่าวระบุว่า เลสลี่ จาง สั่งสปาเก็ตตี้ และดูมีท่าทางอยากอาหารดี เพื่อนของเลสลี่จางเล่าว่าวันนั้นดาราดังมาขอเลขบัตรประชาชนของตนเอง จึงได้ทราบว่า เลสลี่ จาง ต้องการนัดพบเขาในครั้งนั้น ก็เพราะต้องการเลขบัตรประชาชนสำหรับการเขียนพินัยกรรม

จากนั้นยังเล่าว่าระหว่างมื้ออาหาร เลสลี่ เอ่ยปากถามความเห็นขึ้นมาว่า จะทำอย่างไรหากทราบว่าตัวเองป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่ได้ อัลเฟรด ม็อก ก็ตอบว่าเขาจะกินยานอนหลับ

แต่จางกลับตอบมาว่า "ผิดแล้วล่ะ ถ้าจะตาย ง่ายที่สุดก็คือกระโดดลงมาจากตึกไงล่ะ" แถมอยู่ๆ ยังพูดขึ้นมาอีกด้วยว่า "โรงแรมนี้หน้าต่างเปิดไม่ได้นะ" จนกระทั่งมาเกิดเรื่องร้ายขึ้น

อย่างไรก็ดียังมีมุมเกี่ยวกับเรื่องงาน ซึ่งจางมีแผนที่จะกำกับหนังว่าด้วยเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับเกาะชิงเต่าในปี 1939 แต่ต่อมาเกิดปัญหาขึ้น ทำให้โปรเจ็คหนังเรื่องนี้ต้องสะดุดลง และเป็นสิ่งที่ทำให้เขาต้องผิดหวังมาก

ก็ไม่รู้ว่าสาเหตุที่แท้จริงคืออะไร และคงป่วยการจะหาคำตอบในเมื่อเขาได้โบยบินลงจากชั้น 24 จากไปแล้ว ทุกวันนี้เมื่อถึงวันที่ 1 เมษายน ของทุกๆปี ที่ฮ่องกงจะมีการจัดงานรำลึกถึงการจากไปของเลสลี่ จาง เสมอที่หน้าโรงแรมแมนดาริน โอเรียนทัล เกาะฮ่องกง

เลสลี่ จาง จากไปในวัย 46 แต่หากวันนี้เขายังมีชีวิตอยู่ กันยายนปีนี้เขาจะมีอายุ 64 ปี

*********************************

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0