ไม่ว่าเรื่อง”ถวายสัตย์ปฏิญาณ” ไม่ว่าเรื่อง “บิณฑ์กับปัญหาน้ำท่วม ที่อุบลราชธานี” ไม่ว่าเรื่อง”รัฐธรรมนูญ”ดำเนินไปในลักษณะเป็นระเบิดเวลาในทางการเมือง
เพียงแต่เป็น “ระเบิด” อันวางเอาไว้โดย “รัฐบาล” ไม่ได้เกิดจากคนอื่น
เริ่มจาก”ถวายสัตย์ปฏิญาณ”ก็เป็นการอันอยู่ในความรับผิดชอบโดยตรงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายก รัฐมนตรี
กรณีของ”รัฐธรรมนูญ”ก็เป็นการ DESIGN เพิ้อพวกเรา
ยิ่งกรณี”น้ำท่วมใหญ่” มีความเป็นมาอย่างไรก็ให้ย้อนกลับไปพิจารณาข้อความที่ บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ โพสต์ในเบื้องต้น
ก็จะเข้าใจว่าเหตุใดจึงได้”บรรลือฤทธิ์”ได้ขนาดนี้
ในระยะอันใกล้กรณีของ บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ จะกระทบต่อรัฐบาล เป็นอย่างสูง
เพียงจำนวนเงินบริจาคแตกต่างกันก็เป็นประเด็น
เพราะว่าจำนวนเงินบริจาคผ่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีจำนวน 200 ล้านกว่าบาท ขณะที่เงินบริจาคผ่าน บิณฑ์ บรรลือ ฤทธิ์ ทะยานไปแตะหลัก 400 ล้านบาท
สะท้อนให้เห็นความศรัทธา ความเชื่อมั่นต่อ บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ มีมากกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างเด่นชัด
เพียงแค่นี้กระบอกตาก็ร้อนผ่าวจากทำเนียบรัฐบาลแล้ว
ยิ่งการบริจาคยังเป็นการเลียนแบบวิธีวิทยาของ บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ยิ่งเกิดขึ้นในห้วงแห่งการประโคมเรื่องเอา”งบกลาง”ไปซื้อรถเก่าจากสหรัฐอเมริกา
อันเป็นการเกิดขึ้นขณะที่ บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ยืนแจกเงินสดๆให้กับมือของชาวบ้าน โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อุทธรณ์ว่ารัฐบาลไม่มีเงินกระทั่งต้องมีการเรี่ยไร
การเปรียบเทียบกับ”ไอ้คนที่อยู่ต่างประเทศ”จึงได้บังเกิด
จากวันที่ 16 กรกฎาคม ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นำกล่าวคำ ถวายสัตย์ปฏิญาณมาถึงวันที่ 16 กันยายน จึงเป็น 2 เดือนแห่งการตั้งรับในทางการเมือง
เป็นการตั้งรับโดยการอุ้ม”ระเบิด”อยู่ในมือ
เป็นระเบิดอันเกิดจาก”รัฐธรรมนูญ” เป็นระเบิดอันเกิดจากการประกอบสร้างขึ้นด้วยตนเอง
นี่คือชะตากรรมในห้วง 2 เดือนแรกของรัฐบาล
