โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

“BODYSLAM” เปิดตำรา ‘วิชาตัวเบา’ กับปรากฏการณ์ทางดนตรีครั้งใหม่

TheHippoThai.com

อัพเดต 27 ธ.ค. 2561 เวลา 04.59 น. • เผยแพร่ 27 ธ.ค. 2561 เวลา 13.00 น.

“BODYSLAMเปิดตำราวิชาตัวเบา’ กับปรากฏการณ์ทางดนตรีครั้งใหม่

ใกล้เข้ามาทุกขณะ สำหรับM150 Presents BODYSLAM FEST วิชาตัวเบาLIVE IN ราชมังคลากีฬาสถานคอนเสิร์ตใหญ่และงานเฟสติวัลที่รวบรวมทุกความเชื่อ ความฝัน ทุกการเดินทาง ทุกแรงบันดาลใจของบอดี้สแลม ที่จะเกิดขึ้น 9-10 กุมภาพันธ์ 2562 นับเป็นปรากฏการณ์ทางดนตรีครั้งสำคัญในเมืองไทย เช่นเดียวกับที่พวกเขาเคยสร้างมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง หากคุณเป็นหนึ่งคนที่กำลังนับถอยหลังด้วยความระทึกใจ เชื่อว่าการพูดคุยในครั้งนี้จะทำให้คุณระทึกใจยิ่งกว่า! ถ้าพร้อมแล้ว 5…4…3…2…1 เริ่ม!

ทำไมถึงต้อง ‘วิชาตัวเบา’ ?

ตูน: เป็นมวลความรู้สึกที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ เรารู้สึกว่าเรารับมือความดีใจ เศร้าใจ เสียใจได้ดีขึ้นกว่าแต่ก่อน อย่างเช่น เราเสียใจกับบางเรื่อง…เราก็จะไม่ฟูมฟายเหมือนเด็ก ๆ หรือในวันที่เราดีใจ…เราก็จะไม่ได้ดีใจแบบลิงโลดเหมือนเด็ก ๆ เรารู้สึกว่าเราเรียนรู้จากหลายๆ สิ่งที่เราทำหลาย ๆ งานที่ทำ

ยอด: เรารู้สึกว่าเราเบาขึ้น เราสบายขึ้น แต่เราก็ไม่ใช่กลุ่มคนที่บรรลุหรืออะไร เหมือนเราเพิ่งได้เข้ามาเรียนรู้วิชานี้ 

ทำไมเพลงส่วนใหญ่ของ“บอดี้สแลม” จึงมีเนื้อหาปวดร้าวและให้กำลังใจ?

ตูน: ก็ไม่ได้ปวดร้าวขนาดนั้นนะ (ยิ้ม) ในช่วงแรก ๆ ก็จะมีเนื้อหาของความรักมากหน่อย เหมือนความรักช่วงแรกที่ต้องเฝ้ารอ เฝ้าหา เพ้อหา หรือไม่สมหวัง มันเป็นสิ่งที่เรารู้สึกในช่วงนั้น หรือแม้กระทั่งเรื่องความฝัน ความเชื่อ แรงบันดาลใจในการต่อสู้ไปถึงจุดสำเร็จ จริง ๆ เราร้องให้กำลังใจตัวเองด้วยซ้ำในตอนแรก เราอาจจะยังไม่มีกำลังใจมากพอที่จะส่งกำลังใจไปให้คนอื่นในอัลบั้มแรก ๆ ซึ่งเราต้องการให้กำลังใจตัวเองมากกว่า เราลองเล่นเพื่อให้กำลังใจตัวเองว่าเราต้องฮึด…เราต้องสู้ ต้องตั้งใจเต็มที่แล้วก็ฝ่าฟันไปให้ได้ ในอัลบั้มแรก ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นการบอกตัวเองหรือแม้กระทั่งอัลบั้มหลัง ๆ ที่เกี่ยวกับความฝันหรือความเชื่อ มันก็คือสิ่งที่เราก็พร่ำบอกตัวเองนั่นแหละ แต่พอคนอื่น แฟนเพลงได้ยินแล้วเขารู้สึกไปด้วย ผมว่ามันกลายเป็นเรื่องที่ดีที่สุดจากการทำเพลง ที่เราตั้งใจทำบอกตัวเองในตอนแรก

บอดี้สแลมมีการให้กำลังใจกันเองบ้างไหม?

ตูน : บ่อยนะครับ ทุกครั้งที่มีปัญหา หรือแม้กระทั่งก่อนการแสดง ก็จะมีการให้กำลังใจซึ่งกันและกัน มีการปลุกเร้าให้เต็มที่ (หัวเราะ) ว่าโชว์วันนี้ยังมีคนที่มาดูเราเป็นครั้งแรก หรือแม้กระทั่งปัญหาชีวิตของแต่ละคนเราก็มานั่งคุยกัน หรือปัญหาในวงก็ตามที เราก็พยายามคุยกันในเชิงบวก

ปิ๊ด : ปกติมีการบูมเป็นพิธีกรรมของวงก่อนขึ้นคอนเสิร์ต (หัวเราะ) เพื่อกระตุ้นให้เรารู้สึกสดใหม่กับการแสดงของเราตลอดเวลา ถึงแม้สคริปต์บนเวทีทุกอย่างจะเหมือนเดิม แต่แต่ละที่ที่เราไปเล่นมันแตกต่างกัน บางวันเราอาจจะเล่นเพลงนี้หรือไม่เล่นเพลงนี้ ก็จะมีมานั่งคุยกันว่าจะเพิ่มหรือลดอะไร และปิดท้ายด้วยการบูม เหมือนเด็กมัธยมก่อนลงสนามบอล 

อะไรคือแรงบันดาลใจในการทำเพลงของ“บอดี้สแลมตั้งแต่วันแรกมาจนถึงทุกวันนี้?

ตูน : ตั้งแต่อัลบั้มแรก เราต้องการที่จะพูด เล่น ร้อง ในสิ่งที่เราเป็นและสิ่งที่รู้สึกในช่วงเวลานั้น  แต่ละอัลบั้มเราอยากให้มันเป็นบันทึกของวงว่าช่วงนั้นเรารู้สึกนึกคิดอะไรอยู่ ตอนนั้นเราชอบเล่นหรือชอบฟังอะไรแบบไหน เราก็คิดว่านั่นแหละเป็นจุดเริ่มต้นของการทำแต่ละอัลบั้ม เราตั้งใจให้มันออกมาตามจริงที่สุด เพราะเป็นเหมือนบันทึกเรื่องราวของวง

ตอนอัลบั้มแรก เรายังอายุยี่สิบต้น ๆ ยังครุกรุ่นอยู่กับเรื่องความรัก เราก็สื่อสารแบบนั้น มันอาจจะไม่ได้เท่นัก แถมยังดูหวานเลี่ยน แต่เรารู้สึกว่ามันเป็นเพลงของเรา ที่เราอยากจะถ่ายทอด ถ้าเรารู้สึกอินกับเรื่องพวกนี้ ทำไมเราถึงจะไม่ร้องมันออกมาล่ะ? อัลบั้มที่ผ่านมามันก็อาจจะมีมุมของความเป็นผู้ใหญ่ที่มากขึ้น หรือมิติที่มันลึกขึ้น พูดเรื่องความรักน้อยลง เพราะพูดไปเยอะแล้ว เราก็พูดเรื่องอื่นบ้าง วงบอดี้แสลมเป็นเหมือนคนคนหนึ่งที่มีชีวิต

อะไรคือความฝันของ“บอดี้แสลม” ? 

ตูน : อยากให้บอดี้สแลมเป็นแบบนี้ แล้วก็เป็นนานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ นานที่สุดไม่เท่าไหร่ แต่ต้องนานอย่างมีแรงบันดาลใจ อย่างมีพลังงานอยู่ สมมติเราอายุ 50-60 ปี เราเล่นแล้วยังมีเด็ก 17-18 มาฟังเรา ถ้าเพลงตอนนั้นของเรายังสามารถสื่อสารกับเขาได้ เขาได้แรงบันดาลใจจากคอนเสิร์ตของเรา ผมว่าอันนี้คือความฝันที่เราอยากให้มันเป็น คือเราเป็นวัยรุ่นตลอดเวลา

ชัช : ตอนนั้นคนอาจจะตะโกนเรียกน้าตูน น้าตูน (หัวเราะ)

 แล้วคนที่ชีวิตขาดแรงบันดาลใจมีคำแนะนำอะไร? 

โอม : ต้องเดินทางต้องออกไปเจออะไรใหม่ ๆ บ้าง บางทีอยู่กับที่แล้วมันไม่เกิดแรงบันดาลใจ บางทีเราอาจจะเจอแรงบันดาลใจสิ่งใหม่ ๆ ดีกว่าการตื่นมาเจออะไรเดิม ๆ การเดินทางไม่ได้หมายถึงท่องเที่ยวอย่างเดียว บางทีการเปลี่ยนงาน เปลี่ยนสถานที่ทำงาน มันก็อาจจะทำให้เราได้เริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงจากสิ่งรอบตัวบ้าง การไปเริ่มต้นจากข้างในใจ น้ำมันใจมันอาจจะหมดแล้ว บางทีเราต้องเริ่มต้นจากข้างนอกบ้าง 

ตูน : อีกอย่างคือ เพื่อนสำคัญที่สุด คนรอบข้างสำคัญที่สุด ลองมองหาคนที่สามารถไปบอกเล่าหรือขอคำปรึกษาจากเขาได้ 

ที่ผ่านมา“บอดี้สแลมก้าวข้ามอุปสรรคมาด้วยความคิดแบบไหน?

ตูน : หลายคนอยากไปสู่ฝันที่เป็นงานชิ้นใหญ่ แต่ทำยังไงให้ไปสู่จุดนั้นได้ สุดท้ายสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการทำงานมาเกือบยี่สิบปี บอกได้เลยว่ามันไม่มีก้าวยาว ๆ ก้าวเดียวที่จะไปสู่จุดนั้นได้เลย มันประกอบไปด้วยก้าวแรก ๆ เล็ก ๆ ที่มีจริง ที่มันประกอบกันไปจนเป็นฝันชิ้นใหญ่ที่มันดูเกินจริง 

ชัช : สุดท้ายมันประกอบไปด้วยก้าวเล็ก ๆ ที่เราทำมันด้วยความสนุกสนาน ที่เราทำมันด้วยแรงบันดาลใจดี ๆ อาจจะเหน็ดเหนื่อยบ้าง ท้อบ้าง ต้องให้เวลากับมัน 

ตูน : ผมว่าก้าวเล็ก ๆ อย่างมีความสุข อย่าไปคาดคั้นถึงความสำเร็จชั่วข้ามคืน เพราะมันไม่มีหรอก ให้เวลากับมันสุดท้ายแล้วพอย้อนมามองสิ่งที่เราก้าวมา เราจะมองมันด้วยความรู้สึกว่า เราก้าวมาขนาดนี้แล้วเหรอ เพราะเราก้าวมาด้วยความสุขและความสนุกต่างหาก เพราะพวกเราเอง ตลอดเวลาที่ทำงานมา ก็ค่อย ๆ แต่งเพลงทีละท่อน ทีละเพลง ทำแต่ละวันให้มันดีที่สุด เราไม่ได้มีภาพของคอนเสิร์ตที่ราชมังคลากีฬาสถานในตอนแรกที่เราเริ่มประกวด เราไม่ได้มีความสำเร็จเป็นตัวตั้งแล้วคาดคั้นกับความสำเร็จนั้น  เราแค่อยากสนุกกับแต่ละท่อนกีต้าร์ที่จะได้เล่น ท่อนคีย์บอร์ด ท่อนเบส แล้วมันก็พามาถึงจุดนี้

คอนเสิร์ตครั้งนี้“บอดี้แสลมจะสร้างแรงบันดาลใจอะไรให้กับแฟนบ้าง?

ตูน : คิดว่าจะขึ้นไปสนุกที่สุดกับคอนเสิร์ต กับเพลง กับแฟนเพลง ส่วนใครจะเก็บเกี่ยวความรู้สึกอะไร จากเพลงไหน หรือมีประสบการณ์ร่วมกับเพลงไหน ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของทุกคน แต่ในวันนั้นเราทุกคนบนเวที ใส่เต็มที่สุดชีวิตแน่นอน เพราะกินเวลามา 8-9 ปีแล้ว นับจากครั้งก่อนที่เราได้เล่นที่สนามราชมังคลาฯ เราโหยหาความรู้สึกนั้น เราใส่เต็มที่แน่นอน

คอนเสิร์ตสองรอบจะต่างกันอย่างไร?

ปิ๊ด : หนึ่งคือความตื่นเต้นของพวกเราเอง ผมเชื่อว่าจะมีแฟนเพลงบอดี้แสลมมาเชียร์พวกเราทั้งสองรอบ เราอยากจะให้มีความพิเศษกับโชว์ทั้งสอบรอบนี้ มันมีบางส่วนที่ต่างกัน ให้คนที่มาดูทั้งสองรอบได้สัมผัสอะไรที่แตกต่างกัน เชื่อว่าคนที่มาดูรอบแรกหลายคนจะอยากมาดูรอบสองอีก

 

ขอบคุณสถานที่:  kandeeztudio

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0