โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

“7,500 ล้านบาท” ทำอะไรได้บ้าง ถ้าไม่แจกบัตรคนจน!

Another View

เผยแพร่ 18 ธ.ค. 2561 เวลา 05.00 น.

“7,500 ล้านบาททำอะไรได้บ้างถ้าไม่แจกบัตรคนจน!

จากข่าวที่มีคนไปต่อแถวหน้าตู้ ATM เพื่อกดเงินจาก ‘บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ’ หรือ 'บัตรคนจน' ตามมาตรการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในช่วงปลายปีให้แก่ผู้มีรายได้น้อย 14.5 ล้านคน เป็นจำนวน 500 บาทต่อคน พร้อมกับภาพบรรดาพ่อค้าแม่ค้าขายลอตเตอรี่ ที่ตั้งแผงรอให้คนที่มีสิทธิใช้ ‘บัตรคนจน’ ได้เอาเงินสนับสนุนนั้นมาลงทุนในช่วงวันที่ 8 - 10 ธันวาคมที่ผ่านมา 

ทำให้เกิดข้อสงสัยขึ้นในวงกว้างขึ้นมาว่า แท้จริงแล้ว หากเรานำงบประมาณที่คิดเป็นตัวเลขกลม ๆ ได้ประมาณ 7,500 ล้านบาท (จริง ๆ มีมากกว่านี้ แต่เพื่อขอคิดเฉพาะเหตุการณ์นี้โดยเฉพาะให้ง่ายต่อการคำนวน) รวมเป็นเงินก้อนใหญ่ แล้วนำไปใช้เพื่อ ‘สวัสดิการ’ ด้านอื่น ๆ จะนับว่าเป็นการลงทุนที่ดีกับประชาชนในระยะยาวได้มากกว่าหรือไม่ 

วันนี้เราลองยกตัวอย่างแบบง่าย ๆ ให้พอเห็นภาพว่าเราสามารถเปลี่ยนเงินจำนวน 7,500 ล้านบาท ที่แจกอย่างกระจัดกระจายในครั้งเดียว ให้เป็นงบประมาณเพื่อพัฒนาระบบสาธารณูปโภคที่ครอบคลุมมากกว่าได้อย่างไรบ้างมาให้ดูกัน

1. รถเมล์และระบบการขนส่งมวลชนขั้นพื้นฐาน

เราสามารถซื้อ "รถเมล์ไฟฟ้า (EV)"  ที่มีราคาเฉลี่ยคันละ 10 ล้านบาท ได้  750 คัน ซื้อ"รถเมล์ไฮบริดดีเซล-ไฟฟ้า" ราคาคันละ 5 ล้านบาท ได้ 1,500 คัน ซื้อ "รถเมล์ปรับอากาศ" ราคาคันละ  4.5 ล้านบาท ได้ 1,600 คัน ซื้อ "รถเมล์ร้อน" ราคาคันละ 3.5 ล้านบาท ได้ 2,100 คัน 

และถ้าขยับออกไปที่ระบบการขนส่งที่กว้างกว่านั้น เราจะสามารถซื้อ "หัวรถจักร" เพื่อพัฒนาระบบการเดินทางทั่วประเทศโดยรถไฟ ที่มีราคาคันละ 150 ล้านบาท ได้ 50 คัน 

2. อุปกรณ์การแพทย์ 

หากคิดตามโครงการ ‘ก้าวคนละก้าวเพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ’ ของ “ตูน บอดี้สแลม” ที่มียอดเงินบริจาคจากคนทั่วประเทศมากถึง 1.4 พันล้านบาท หากแบ่งเงินอุดหนุนบัตรคนจนรอบล่าสุด เท่ากับว่าเราจะประหยัดแรงวิ่งของตูนได้มากถึง 5 ครั้ง 

หากเจาะลงไปที่อุปกรณ์ทางการแพทย์อย่างเดียว เราจะสามารถซื้ออุปกรณ์ที่ขาดแคลนและจำเป็นต้องซื้ออย่างเร่งด่วน เช่น "เตียงผู้ป่วย และโคมไฟผ่าตัด" ราคาชุดละ 3 ล้านบาท ได้ 2,500 ชุด"เครื่องตรวจอวัยวะภายในด้วยคลื่นความถี่สูงระบบดิจิตอล" ราคาเครื่องละ 2 ล้านบาท จำนวน 3,750 เครื่อง, "เครื่องให้การรักษาด้วยคลื่นช็อคเวฟ" ราคาเครื่องละ  800,000 บาท ได้  9,500 เครื่อง,"ตู้อบเด็กแบบเคลื่อนย้าย" ราคาเครื่อง  650,000 บาท ได้  11,000 เครื่อง, "เครื่องช่วยหายใจ" ราคาเครื่องละ  400,000 บาท ได้ 18,750 เครื่อง ฯลฯ

3. ทุนการศึกษา 

คิดอย่างง่ายและพื้นฐานที่สุด โดยให้การเลี้ยงดูคนหนึ่งตั้งแต่แรกเกิด จนได้รับการศึกษาขึ้นพื้นฐานไปจนจบระดับปริญญาตรี (โรงเรียนและมหาวิทยาลัยรัฐ)  มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่คนละประมาณ 2.5 ล้านบาท เท่ากับว่า เราจะสามารถส่งเสียให้เด็ก ๆ ที่จะเข้ามาเป็นอนาคตของชาติจบการศึกษาเพื่อออกไปเป็นบุคลากรพัฒนาประเทศด้านต่าง ๆ ได้มากถึง 3,000 คน 

4. เจ้าหน้าที่ลาดตระเวนของกรมป่าไม้ 

จากข่าวการเข้าไปล่าเสือดำในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ที่นอกจากทำให้คนส่วนใหญ่เกิดความรู้สึกโกรธแค้นและเจ็บปวดแทนสัตว์ที่ต้องสละชีวิตอย่างเปล่าประโยชน์ กรณีนี้ยังก่อให้เกิดคำถามสำคัญที่ว่า เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนในพื้นที่ต่าง ๆ ที่ดูเหมือนว่าจะมีจำนวนน้อยเหลือเกิน หากเทียบกับพื้นที่ป่าอันกว้างใหญ่ไพศาล และบรรดา ‘นักล่า’ ที่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน 

กรณีนี้ หากคิดจากการรับสมัครงานในตำแหน่ง "เจ้าหน้าที่ลาดตระเวน" ของสัตว์ป่าในทุ่งใหญ่นเรศวร ฝั่งตะวันออก  ที่มีอัตราเงินเดือนเริ่มต้นอยู่ที่ 7,500 บาท (ปีละ 90,000 บาท)  เท่ากับว่าเราจะสามารถจ้างเจ้าหน้าที่มาคอยดูแลสวัสดิภาพของสัตว์ป่าทั่วประเทศเป็นเวลาอย่างน้อย 10 ปี ได้มากถึง 75,000 คน!  

 5. สนับสนุนภาพยนตร์คุณภาพสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทย  

พักจากเรื่องเครียด ๆ มาที่เรื่องความบันเทิงกันบ้าง หากนำเงินจำนวน 7,500 ล้านบาท มาสนับสนุนการสร้างภาพยนตร์ที่ ‘ว่ากันว่า’ สามารถสร้างค่านิยมความรักชาติได้ดีที่สุดอย่าง "ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช" จำนวน 6 ภาค ที่มีทุนสร้างทั้งหมด 700 ล้านบาท ได้มากถึง 10 ครั้ง 

สร้างภาพยนตร์อย่าง "ฉลาดเกมส์โกง" ที่ออกไปสร้างชื่อเสียง กวาดรายได้และคำชมจากต่างประเทศ ที่มีทุนสร้างเพียงแค่  60 ล้านบาท ได้มากถึง 150 เรื่อง สร้างภาพยนตร์อย่าง "องค์บาก" ที่ทำให้ชาวต่างชาติรู้จักมวยไทย ที่มีทุนสร้างประมาณ 30 ล้านบาท ได้  250 เรื่อง

และสามารถสร้าง "ไทบ้านเดอะซีรีส์" หนังพื้นฐานสุดคลาสสิก ที่ดีทั้งในแง่ความบันเทิงและการแสดงออกให้เห็นถึงวัฒนธรรมพื้นบ้านที่น่าสนใจ โดยมีทุนสร้างภาคหนึ่งเพียงแค่  2 ล้านบาท ได้มากถึง  3,750 เรื่องเลยทีเดียว

6. รถถังและนาฬิกาหรู 

ตัดมาที่การใช้งบประมาณที่กองทัพบกมองว่าเพื่อประโยชน์ในความสงบสุขของคนทั้งประเทศในอนาคต ด้วยการซื้อ "รถถังหลักรุ่น VT4" จากประเทศจีนในราคาคันละ 178 ล้านบาท ได้มากถึง 42 คัน ซื้อ "เฮลิคอปเตอร์ แบล็คฮอว์ก" จากสหรัฐอเมริการาคา ลำละ 750 ล้านบาทได้ 10 ลำ 

แต่ซื้อ "เรือดำน้ำS26T" จากจีนราคาลำละ12,000 ล้านบาทไม่ได้สักลำ! 

และสุดท้ายลองคิดแบบคนใจกว้างผู้มากบารมี เราจะสามารถซื้อนาฬิกา"Richard Mille รุ่น RM30" สุดหรู ที่ราคาเรือนละประมาณ 3.5 ล้านบาท เอาไว้ให้เพื่อนๆ ยืมไปใส่โชว์ออกมางานได้มากถึง 2,142 เรือนได้อย่างสบายใจ 

สุดท้ายเราขอฝากตัวเลขสถิติที่น่าสนใจ เกี่ยวกับนโยบายสนับสนุนคนจนว่า ตั้งแต่เดือน เดือนกรกฎาคม 2559 มีผู้ไปลงทะเบียนคนจน 8.3 ล้านคน และเพิ่มขึ้นเป็น 11.4 ล้านคน ในเดือน เมษายน 2560 และล่าสุดในช่วงเดือน พฤษภาคม 2561 มีผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิบัตรคนจนเพิ่มเป็น 14.5 ล้านคน 

ทั้ง ๆ ที่รัฐบาลพยายามบอกให้ทุกคนรู้ว่าเศรษฐกิจของเรากำลังดีขึ้นทุกวัน แต่กลับมีจำนวน ‘คนจน’ เพิ่มมาขึ้น 6.2 ล้านคน ภายในระยะเวลา เพียงแค่ 3 ปีที่ผ่านมา เท่ากับ ณ ตอนนี้ ประเทศของเรามีคนที่เรียกตัวเองว่า ‘คนจน’ คิดเป็นสัดส่วนมาถึง 1 ใน 5 ของประชากรทั้งหมด 

และมีทีท่าว่าจะเพิ่มมากขึ้นอย่างไม่มีวันจบ ตราบใดที่รัฐบาลยังใช้วิธีการ ‘โปรยเงิน’ ในระยะสั้นแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ 

อ้างอิง

https://www.prachachat.net/property/news-146854

https://www.thairath.co.th/content/1162277

https://www.sanook.com/news/2117814/

https://www.sanook.com/money/539465/

https://www.phenkhao.com/contents/389338

http://oknation.nationtv.tv/blog/print.php?id=1022829

https://gmlive.com/25-watches-of-prawit-wongsuwan-from-CSI-LA-social-media-inf

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0