สิบปีที่แล้ว แผ่นดินไหวครั้งรุนแรงในมณฑลเสฉวนของจีนได้ทำลายหมู่บ้านของเอ้อหม่า หนุ่มชาวเฉียงวัย 29 ปี หมู่บ้านของเอ้อหม่าเป็นหมู่บ้านเล็กๆที่ตั้งอยู่ลึกในหุบเขาทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน แต่ยิ่งไปกว่านั้น แผ่นดินไหวยังเกือบทำลายวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของผู้คนในหมู่บ้านนี้ไปด้วย
ในวันนี้ เอ้อหม่า เปิดธุรกิจอยู่ในเมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน โดยใช้อินเตอร์เน็ตและแอพลิเคชั่นมือถือเพื่อเผยแพร่ภาษาและวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์เฉียง ชนกลุ่มน้อยของจีนที่วัฒนธรรมของพวกเขาใกล้จะเลือนหายไป แต่เหตุแผ่นดินไหวกลับชุบชีวิตมันขึ้นมาอีกครั้ง
เหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2551 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหรือสูญหายรวมทั้งสิ้น 87,000 คนทั่วมณฑลเสฉวน 30,000 คนในนั้นเป็นชาวเฉียง ในขณะนั้น ผู้เชี่ยวชาญด้านวัฒนธรรมชาวเฉียงต่างกลัวว่าเหตุแผ่นดินไหวจะส่งผลกระทบต่อประเพณีและวิถีความเป็นอยู่ของชนกลุ่มน้อยของจีนกลุ่มนี้ ซึ่งเคยได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงในสมัยปฏิวัติวัฒนธรรมจีนและการเคลื่อนย้ายถิ่นฐานด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นมาเป็นเวลาหลายทศวรรษ การสูญเสียชีวิตเป็นจำนวนมากของชาวเฉียงจึงอาจหมายถึงการสูญหายไปของวัฒนธรรมเฉียงจากแผ่นดินจีน แต่ตรงกันข้าม เหตุแผ่นดินไหวกลับทำให้รัฐบาลและชาวจีนทั่วประเทศหันกลับมาสนใจใน “เฉียง” มากยิ่งขึ้น
ชาวเฉียงเป็นชนกลุ่มน้อยตั้งรกรากอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลเสฉวนและมีประวัติศาสตร์การสู้รบที่ยาวนานหลายร้อยปีกับชาวทิเบตและชาวฮั่น ซึ่งสามารถเห็นได้จากอารยธรรมการสร้างปราสาทอุโมงค์และเขาวงกต ซึ่งมีระบบปล่อยน้ำวนและที่จุดไฟขนาดใหญ่ เพื่อป้องกันศัตรูรุกราน ในขณะที่ปัจจุบัน ชาวเฉียงจำนวนไม่มากยังคงอาศัยอยู่ตามหมู่บ้านเล็กๆ ในขณะที่หลายคนได้เดินทางออกจากหุบเขาไปอยู่ในเมืองต่างๆทั่วมณฑลเสฉวน ซึ่งหลายแห่งเป็นสถานที่ที่มีผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวเป็นจำนวนมาก
หลังเหตุแผ่นดินไหว รัฐบาลจีนทุ่มงบประมาณเป็นจำนวนมากรวมถึงกำหนดนโยบายต่างๆเพื่อช่วยรักษาวิถีชุมชนของชาวเฉียง โดยรัฐบาลท้องถิ่นจีนได้ส่งเสริมให้มีการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงวัฒธรรมและการเกษตร ส่งเสริมการปลูกลิ้นจี่และเชอร์รี่ รวมถึงลงทุนก่อสร้างถนนซึ่งทำให้การเข้าถึงหมู่บ้านเพื่อรับสินค้าทางการเกษตรและการเดินทางไปเยือนเป็นไปได้สะดวกขึ้น ซึ่งทำให้ชาวเฉียงจำนวนมากโยกย้ายถิ่นฐานจากเมืองกลับสู่บ้านเกิดเพื่อทำการเกษตร
อย่างไรก็ตาม การพัฒนาที่ตามมา อาจจะทำให้วิถีชีวิตของชาวเฉียงเปลี่ยนไปสู่การเป็นวัฒนธรรมเพื่อการท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น ซึ่งเอ้อ หม่า มองว่าเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาที่จะต้องยอมรับ ตอนนี้เอ้อหม่าต้องดูแลบริษัทถึงสองบริษัทที่เขาเปิดดำเนินการขึ้นเพื่อโปรโมตวัฒนธรรมของเขาเอง บริษัทหนึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรที่ช่วยให้ชาวนาสามารถนำสินค้าท้องถิ่นไม่ว่าจะเป็นผลไม้ น้ำผึ้ง และเนื้อเป็ดไปขายในตลาดได้ ในขณะที่อีกบริษัทเน้นการใช้เว็บไซต์และพัฒนาแอพลิเคชั่นเพื่อสอนภาษาเฉียง รวมถึงถ่ายทอดวีดีโอเกี่ยวกับเต้นรำและประเพณีท้องถิ่นให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ก่อนเหตุแผ่นดินไหว ความเป็นชาวเฉียงแทบจะถูกกลืนไปกับวัฒนธรรมชาวฮั่น ชาวเฉียงน้อยคนนักที่จะพูดภาษาเฉียงและชื่อของชาวเฉียงหลายคนก็ใช้ภาษาฮั่น นอกจากนี้ หมู่บ้านชาวเฉียงที่ตั้งอยู่ไกลในหุบเขาและเข้าถึงได้เพียงการใช้ทางรถเล็กๆ ก็ทำให้ภาษาของชาวเฉียงคงอยู่และถูกใช้เพียงภายในหมู่บ้านเท่านั้น ชี่หล่า นักศึกษามหาวิทยาลัยเฉิงตูวัย 22 ปี ผู้ช่วยเอ้อ หม่า พัฒนาเว็บไซต์แนะนำวัฒนธรรมชาวเฉียงกล่าว “ถ้าไม่ใช่เพราะแผ่นดินไหว สถานการณ์ของชาวเฉียงคงจะแย่ลงกว่านี้”