โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

“เอิ้นขวัญ วรัญญา” จากเด็กขนมะพร้าว สู่นักร้อง 50 ล้านวิว ทำงานเลี้ยงทั้งบ้าน

TheHippoThai.com

เผยแพร่ 19 ต.ค. 2561 เวลา 13.00 น.

“เอิ้นขวัญ วรัญญา” จากเด็กขนมะพร้าว สู่นักร้อง 50 ล้านวิว ทำงานเลี้ยงทั้งบ้าน 

หากจะนึกถึงเพลงลูกทุ่งจังหวะสนุกๆ หนึ่งในนั้นก็คงจะเป็น “บ่กล้าบอกครู (แต่หนูกล้าบอกอ้าย)” เพลงน่ารักน่าหยิก จากเสียงร้องของ “เอิ้นขวัญ วรัญญา” ที่วันนี้เพลง “คนตอบบ่อยู่” ของเธอ โกยยอดวิวทะลุ 50 ล้านวิว ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจบจากการคุยงานกับทีมงานและครูเพลง เธอสละเวลามาเพื่อพูดคุยกับเราในวันนี้

เด็กขนมะพร้าวหัวฟู สู่ ยอดหญิงกตัญญูของครอบครัว
เราเปิดประเด็นกันด้วยเรื่องของครอบครัว ที่วันนี้ดูเหมือนเธอจะเป็นกำลังหลักสำคัญของทุกคนในบ้าน “เป็นมาตั้งแต่แรกเลยก็ว่าได้ จำได้ว่าแต่ตอนเด็กๆ เริ่มหาตังค์ได้ตั้งแต่ ป.4-5 ค่ะ ไปร้องเพลงตามวงอิเล็กโทน คือพอเรารู้ว่าตัวเองร้องเพลงได้ก็เริ่มไปกับวงโรงเรียนก่อน พอมีวงไหนอยากได้นักร้องเราก็ไป ก็เริ่มหาตังค์ตั้งแต่ตอนนั้นเลย” 
เราให้เธอลองนึกย้อนถึงโมเมนต์ที่ได้เริ่มมีรายได้เป็นครั้งแรกให้กับครอบครัว เธอเล่าว่า “ครั้งแรกที่เคยให้ตังค์แม่ครั้งแรกในชีวิต 5 บาท ตอนนั้นประมาณ 5-6 ขวบ ตอนเด็กๆ เลย แม่เล่าให้ฟังว่าเราวิ่งมาหัวฟูเลย กลับจากไปขนมะพร้าวแล้วยื่นเงินให้แม่ เรารู้สึกดีใจ เพราะตอนนั้นเด็กมาก ยังไม่มีใครหาตังค์ได้ แม้แต่กับห้าบาทสิบบาท พอไปร้องเพลงครั้งแรกได้เงินมา 50 บาท ก็ให้แม่หมดเลย ยังจำความรู้สึกได้”

พี่พิมพ์ของน้องเมย์…กับเรื่องเดียวที่ขอ
หลายคนอาจไม่รู้ว่าจริงๆ แล้ว ชื่อเอิ้นขวัญ เป็นชื่อที่ครูเพลงตั้งให้ มีความหมายเช่นเดียวกับการเรียกขวัญ ขณะที่ชื่อเล่นของเธอคือพิมพ์ พิมพ์ในฐานะพี่สาว เธอมีน้องสาวหนึ่งคนชื่อน้องเมย์ คนที่เธอผูกพันด้วยมากที่สุด “ตอนนี้ไม่ได้โฟกัสการเรียนของตัวเองเท่าไหร่ เพราะการทำงานมันทำให้เราห่างจากจุดนั้นมาเยอะพอสมควร แต่ว่าน้องยังอยู่ในช่วงที่ต้องเรียนต่อเนื่องให้จบ เราก็เลยโฟกัสที่น้องว่าเรื่องเรียนเราจะโฟกัสให้น้องก่อนดีกว่า”  เมื่อถามถึงความผูกพันที่เธอมีกับน้องสาว เธอยิ้มแล้วตอบว่า “หลายคนอาจจะไม่รู้ พูดไปแล้วก็เขิน เราเป็นคนที่รักน้องมาก จำได้ตั้งแต่เกิดมาเคยต่อว่าน้องแค่ครั้งเดียว ตั้งแต่ตอนเด็กเลย แล้วโตขึ้นมาก็ไม่เคยทะเลาะกันอะไรเลย มีแต่บ่นๆ บ้าง พอโตขึ้นก็เราอยากให้น้องมีคุณภาพชีวิตที่ดี เรารู้สึกว่าเวลาที่เราเป็นเด็กเราขาดโอกาสหลายอย่าง เราก็เลยขอเขาว่าตั้งใจเรียนให้พี่หน่อย พี่ก็เรียนไม่ค่อยเก่ง อยากให้พ่อแม่เขาภูมิใจด้วย ตัวเขาเองก็จะได้มีพื้นฐานชีวิตที่ดีในอนาคตด้วย”

หลับตานึกถึงความลำบาก แล้วลืมตาสู้ต่อ
อะไรที่ทำให้เอิ้นขวัญรู้สึกอยากตื่นมาทำงานทุกวัน? “จริงๆ เป็นคนที่ตื่นเช้ายาก (หัวเราะ) เพราะชีวิตนักร้องกว่าจะเสร็จจากงานก็ตีสองตีสาม แต่ว่าทุกครั้งที่เรานึกถึงตอนที่เราลำบาก นึกภาพตอนที่เราต้องไปเก็บของมาขายกับแม่ นึกถึงตอนที่เราไม่มีตังค์ ไม่มีงาน ไม่มีเงิน เรารู้สึกลำบากมาก แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่นึกถึงเรื่องเหล่านี้ เราก็จะลุกขึ้นมาได้” เธอตอบด้วยสายตามุ่งมั่น ก่อนที่จะเสริมว่า “เวลาที่เราได้มอบอะไรให้กับคนในครอบครัวเราก็จะมีความสุข ก็คิดว่าพอตื่นมา เดี๋ยวเราจะทำงานปุ๊บ เราจะได้พาเค้าไปกินข้าว พาไปซื้อของ มันดึงเราขึ้นมาได้ มันช่วยได้”

วิธีคิดแก้ปัญหาแบบเอิ้นขวัญ
แน่นอนว่าเมื่อกระโจนเข้าสู่โลกการทำงานแล้ว ปัญหาต่างๆ ก็กลายเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ที่ต้องเผชิญ เธอเล่าถึงวิธีรับมือว่า “จริงๆ ยอมรับว่าบางทีก็เครียดบ้าง เวลาเจอปัญหา เจอเรื่องที่ไม่ได้คาดคิด วิธีก็คือเราต้องมองภาพรวม ว่าทุกคนก็เจอปัญหาเหมือนกัน แตกต่างกันด้วยเรื่องของปัญหา แต่ว่ามันมีอุปสรรคหมด ก็จะทำใจได้ว่ายังไงก็ต้องแก้ แล้วก็ตั้งสติก่อน นึกให้ออกว่าตอนนั้นเราต้องทำอะไรก่อนอะไรหลัง ทำอะไรที่มันพอที่จะช่วยให้มันผ่านไปได้ แล้วพอมันมีวิธีการที่จะคลี่คลายปัญหาได้ เราก็แค่ต้องทำในส่วนนั้น”

อยู่กับความสำเร็จ หรือ ออกเดินทางสู่ความสำเร็จ

ในฐานะที่เป็นนักร้อง ทุกคนอยากประสบความสำเร็จ ทว่าจุดไหนที่เอิ้นขวัญมองว่าตัวเองประสบความสำเร็จ  “จริงๆ รู้สึกว่าประสบความสำเร็จตั้งแต่ 'เพลง บ่กล้าบอกครู' แล้วนะคะ ในส่วนตัวไม่เคยคิดว่ามันจะดังไปได้ขนาดนั้น เพราะตอนนั้นเราแค่รู้สึกว่าคนรู้จักเรา จากคนที่ไม่เคยมีคนรู้จักเลย ก็คือความสำเร็จแล้ว มันคือที่สุดแล้ว” 

“พอมีโอกาสได้ทำงานมันเหมือนกับเราโตขึ้นตามงาน เราไม่รู้ว่าเราจะประสบความสำเร็จไปมากกว่านี้ไหม เราจะดังกว่านี้ไหม หรือว่าวันนึงเราจะดิ่งลง หรือกราฟมันจะขึ้นจะลงเราไม่รู้ เรารู้แค่ว่าเราต้องทำให้เต็มที่ เวลาได้โจทย์เพลงอะไรมาจะตั้งใจอย่างเต็มที่ ส่วนเพลงออกมาจะดังไหมหรือผลตอบรับจะดีไหม อันนี้เป็นแฟนเพลงที่เขาจะให้คะแนนเรามากกว่า”

ตัวตนในบทเพลงของเอิ้นขวัญ

ในวงการเพลงลูกทุ่ง ครูเพลงเป็นบุคคลสำคัญที่กำหนดทิศทางของเพลงต่างๆ โดยนักร้องจะเป็นผู้ถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึก ทว่าการทำงานเพลงล่าสุดของเอิ้นขวัญกลับมีวิธีการที่แตกต่างออกไป “ช่วงแรกๆ ด้วยความที่เราเป็นเด็ก เราก็ทำเต็มที่อย่างที่ครูเพลงมอบหมาย แต่หลังครูเพลงจะเริ่มจะมีคำถามกับว่าโอเคไหม อยากได้อะไร หรือปรับเปลี่ยนอะไรไหม มันเข้ากับบุคลิกเราหรือเปล่า ดนตรีตรงนี้ได้ไหม เราก็เริ่มกล้าพูดกล้านำเสนอมากขึ้น”

เธออัพเดตผลงานล่าสุดของปีนี้ว่า “ออกมา 3 เพลงรวดเลยค่ะ เปลี่ยนวิธีการทำงานตรงที่เป็นการเริ่มต้นจากการเล่าเรื่องราวของเราให้ครูเพลงสามท่านฟัง แล้วแต่ละท่านก็ทำเพลงออกมาให้เราร้อง มี "เพลงฝากเบิ่งแนเด้อ คนตอบบ่อยู่ และหากบ่เคยฮักอ้าย" เรื่องราวมาจากเราก็จริง แต่ว่ามันก็เป็นเรื่องที่คนที่เคยมีความรักต้องเคยเจอ มีทั้งสมหวัง ผิดหวัง เสียใจ ถูกทิ้ง สังเกตเวลาที่มีใครเลิกกับแฟน คนก็จะถามว่า อ้าว! แฟนไม่มาด้วยหรือ ถ้าก็จะบอกว่าเลิกกันแล้ว แล้วสิ่งที่ตามมามันไม่หยุดแค่นั้น ก็จะถูกถามต่อว่าทำไมเลิกกัน คือบางครั้งมันตอบไม่ได้จริงๆ คือเขาไปแล้ว คนที่จะตอบเรื่องนี้มันไม่ใช่เรา มันเป็นเขาที่ทิ้งเราไป เขาต้องมาตอบ แต่เขาไม่อยู่แล้ว ก็กลายเป็นเพลง คนตอบบ่อยู่”

แรงบันดาลใจของเอิ้นขวัญ
“แม่ผึ้งค่ะ” เธอตอบอย่างไม่ลังเลถึงราชินีเพลงลูกทุ่ง "พุ่มพวง ดวงจันทร์" ผู้เป็นแรงบันดาลใจ “มองเห็นความอดทนของแม่ผึ้งมาตั้งแต่เด็ก ความน่าทึ่งของแม่ผึ้งคือแม้จะอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ แต่แม่ผึ้งสามารถเป็นนักร้องที่ครองใจคนทั้งประเทศ ลองคิดดูว่าการทำงานเพลงสมัยก่อนก็ไม่ง่ายเลย ต้องอดทน ที่จะฝึกฝนตัวเองขนาดไหนถึงจะมาอยู่ในจุดที่แม้วันนี้จะไม่ชีวิตอยู่แล้ว แต่ไม่มีใครไม่รู้จักแม่ผึ้ง เลยยึดความอดทนของแม่ผึ้งเป็นแรงบันดาลใจในทำงาน”

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0