“หญิงหน่อย-เฉลิม” จูงมือขึ้นปราศรัยเวทีบางบอนช่วย “วัน อยู่บำรุง” ฝนกระหน่ำ “ชัชชาติ” ไม่หวั่น ตากฝนจ้อ ขอทำแก้ไขระบบคมนาคมให้คนบางบอน แค่เลือกเพื่อไทยให้ทะลุ 300 ที่นั่ง “เหลิม” หยัน “พลังประชารัฐ” ปิดทางชนะ คนอีสานไม่เอา ท้า “ประยุทธ์” เข้าสภา เจออภิปรายดอกเดียวจอดไม่ต้องแจว ลั่นต้องแก้ รธน.ที่ไม่เป็น ปชต. “หน่อย” อ้อน ปชช.ออกมาเลือกตั้งเยอะๆ เลือก พท.ให้เข็ด แล้วจะทำห้เป๋าตุงเอง
วันนี้ (17 ก.พ.) พรรคเพื่อไทย ได้จัดเวทีปราศรัยย่อยที่บริเวณ ซ.เอกชัย 126 เขตบางบอน ซึ่งเป็นเขตเลือกตั้งของนายวัน อยู่บำรุง บุตรชาย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักมีแกนนำคนสำคัญของพรรคเพื่อไทย อาทิ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งและแคนดิเดตนายกฯของพรรค นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แคนดิเดตนายกฯของพรรค มาร่วมปราศรัย พร้อมกับ ร.ต.อ.เฉลิม หัวหน้าทีมปราศรัยของพรรค และนายวัน ผู้สมัคร
ก่อนเริ่มปราศรัยได้มีฝนตกลงมาอย่างหนัก ทำให้หลายคนต้องปราศรัยท่ามกลางสายฝน อาทิ นายชัชชาติ ที่กล่าวช่วงหนึ่งว่า เขตบางบอนมีปัญหาเรื่องคมนาคม เพราะมีหมู่บ้านจำนวนมาก การคมนาคมทางรถไฟจึงมีความจำเป็น อนาคตตามนโยบายไทยเชื่อมไทยจะทำให้พี่น้องเดินทางได้สะดวก และราคาถูกขึ้น เราต้องมีผู้แทนที่เข้าใจประชาชนและสะท้อนปัญหามาให้เราเห็น อนาคตเราต้องมีถนนที่เป็นเส้นเลือดฝอย มีทางรถไฟที่ดีขึ้นเป็นทางเลือก รถเมล์ต้องได้รับการปรับปรุงให้มีคุณภาพ อย่างไรก็ตามครั้งนี้แม้เราจะมี ส.ส. 300 เสียง เราก็ตั้งรัฐบาลไม่ได้ เพราะเขามี ส.ว. 250 เสียง ดังนั้น วันที่ 24 มี.ค.นี้ต้องเลือกพรรคเพื่อไทยให้ถล่มทลาย ให้เรากลับมาเป็นรัฐบาลให้ได้
ต่อมาเวลา 18.40 น. ร.ต.อ.เฉลิม ขึ้นกล่าวปราศรัยว่า พล.อ.ประยุทธ์ก็บอกนายอภิสิทธิ์ ดีแต่พูด นายอภิทธิ์ก็บอก พล.อ.ประยุทธ์พูดไม่รู้เรื่อง สรุปเราไม่ต้องไปฟังทั้งคู่ เขาบอกเขาจะใช้นโยบายประชารัฐ เราบอกเราจะใช้ประชานิยม ไม่มีทางชนะเราได้ เพราะภาคอีสานก็ไม่มีใครเอาพรรคพลังประชารัฐ ผู้ว่าฯ ข้าราชการทั้งหลาย คิดให้ดี เวลายังมี หากเอนเอียงไป ไม่ส่งผลดีต่อชีวิตราชการแน่ ตนเคยเป็นรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยมาแล้ว ถ้าปรากฎหลักฐานว่าผู้ว่าฯ หรือเจ้าหน้าที่รัฐไม่เป็นกลางจะย้ายให้หมด คนบอกพูดแบบนี้ระวังจะเสียคะแนน ถามว่าจะเสียอย่างไรในเมื่อเขาก็ไม่เอาเราอยู่แล้ว ทั้งนี้ วันนี้เราต้องชนะให้ขาด 30 บาทรักษาทุกโรคเหมือนเดิม จะให้กองทุนหมู่บ้านเหมือนเดิม รัฐบาลต้องเจรจากับต่างประเทศได้
“รอบนี้พรรคเพื่อไทยต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญบางมาตราที่ไม่เป็นประชาธิปไตย เพราะเมื่อรัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตยต่างชาติก็มาลงทุน สร้างงาน สร้างรายได้ ไม่ใช่จะมาลงทุนก็กลัววันหนึ่งจะใช้มาตรา 44 รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีอยู่ในเมืองไทยไม่ได้ รอบนี้รอบตัดเชือก เขากะอยู่ 8 ปี ด้วย ส.ว. อายุ 5 ปี จึงขอให้พี่น้องประชาชนไปใช้สิทธิให้มากเพื่อล้มการต่อท่อสืบอำนาจของทหาร ถ้าท่านเลือกพรรคเพื่อไทย และพรรคแนวร่วมให้ได้เกิน 250 รัฐบาลเสียงข้างน้อยอยู่ไม่ได้ ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เจอดาวสภาอย่างผม แค่อภิปรายนัดแรกท่านก็อยู่ไม่ได้แล้ว” ร.ต.อ.เฉลิม ระบุ
จากนั้นเวลาประมาณ 20.00 น. คุณหญิงสุดารัตน์ ได้ขึ้นกล่าวเวทีปราศรัยว่า พรรคเพื่อไทยขอสัญญาว่าจะทำงานอย่างหนักเพื่อให้พี่น้องกลับมากระเป๋าตุงให้ได้ 4-5 ปีที่ผ่านมา พี่น้องลำบากมามาก มีแต่คนบ่นว่ามีแต่คนขาย ไม่มีคนซื้อ พรรคเพื่อไทยอยากมาให้กำลังใจทุกท่านว่า พวกเราเข้าใจ แม้ท่านจะอ่อนแรง อ่อนล้า และกำลังจะหมดกำลัง เพราะ 4-5 ปีที่ผ่านมาไม่ได้เป็นไปตามสัญญาที่บอกว่าจะมาสร้างความสุข และจะอยู่ไม่นาน แต่วันนี้เราจะต้องมาทำให้พี่น้องยืนอยู่บนขาของตัวเองให้ได้ วันนี้เราจะมาเพิ่มพลังให้พี่น้องคนตัวเล็ก และพี่น้องเชื่อใจได้เลยเพราะทุกครั้งที่เราเป็นรัฐบาลเราทำให้พี่น้องกระเป๋าตุงได้ทุกครั้ง เราจะปรับโครงสร้างหนี้ให้พี่น้องประชาชนให้ประชาชนตัวเล็ก เพราะถ้าคนตัวเล็กซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศหมดแรงแล้วเศรษฐกิจจะดีได้อย่างไร วันนี้เราจึงต้องช่วยเติมพลังให้คนเดินดิน ไม่เช่นนั้นประเทศเจ๊ง เพราะไม่มีคนซื้อ นอกจากนี้พรรคเพื่อไทยจะหาที่ทำกินให้ แม้จะจัดระเบียบขายของริมถนนแต่ต้องจัดอย่างชาญฉลาด คนสัญจรไปมาได้ คนขายมีที่ขาย แค่นี้คิดไม่เป็นอย่าอยู่เลย
“ปีนี้ปีหมู ขอให้เราเลือกตั้งได้แบบหมูๆ ขอให้พี่น้องรักตัวเอง คิดถึงอนาคตของตัวเอง และลูกหลาน คิดให้ดีๆว่าพี่น้องจะให้ใครมาดูแลชีวิตของตัวเอง และลูกหลาน ถ้าพี่น้องเห็นว่าทุกข์ ทางเดียวที่พี่น้องจะออกจากความทุกข์ คือต้องจับมือกับพรรคเพื่อไทย เลือกให้เข็ด เลือกเยอะๆ ออกไปกากบาทมากๆ” คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุ
จากนั้นผู้ร่วมปราศรัยและผู้สมัครได้ร่วมกันถ่ายภาพเป็นที่ระลึกบนเวที โดยมีช่วงหนึ่งที่ ร.ต.อ.เฉลิม ได้จับมือคุณหญิงสุดารัตน์ ชูขึ้นพร้อมกับผู้ร่วมปราศรัยและผู้สมัครรายอื่นๆ สร้างเสียงเฮฮาให้กับกองเชียร์ที่มาร่วมฟังปราศรัยอย่างคึกคักด้วย.
