โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

“เสือ” รับ “เสก” เครียดเรื่องครอบครัว เปิดใจหลังแม่ร่วมมือ “แซนวิช” ไล่ “อีฟ” ออกจากบ้าน

daradaily

อัพเดต 22 ส.ค. 2562 เวลา 09.15 น. • เผยแพร่ 22 ส.ค. 2562 เวลา 11.30 น.

“เสือ” รับ “เสก” เครียดเรื่องครอบครัว เปิดใจหลังแม่ไล่ “อีฟ” ออกจากบ้าน

                  หลังจากกลับมารับหน้าที่ผู้จัดการส่วนตัวตามดูแลคุณพ่อ“เสก โลโซ” หรือ “เสกสรรค์ ศุขพิมาย” สำหรับลูกชายคนโต น้อง“เสือ เสฏกานต์ ศุขพิมาย” ล่าสุดมีโอกาสเจอตัวในงานคอนเสิร์ตแห่งปี 2019“รวมใจราชาแห่งร็อก” เลยไม่พลาดที่จะถามเรื่องนี้สักหน่อย ซึ่งเจ้าตัวเผยว่า วันนี้ “เสือ” มาดูแลคุณพ่อขึ้นคอนเสิร์ต จริงๆ ผมก็มาทุกงาน วันนี้ก็เป็นงานกุศล แล้วก็เป็นวันเกิดของเพื่อนเขา

อ่านข่าวต่อ

บ้าน “เสก” ลุกเป็นไฟ “กานต์” เดือดไลฟ์ไล่ “อีฟ”

                  สำหรับอาการคุณพ่อตอนนี้ก็แข็งแรงดี ก็แข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ คือตอนเขาขึ้นเวทีมันเหมือนกับพลังมันเข้ามาเลย ก่อนขึ้นเวทีเขาก็แบบจะเพลียๆ เงียบๆ แต่พอขึ้นเวทีพลังเขาก็มา เขาก็พร้อมเล่น ทำงานได้ ถามว่าเต็มที่เหมือนสมัยก่อนไหม ก็ไม่ถึงเท่าสมัยก่อน เพราะว่าตอนนี้ก็เป็นช่วงปรับปรุงตัวเอง ก็ยังไม่ได้เท่าแต่ก่อน แต่ก่อนเขามีแรงเยอะ เขาเด็กกว่านี้เยอะ ตอนนี้เขาก็เริ่มแก่แล้ว แล้วเขาก็มีโรคมีอะไร

                  เราได้มาทำหน้าที่ดูแลคุณพ่อ อยู่กับเขาเกือบทุกวัน ไปบ้านเขา ก็ดูแลเรื่องตาราง เรื่องสุขภาพเขา วันนี้ก็ช่วยปลุกเขาเขาไม่ยอมตื่น อยู่บ้านเขาก็หลับนานมาก หลับถึงกลางคืนเลย เราก็ต้องไปปลุกว่าพ่อตื่นได้แล้ว จะต้องไปเล่นแล้ว แล้วก็ดึงเขาขึ้นมาเลย

                  ถ้าถามว่าทำไมเราถึงมาดูแลคุณพ่อเต็มตัว ก็คืออันนี้ผมแพลนกับแม่ไว้แล้ว แล้วก็กับคุณพ่อด้วย ว่าจะมาช่วยเป็นทีมแมเนจเมนต์ มาช่วยรับงาน ก็อยากมาดู แล้วก็มาทำงานแบบนี้ ก็ทำให้ผมได้ใกล้ชิดกับเขาได้เพิ่มขึ้น เขาเชื่อฟังผู้จัดการ เขาเชื่อฟังผมคนเดียวเลย คนอื่นเขาก็มีเกเรอะไรนิดหน่อย แต่กับผมเสือพูดอะไร พ่อกลับนะ เขาก็ไป

                  จากที่เราเห็น ตอนนี้ยังมีอะไรต้องห่วงไหมเหรอ มันก็มีเรื่องเครียดเยอะอยู่นะ เรื่องคดี เรื่องแม่ กับเรื่องอีฟ เป็นเรื่องที่ทำให้เขาเครียดมาก เรื่องนี้ก็ทำให้ผมเครียดนะ แต่ผมก็พยายามให้เขาโฟกัสเรื่องทำงานอย่างเดียว แล้วเรื่องพวกนี้เดี๋ยวเสือจัดการให้

                  กับเรื่องล่าสุดเขาก็เครียดนะ เรื่องล่าสุดนี้ก็พยายามจะให้มันผ่านไป อะไรแบบนี้ ผมก็ไม่ได้ซีเรียส ไลฟ์นั้นผมก็ยังไม่ได้ดูเลย เพราะผมไม่ได้แบบเข้าสายนี้ ถามว่าเสือให้กำลังใจพ่อยังไง จริงๆ ผมก็ไปอยู่กับเขาทุกวันที่บ้านเขา นอนที่บ้านเขาเลย ก็บอกเขาไม่ต้องเครียดนะ เสืออยู่เป็นเพื่อน แล้วก็มาช่วยทำงานด้วย ไม่ต้องเครียด เขาเครียดหลายๆ อย่างเลย เขาทำนาฬิกาหาย ตอนวันนั้นแหละครับ นาฬิกา Rolex ของเขาหาย เขาก็เลยเครียดมาก ผมก็เลยบอกเขาว่าพ่อไม่ต้องเครียดนะ เดี๋ยวเสือช่วยตามหาให้

                  ส่วนเรื่องนาฬิกาก็มีข่าวว่าอีฟเป็นคนฉกไป อันนี้ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าจริงเปล่า ยังไม่อยากพูดนะ คือพ่อเขาก็รู้นะว่าของเขาหาย เขาไม่ได้โง่ เขาก็คิดออกว่าอะไรเป็นอะไร ใครทำไร แต่เรื่องนี้ผมก็ยังไม่อยากพูดดีกว่าผมก็รู้สึกเครียดนะ คือเรื่องแบบนี้ที่จริงถ้าผมคิดเองนะ มันแบบ มันจบไม่ได้ยากอะไรมาก ถ้าสองฝ่ายเข้าใจกัน เรื่องคดีก็เดี๋ยวผมพยายามคุยกับแม่ เพราะแม่เขาเป็นคนใจร้อนมาก แบบเขาเข้าใจผิดคนง่ายมาก เขาคิดว่าเขาถูก แบบนี้เขาก็จะอารมณ์ขึ้น ก็จะทำให้พ่อเครียดด้วยอันนี้ ผมก็กังวลนิดหน่อย แต่ว่าก็ต้องค่อยๆ คุยไปเรื่อยๆ คือผมพูดจริงๆ ถ้าคุยกันเข้าใจ คุยกันด้วยคำพูดจริงๆ มันก็ไม่ได้ยากอะไรมาก เพราะว่าทุกอย่างมันซ่อมแซมได้ เขาก็แค่อย่าอารมณ์ขึ้น

                  กับทางคุณแม่ช่วงนี้ผมยังไม่ได้เจอเขาหลายวันแล้ว เพราะผมอยู่กับพ่อ เขาก็ทำงานอยู่ที่คอนโดฯ เขาทำพวกเสื้อผ้า ก็ยังไม่ได้คุยกับเขาจริงๆ แต่ว่าเดี๋ยวเมื่อไรว่างเจอกัน ผมก็จะคุยกับเขาแบบซีเรียส ว่าจะซ่อมแซมคดีเรื่องแบบนี้ยังไง

                  ส่วนตัวเราไม่ได้คิดว่าเราถูก “อีฟ” กีดกันให้ห่างจากพ่อ ไม่ๆ อันนี้เสือไม่ได้ซีเรียสอะไรมาก ถามว่าเขามาวุ่นวายกับพ่อมากไหม อันนี้สักพักแล้วใช่ไหม ผมก็ไม่ได้ติดตามอะไรมาก ผมก็มาเป็นผู้จัดการอยู่แล้ว ไม่มีใครกีดกันได้อยู่แล้ว กับทางอีฟเราก็ไม่ได้คุย เขาก็ไม่ได้มายุ่มย่าม ก้าวก่ายหน้าที่เรา ก็สิ่งที่ยากที่สุดกับการเป็นผู้จัดการ ก็คือเรื่องแม่กับอีฟนี่แหละ ถ้าเขามาเจอกันมันก็ทำให้งานเสีย ผมก็อยากดูแลพ่ออย่างเดียว ผมอยากโฟกัสแค่เรื่องผู้จัดการ ไม่อยากไปโฟกัสเรื่องแบบนี้

                  ส่วนข่าวเรื่องการทำของหรือทำคุณไสยภายในบ้าน อันนี้ผมไม่เชื่อ ไม่เชื่อเลย คือผมเป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่ผมก็ไม่ได้ลบหลู่ ซึ่งผมก็บอกแม่ไปแล้วว่าผมไม่เชื่อนะ แต่ถ้าแม่ก็จะเชื่อ อันนั้นมันก็แล้วแต่ความเชื่อเขา เพียงแค่ผมไม่เชื่อก็เท่านั้นเอง ทางด้านคุณพ่อเขาก็ไม่เชื่อนะ อย่างก่อนหน้านี้ก็เคยมีคนชวนเขาไปทำพิธี หรือไปทำอะไรสักอย่าง เขาก็ไม่ไป คือผมไม่ได้ไปบ้านนั้นมาสักพักแล้ว และก็ไม่ได้ไปรื้อค้นของด้วย เพราะเวลาผมไป ผมก็จะแค่ไปอยู่กับเขา ไปนั่งทานอาหารที่โต๊ะทานข้าว และก็กลับไปนอนห้อง

                  อย่างล่าสุดคุณแม่เราก็โพสต์เฟซบุ๊กเหมือนว่าน้อยใจคุณพ่อ อันนี้ผมไม่ได้ตามเฟซ ผมก็ไม่ได้ติดตามนะ ยอมรับตอนนี้พยายามจะช่วยประสานให้ครอบครัวกลับมาแข็งแรง และผมเองก็มีแผนการของผมที่จะประสานกับพ่อ ประสานกับแม่ และก็ทุกๆ คน แต่เอาไว้ให้ผมประสานเสร็จผมค่อยออกมาพูดเยอะ ผมอยากจะแถลงข่าวอีกครั้งหนึ่ง ตอนนี้ตั้งใจซ่อมแซมครอบครัว แต่ถ้าแผนการผมสำเร็จหรือไม่สำเร็จ ผมจะออกมาแถลงข่าวนะ ที่บอกจะซ่อมผมจะซ่อมแม่ ซ่อมพ่อ และถ้าสามารถซ่อมเขาทั้งสองคนได้ มันก็จะสามารถซ่อมทางอื่นได้เหมือนกัน ไปเรื่อยๆ

                  สำหรับวันเกิดคุณพ่อที่ผ่านมา ตอนนั้นอยู่ต่างประเทศ ไปทำงานที่พม่า ผมก็เลยไม่ได้มีโอกาสไปร่วมงานวันเกิดเขา แต่ผมก็มีความรักให้อยู่แล้วครับ และก็นี่แหละตั้งใจไว้ว่าจะช่วยเขา จะมาช่วยครอบครัวเราให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม นี่คือภารกิจของผม ด้านงานคุณพ่อก็ค่อนข้างเยอะ พรุ่งนี้ก็ต้องเดินทางไปลาว ไปต่างประเทศ คือในช่วง 1 เดือน คุณพ่อก็จะมีงาน 10-14 คอนเสิร์ต แต่เราไม่ได้มีลิมิตนะว่าเขาจะรับมากน้อยแค่ไหนต่อเดือน ซึ่งเรื่องนี้ผมก็อยากจะคุยกับทีมงาน คุยกับแม่ และผู้จัดการที่รับงานเหมือนกัน เพราะผมอยากให้พ่อมีเวลาได้พักผ่อนด้วย ไม่อยากให้ท่านแสดงคอนเสิร์ตเยอะจนเกินไป มันต้องมีวันพักบ้าง

                  อย่างอาการป่วยไบโพลาร์ของคุณพ่อ ที่ทำให้ท่านต้องนอนเร็ว มันไม่ได้ส่งผลต่องาน คือโดยปกติแล้วเขาเป็นคนนอนไม่เร็ว เพียงแต่เวลาที่เขานอน เขาจะนอนดึกและนอนยาว นอน 12 ชั่วโมงต่อวันเลย อย่างเมื่อวานนี้เขาเล่นดึก กลับถึงบ้านก็ไม่รู้กี่โมง แต่เมื่อสักครู่นี้เองประมาณ 1 ทุ่ม เขายังไม่อยากลุกเลย คือเขาตื่นแล้วมีสติแล้วนะครับ แต่เขาไม่อยากลุกจากเตียง ซึ่งผมนี่แหละที่เป็นคนไปช่วยดึงพ่อให้ลุกขึ้น

                  ส่วนข่าวที่มันมีข้อมูลว่าเราทำหนังสือมอบอำนาจให้ไปขับไล่อีฟ  อันนี้ก็ไม่รู้นะอันนี้ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน เพราะเขาบอกผมว่าเขาจะทำการขับไล่ แต่ตอนนี้ก็ไล่สำเร็จแล้วนะ เขาออกไปแล้ว

                  ถามว่ามันมีสัญญาใช่ไหมว่า ถ้าเรามา อีฟจะต้องออกจากบ้าน อันนี้ก็น่าจะใช่ อันนี้ผมก็ไม่ได้ซีเรียสอยู่แล้ว เพราะผมโฟกัสแต่เรื่องพ่อ คือผมอยากให้พ่อรู้สึกแฮปปี้มากกว่า ถ้าหากเขาเลือกแบบไหน ผมก็แล้วแต่เขา อยากให้เขาสบายใจ หรือถ้าเขายังอยากอยู่กับคนนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะให้เขากลับมาหรือเปล่า และก็ไม่รู้เหมือนกันด้วยว่าพ่อคิดอะไรกับเขาหรือเปล่า เรื่องนี้ผมเองก็ไม่แน่ใจ

                  ถ้าถามว่าภารกิจของเราที่ต้องทำเหนื่อยไหม เพราะเหมือนจะต้องซ่อมแซมทุกอย่างเลย จริงๆ ถ้าเรื่องคอนเสิร์ตของพ่อผมไม่ค่อยเหนื่อยหรอกผมทำได้อยู่แล้ว รวมไปถึงเรื่องการดูแลตาราง ผมคิดว่าผมทำได้ แต่เรื่องที่เหนื่อยจริงๆ ผมมองว่าเป็นเรื่องครอบครัวมากกว่า เรื่องแม่กับอีฟ ซึ่งมันเป็นเรื่องเหนื่อย

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0