วันนี้เราอยู่กับหนึ่งในนักการเมืองฝีปากกล้า ผู้เป็นที่ชื่นชอบของใครหลาย ๆ คน ด้วยคำพูดตรงไปตรงมาที่ทำให้อีกฝ่ายร้อง “ซี๊ด” คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากท่านคนนี้ “พล.ต.อ.ดร. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส”
ท่านตั้งใจเป็นตำรวจตั้งแต่เด็กเลยหรือไม่?
“ที่บ้านพักพ่อแม่อยู่ติดสถานีตำรวจ ก็คุ้นชิน ทีนี้ปู่เราเป็นทหารบก ลุงเป็นทหารอากาศ พี่ชายเป็นทหารเรือ เราก็เลยลองเป็นตำรวจดูซิ เราเลยไปสอบเตรียมทหารแล้วเลือกเหล่าตำรวจ”
“พอได้เข้าไปเป็นตำรวจก็ได้ทำงานก่อนคนอื่นเค้า คำว่าทำงานก่อนคนอื่นหมายถึงเป็นนักเรียนตำรวจปีสามเขาจะส่งไปฝึกงานที่สถานีตำรวจ แต่บ้านเราติดสถานีเราเลยเดินขึ้นไปตั้งแต่ปีหนึ่ง เราก็เป็นเบ๊เขาก่อน จนปีสามเพื่อนเพิ่งเริ่มต้น แต่เราก้าวไปถึงไหนต่อไหนแล้ว”
ตอนไปจับกุมคนครั้งแรก ท่านประหม่าไหม ?
“ไม่หรอก เราขึ้นโรงพักประจำอยู่แล้ว นายตำรวจใหญ่ตอนนั้นรักเรามากชอบเรา เราเลยได้ทำคดีเยอะ กลายเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจฝึกงานที่ได้ทำงานเยอะมาก เราก็ช่วยรุ่นพี่เขาทำงาน แจกหมายจับอยู่พอสมควร มีคดีหนึ่งที่เราเคยแจกหมายจับไป แล้วรู้มาว่ามันจะมาเกณฑ์ทหาร เราก็ไปเลย….อ้าวมาจริง เราก็บอกทหารล็อคตัวมาเลย”
คดีไหนที่ทำแล้วเปลี่ยนชีวิตของท่าน?
“ตอนจบใหม่ก็ไปเป็นผู้บังคับหมวดสถานีตำรวจภูธรนครพนม ทำหน้าที่สอบสวนคดีรถชน เราก็สอบสวนหารถที่ชน รู้ว่ารถที่ชนมันหนีไปอยู่ที่ค่ายหทาร เราก็เข้าไปเลย ติดต่อผู้บังคับกองพันแล้วก็ติดตามจับกุมมาได้ ปกติค่ายทหารไม่ค่อยมีใครยุ่งเท่าไหร่ แต่เราถือว่าเป็นผู้รักษากฎหมายก็ต้องเอากันหน่อย”
“หรือแม้แต่ปราบปรามผู้ก่อการร้ายที่นาแก เรากับทหารแบ่งพื้นที่กันทำ ที่ราบให้ตำรวจทำ ส่วนในป่าเทือกเขาภูพานทหารจะเป็นคนทำ เราก็รู้สึกว่าดูถูกฝีมือเราทั้ง ๆ ที่กำลังพลของเราตอนนั้นเหนือว่าทหารเพียงแต่ว่าอาวุธเราถูกจำกัด เพราะฉะนั้นอย่ามาห้ามผมไม่ให้ขึ้นเขาไปปราบผู้ร้าย”
“พื้นที่ตรงนั้นเราชำนาญมากกว่าใคร เหมือนบ้านเราไฟดับแต่เราก็รู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน เรารู้ว่าเราต้องหาข่าวจากไหน เรารู้ว่าควรตั้งค่ายอะไรตรงไหน เพราะเราอยู่ตรงนั้น แล้วมันก็กลายเป็นผลงานออกมา ทำให้มีชื่อมากขึ้น”
“กับคดีที่เกี่ยวกับนักการเมือง ผมก็จับมาหมดแล้ว ระดับชาติอะไรผมก็จับมาหมด อย่างประธานสภาจังหวัดนครพนมตั้งบ่อน ส.ส. จังหวัดชัยภูมิ ส.ส.จังหวัดโคราช ตัดไม้ โดนผมจับหมดเลย อย่ามาทำใหญ่โตกับผู้รักษากฎหมาย“
ชีวิตช่วงที่ถูกให้ออกจากราชการ ตอนนั้นชีวิตเป็นอย่างไร
“มีเตรียมใจไว้แล้วว่าต้องถูกกลั่นแกล้ง แต่ตอนถูกให้ออกก็ไม่มีอะไร ก็ใช้ชีวิตทั่วไป จนกระทั่งมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในกรมตำรวจฯ ผมเลยได้กลับมาเป็นผบ.ตร. แล้วอะไรที่มันไม่ถูกต้องผมก็เล่นมันหมด แต่ก็ยังโดนเล่นงานจากผู้ไม่หวังดีอยู่ดี แต่สุดท้ายก็ไม่เกิดอะไรขึ้นเพราะข้อเท็จจริงมันไม่มี ผมไม่ได้ทำอะไรผิด หลักฐานอะไรก็ไม่มี”
ปัจจุบันท่านเป็น ส.ส. แล้ว ส่วนตัวอยากขับเคลื่อนอะไรมากที่สุด
“อยากให้บ้านเมืองเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยเต็มตัวเสียที แบบนี้มันคือการเลือกตั้งที่มันอำพรางเผด็จการ มีมาตรา 44 ที่ออกมาโดยเผด็จการทั้งหมด ถึงแม้ว่าฝั่งประชาธิปไตยจะชนะแต่มันก็ไม่ทั้งหมด มันต้องมีการแก้ไขอีกเยอะ”
“อย่างที่ผมเคยบอก ทหารคือปัญหาของประเทศ ต้องจัดการเรื่องทหารได้มันถึงจะจบ เพราะตอนนี้ปัญหามันคือการสืบทอดอำนาจของคนกลุ่มเดียว เราต้องปฏิรูปสิ่งนี้ให้ได้ก่อน มันต้องอยู่ในระบบ ทำยังไงถึงจะให้คนไทยมีจิตสำนึกต่อบ้านเมือง และมีคุณภาพชีวิตที่ดี ถ้าคนดีเมื่อไหร่ ระบบมันก็จะดี ครั้งนี้ผมเข้ามาถึงจะไม่ได้ตำแหน่งนายกฯ มันก็คือไม่ได้ ครั้งหน้าจะเป็นยังไงก็ว่ากัน”
