“เรซซิ่ง” อ้อนอยากมีน้อง “แพท” ขอพักเรื่องหัวใจ โสดลูกติดไม่ใช่เสปคผู้ชาย

งานเข้า “แพท” ลูกชายอ้อนอยากมีน้อง เจ้าตัวขอพักหัวใจ เพราะกับ “เบนซ์ เรซซิ่ง” อดีตสามีก็ยังไม่ได้พูดกันจริงๆ จังๆ ว่าเลิกกัน จะไปมีคนใหม่ก็ไม่น่าจะใช่สเปคของผู้ชายเพราะมีลูกติด

งานเข้าเลยทีเดียวสำหรับ “แพท ณปภา ตันตระกูล” หลังจากที่ลูกชายอ้อนอยากมีน้อง เพราะเจ้าตัวยังไม่พร้อมีใครกับ “เบนซ์ เรซซิ่ง” อัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช อดีตสามี ถึงแม้จะยุติความสัมพันธ์แต่ก็ยังไม่ได้พูดชัดเจนว่าเลิกกัน กับผู้ชายคนใหม่ใครจะเข้ามาโสดลูกติดดไม่น่าใช่สเปคผู้ชาย แต่เพื่อนๆ ก็ลุ้นอยากให้แพทมีลูกอีกคน เพราะทุกคนต่างชื่นชมที่เรซซิ่งเป็นเด็กน่ารักมีมารยาท ไปเจอ “บรู้ค ดนุพร” กับ “กบ สุวนันท์” ก็กราบแทบตัก เล่นเอาหลายๆ คนใจละลาย มีลูกแล้วน่ารักแบบนี้อยากให้มีอีก ล่าสุดแพทมาร่วมงาน Supersports 10 Mile International Run Series Thailand 2019 ก็ได้พูดถึงประเด็นดังกล่าว

“แพทแค่อยากให้เขาสวัสดีป้ากบกับลุงบรู๊คเฉยๆ แต่เขาห่วงแต่เล่น เราก็บอกว่าไม่ได้ต้องสวัสดีลุงบรู้คกับป้ากบก่อน เราก็ไม่คิดว่าลูกเราจะลงไปกราบที่ตักขนาดนั้น เราไม่ได้ถ่ายรูปนั้นเก็บไว้ แต่เป็นภาพจากกล้องคนรอบข้างอื่นๆ เพราะเราก็ไม่คิดว่าลูกเราจะทำ มันก็เลยเป็นภาพที่คนพูดถึง อยากให้เขารู้สึกว่านี่คือสิ่งที่แม่เคยดุบ่น อยากให้เขาเป็นที่รักของทุกคนแบบนี้ ดีกว่าจะแบบว่า เฮ้ย..ลูกอีแพทมาแล้ว หรือว่านั่นไง หรือว่าไปทำวีรกรรมใดๆ ทำให้คนพูดถึงเรซซิ่งอีกแบบนึง เรายิ่งรู้สึกว่าสมแล้วที่เราปากเปียกปากแฉะ คนมองว่าแพทดุไปไหมในสายตาหลายๆ คนที่มองว่าลูกเพิ่ง 2 ขวบ แพทรู้สึกว่าเขารู้เรื่องแล้ว ซึ่งเขารู้เพียงแค่ท้าทายถ้าไม่ทำแม่จะว่ายังไง แม่ว่าเหรอ แสดงว่ามันต้องทำนะสิ มันเป็นช่วงวัย ลองท้าทายดู ถ้าแพทปล่อยไปเขาก็ไม่ทำ”

ดีใจมีแต่คนชม “เรซซิ่ง” เป็นเด็กดีมีมารยาท ไม่กรีดร้องชักดิ้นชักงอ

“ปลื้มมาก จนตอนนี้ไปถ่ายรายการคนจะที่เคยเจอกันบ่อยๆ ก็จะถามว่า เรซซิ่งมาไหม อยากเห็นท่าไหว้ อยากเป็นคนที่ถูกไหว้ อย่าไปอัดรายการผู้หญิงถึงผู้หญิง ทุกคนเขาเคยเจอกันแล้ว โดยเฉพาะน้าบูม เรซซิ่งเหมือนอย่างที่ไหว้ลุงบรู๊คหน่อยซิ เรซหอมน้าบูมเหมือนกับที่หอมแม่หน่อยซิ คืออยากเหมือนแม่ หรืออย่างลุงบุ๊คโกะถามว่าเรซซิงมาไหม อยากเห็นหลาน เป็นขวัญใจใครหลายคน ทุกคนก็บอกว่านี่แหละที่ปากเปียกปากแชะมันได้จริงๆ”

“มันอยู่เป็น(เสียงสูง) ยืนยันค่ะว่าเรซอยู่เป็นจริงๆ อาจจะเพราะเราพาเขามาทำงานตั้งแต่เขาเล็กๆ แล้วเราดุมาก เขาก็เลยอยู่เป็น ถ้าเขาทำในสิ่งที่เขาทำได้ แพทจะไม่เคยแอ๊ะ แต่ถ้าทำในสิ่งที่ทำไม่ได้แพทจะพูดทันที เขาก็เรียนรู้แล้วเขาอยู่แต่กับผู้ใหญ่ บางคนมองว่าเราเอาลูกมาทำงานไม่กลัวลูกเหนื่อยเหรอ แต่เรารู้สึกว่าลูกได้เรียนรู้มากกว่าเด็กคนอื่น เพราะแพทพยายามมองเด็กที่ไม่ค่อยไปไหน มันผิดกันเลยนะ เรซรู้จักเข้าสังคม ไม่โวยวาย ไม่กรีดร้อง ชักดิ้นชักงอคือโดนซ้ำ ไม่ระรานผู้ใหญ่”

“เขาเล่นกับเด็กทั่วไปได้ เขาแค่อยู่กับผู้ใหญ่คนไหนก็ได้ ไม่กลัวไม่ก้าวร้าว แล้วผู้ใหญ่ที่แพทพาไปเจอรู้สึกโชคดี เพราะเขามีวิธีการสอนที่แตกต่างกันไป เรารู้สึกว่ามันเป็นโชคดีของเราที่ลูกเราได้มีโอกาสเจอคนเยอะแยะ แล้วเขาสอนแต่สิ่งดีๆ ให้กับลูกเรา ส่วนเรื่องโตเกินวัยแพทว่าไม่นะ แต่เขาจะมีความรับผิดชอบมากเหมือนเรา เราทำงานตั้งแต่ 7-8 ขวบ เราเลยโตเร็ว เรามีความรับผิดชอบมากกว่าเด็กวัยเดียวกัน เพื่อนๆ ในวัยเดียวกันเขาคิดแค่ว่าตื่นให้ทันไปโรงเรียน กับแค่ว่าเรียนเสร็จแล้วหาเวลาไปเที่ยว แต่เราต้องบริหารเวลาไปเรียนไปทำงานเก็บตังค์ด้วย แพทว่ามันได้ตรงนี้ แต่เราโตกว่าอันนี้แพทว่าไม่ เพราะว่าแม่เขาก็ปัญญาอ่อน คนรอบข้างเขาปัญญาอ่อนหมดเลย ไม่มีทางที่เรซซิ่งจะไม่ปัญญาอ่อนแน่นอน”

เผย “เรซซิ่ง” อยากมีน้อง

“แพทว่าเขาคงกำลังสนุกเขาไปเห็นตุ๊กตา อาจจะเป็นเพราะว่าเขาเจอแต่ผู้ใหญ่หรือเด็กวัยเดียวกันที่เขาอุ้มไม่ได้ แต่ว่าตุ๊กตาเค้าอุ้มก็ได้กล่อมก็ได้ เขาก็บอกว่าแม่เอาเบบี้กลับบ้าน เราเลยถามเขาว่า เรซอยากมีน้องเหรอลูก เขาก็บอกว่าอยากมีน้อง เราก็บอกว่างานเข้าแล้วลูก แม่คงไม่ทำการแสดงในช่วงนี้แน่นอนลูก มันเป็นสิ่งที่ยากมากลูก ซึ่งพอเราโพสต์ไป เพราะเราจำลูกเรา เอาจริงซิเรซ แต่เขาชอบเบบี้จริงๆ เขาเห็นใครนั่งรถเข็นไม่ได้ เขาจะบอกคุณแม่เบบี้”

“แล้วถ้าเขาอยากได้อะไรมาก เขาจะพูดเพราะมาก คุณแม่ครับอยากได้เบบี้ เราก็ว่าถ้าขึ้นคุณแม่ครับ แสดงว่าจริงจังแล้วลูก เราก็เลยไปโพสต์ ก็มีคนเชียร์หลายแบบ บางคนก็บอกแพทต้องทำการแสดงแล้วล่ะ บ้างก็บอกแพทต้องเปิดรับสมัครแล้วล่ะ หรือไม่ก็ลองดูโอ๊ตไหม โอ้ย.. เยอะมากคอมเมนต์ที่ว่า พ่อหมีกับลูกหมีไง แขกขาว กับแขกเข้ม พอดีเลย เราก็โอ้.. หรือบางคนบอกว่า ลองไปเคลียร์กับปาป๊าดูไหม คุยกับปาป๊าอีกรอบไหม ที่พูดมาตอนนี้ทำไม่ได้สักประเด็นไม่ว่าจะเป็นเรื่องเปิดคอร์ด หรือว่าเปิดรับสมัครก็ยัง ส่วนคุณโอ๊ตก็ยังก่อนจ๊ะ โอ๊ต ปราโมทย์ ส่วนปาป๊าก็ยังก่อนจ๊ะ”

“เพื่อนแพทบอกว่าตอนนี้เราอาจจะยังไม่คิด ทุกคนจะถามตลอดว่าเอายัง เอาจากใจเลยคือแพทอยากมีอีกคนหนึ่ง พอเราเห็นเรซมันน่ารักมากๆ เราก็อยากได้อย่างนี้โคลนนิ่งมาให้อีกคนหนึ่ง คือเราพูดไปเพราะเรารักเด็กคนนี้ เพื่อนก็จะแบบเอายังๆ เราก็ยัง เขาก็เลยบอกว่าสงสัยเราติดลูกมากจนเราไม่คิดเรื่องอื่นเลย เพื่อนก็เลยบอกว่าเดี๋ยวรอลูกเข้าโรงเรียนก่อน เพื่อนจะกลับมาลุ้นอีกหนึ่ง พอลูกเข้าโรงเรียนเราก็จะมีเวลาส่วนตัวมากขึ้น ก็จะเข้าโรงเรียนเดือนสิงหาคมนี้แล้วค่ะ สองขวบครึ่ง จะเข้าเตรียมอนุบาลค่ะ แต่แพทก็ว่ายังหรอก ก็ต้องวุ่นวายกับลูกไปอีกสักพักเลย”

ยังไม่อยากมีคนใหม่ และความสัมพันธ์กับ “เบนซ์” ยังไม่ได้คุยกันจริงจัง รู้แค่ว่า หยุดแค่นี้

“เฮ้ย…บ้าบอ(หัวเราะ) ไม่มีค่ะ คงเป็นเพราะแพทบอกกับทุกคนมากกว่า ว่าไม่เอายังโฟกัสที่ลูก แล้วอีกอย่างผู้หญิงสวยเยอะมาก แล้วผู้หญิงสวยและโสดไม่มีลูกก็มีเยอะมาก เพราะฉะนั้นแพทถูกตัดทอนไปหมดแล้วกับการที่เขาจะเดินเข้ามาหาผู้หญิงที่มีลูกแล้ว แล้วอายุก็เลขสามกว่า เราเลยไม่ได้คาดหวังว่าเราจะต้องมีใหม่ แล้วอีกอย่างหนึ่งคือจากใจจริงๆ กับปาป๊าของเรซ เราก็ยังไม่ได้คุยกันจริงจัง เหมือนแค่เรารู้กันอยู่สองคนว่า ตอนนี้เราเป็นอะไรกัน มันหยุดแค่นี้”

หยุดความสัมพันธ์สามี-ภรรยากับ “เบนซ์” แต่อนาคตไม่รู้ว่าจะหยุดหรือไปต่อก็ได้

“มันตอบยากมากเลย แพทเคยแอบคุยกันไว้ว่า ถ้าถึงวันหนึ่ง คือตอนนี้มันหยุดไปแล้ว ความสัมพันธ์ของเราคือปาป๊า มาม๊า แพทเป็นแม่ พี่เบนซ์เป็นพ่อ เราช่วยกันบริหารตรงนี้ แต่เอาตรงๆ เวลาส่วนใหญ่แพทก็ยึดลูกมาจากเขานั้นแหละ ก็รู้สึกว่าถ้าเขาอยากจอยกับเราเขาก็มา แต่ถ้าให้เราเอาลูกไปทิ้งให้เข้าบ้าง เราต้องยอมรับว่าเราก็ทำบ้าง แต่เราติดลูกมาก แล้วเราก็หากิจกรรมให้ลูกเยอะมาก แต่ถ้าเขาจะมาจอยกับเราแพทไม่ติด”

“ความสัมพันธ์แบบสามีภรรยามันถูกหยุดไว้แล้วแค่ตรงไหนนี้ ตอนนี้ที่มันยังเดินอยู่คือความสัมพันธ์เป็นพ่อแม่ลูกเฉยๆ คำว่าหยุดแพทก็ไม่รู้ว่าวันหนึ่ง ต่างคนต่างหยุดแล้มก็หายกันออกไปใช้ชีวิตของตัวเอง หรือว่าหยุดแล้วพอวันหนึ่งที่มันโอเค ซึ่งแพทก็ไม่รู่ว่ามันจะมีวันนั้นหรือเปล่า วันที่มันอาจจะอยู่ดีๆ ก็ไปต่อ แต่ ณ ตอนนี้ มันถูกหยุดไว้แค่ตรงนี้ค่ะ”

ไม่เคยพูดเลิกรากับ “เบนซ์” จริงๆ จังๆ แต่คุยเรื่องส่วนตัวกันน้อยลงมีแต่เรื่องลูก

“ไม่ๆ มันแปลกมันที่เราสองคนคุยกันในเรื่องตรงนี้น้อย เหมือนเขาเองกับเราเองใช้วิธีการแสดงให้เห็นว่ามันเป็นยังไง คือเราไม่เคยมานั่งคุยกันว่า ป๊าตกลงเราจบแล้วนะ เราโอเคนะ หรือเราต่างตนต่างไป เราไม่เคยพูดคำนี้ แต่เราใช่วิธีการคุย จากโทรคุย กลายเป็นตอนนี้ไม่มีแล้ว เป็นไลน์ ไลน์ก็ไลน์เฉพาะเรื่องของลูกแล้ว เรื่องส่วนตัวน้อยลงแล้ว มันก็เป็นการแสดงให้เห็น โดยที่ไม่ต้องมานั่งพูดให้มันเจ็บกันทั้งคู่ แต่เราเลือกที่จะใช้วิธีแบบนี้มันอาจจะเซฟเราทั้งคู่ ดีกว่ามานั่งพูด แล้วถ้าเกิดมีคนหนึ่งที่ยังไม่พร้อม มันก็เจ็บเปล่าๆ แต่เราทำอย่างนี้ เวลามันช่วยรักษาเราสองคนมากๆ แล้วถ้าถามแพทตอนนี้ ก็คือหยุดไว้แค่นี้แล้วค่ะ”