โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

สรุป! ทำไมต่างชาติเทหุ้นหมื่นล้าน กับกำลังรายย่อยเข้าซื้อหุ้นสวนทันควัน

Wealthy Thai

อัพเดต 09 ส.ค. 2566 เวลา 11.13 น. • เผยแพร่ 06 พ.ค. 2564 เวลา 14.19 น. • Maratronman

วานนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทยวันเดียวหมื่นล้านบาท จึงเป็นคำถามที่ชวนสงสับว่าเกิดอะไรขึ้น นักลงทุนต่างชาติมองเห็นสัญญาณอะไร และนักวิเคราะห์ของไทยมองมุมไหน และเมื่อไหร่ต่างชาติจะกลับมาซื้อ รวมถึงสาเหตุที่ต่างชาติช็อตหุ้นไทยกว่า 7.3 หมื่นสัญญา ซึ่งมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ในขณะเดียวกันนักลงทุนรายบุคคลกลับเป็นกลุ่มที่เข้าซื้อหุ้นอย่างหนาแน่นโดยพวกเขาเข้าซื้อหุ้นสูงถึง 1.3 หมื่นล้านบาท !!
หลังจากที่เมื่อวานนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงไปกว่า 33.91 จุด ลดลง 2.14% ดัชนีอยู่ที่ระดับ 1,549 จุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวม 127,109 ล้านบาท จุดที่น่าสนใจคือปริมาณการซื้อขายโดยรวมถือว่ามีมูลค่าอย่างหนาแน่น ขณะเดียวอีกจุดที่สร้างความประหลาดใจให้กับนักลงทุนคือ บัญชีของนักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิตลาดหุ้นไทยวันเดียวกว่า 10,475 ล้านบาท หลายคนคงจะสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น Wealthy Thai จะเล่าให้ฟัง
คุณชาญชัย พันทธนากิจ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์เอเชีย พลัส จำกัด เปิดเผยถึงสาเหตุที่มาที่ไปของการขายสุทธิจากนักลงทุนต่างชาติว่า น่าจะเป็นผลมาจากความกังวลของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด19 ในประเทศไทย ที่ยังคงมีตัวเลขของผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง ซึ่งสภาวะการติดเชื้อของประเทศไทยยังคงอยู่ในช่วงของการหาจุดสูงสุดของตัวเลขผู้ติดเชื้อ
ประกอบกับกรณีที่ตลาดหลักทรัพย์ฯชะลอเกณฑ์ฟรีโฟลทที่จะใช้คำนวณดัชนีSET50 ดัชนี SET100 ดัชนี SETHD จึงทำให้กลุ่มเช่นธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่มีฟรีโฟลท มากกว่า 47% ที่ได้รับการเก็งกำไรเพราะหากใช้เกณฑ์ใหม่ที่ตลาดปรับแก้ไขจะส่งผลให้มีน้ำหนักการลงทุนของนักลงทุนประเภทสถาบันมากขึ้น แต่เมื่อตลาดหลักทรัพย์ฯได้ชะลอเกณฑ์ออกไปก็ทำให้หุ้นในกลุ่มดังกล่าวถูกแรงขายออกมา
แต่อย่างไรก็ตามมองว่าการที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงมาแรง เป็นที่น่าสนใจที่จะเข้าไปลงทุน ซึ่งมีปัจจัยที่ควรเข้าไปลงทุน เช่นการปรับเพิ่มประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียนที่นักวิเคราะห์หลายฝ่ายได้ทยอยปรับเพิ่มขึ้น โดย Consensus ได้ปรับเพิ่ม EPS เป็น 81 บาทต่อหุ้น ซึ่งกลุ่มที่น่าสนใจเข้าลงทุนยังคงเป็นกลุ่ม Global Play เป็นหลัก โดยเฉพาะกลุ่มน้ำมันและปิโตรเคมี และกลุ่มคอมมูนิตี้ประเภทน้ำตาล และสินค้าเกษตรถั่วเหลือง ที่สามารถเก็งกำไรช่วงสั้นได้
ขณะเดียวกัน จากการที่ฝ่ายวิจัยได้สำรวจข้อมูลตัวเลขของสภาพคล่องบัญชีเงินฝากของไทยมีจำนวนมาก และกรณีที่การเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของนักลงทุนหน้าใหม่ที่เข้ามาในตลาดหุ้นเฉลี่ยตอนนี้อยู่ที่เดือนละ 2 แสนบัญชี จากเดิมแค่เพียง 3-4หมื่นบัญชี ดังนั้นจึงมองว่ากระแสเม็ดเงินการลงทุนของนักลงทุนในประเทศยังพอมีความหวังต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุดในขณะนี้ หากเทียบกับกระแสเงินทุนจากต่างประเทศ
สำหรับประเด็น วานนี้ที่นักลงทุนต่างชาติช็อตสุทธิสัญญา SET50 Futures สูงถึง 7.3 หมื่นสัญญา ซึ่งมากสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งสัญญาฟิวเจอร์สปี 2552 นั้นคุณภราดร เตียรณปราโมทย์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส จำกัด ให้ข้อมูลว่า จะต้องจับตาดูว่ารูปแบบการทำสัญญาดังกล่าวจะเป็นอย่างไร เพราะสาเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้เป็นเพราะตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขาย 2 วันติดต่อกัน และจำนวนสัญญาดังกล่าวเป็นยอดรวมออเดอร์จำนวน 3 วัน (รวมวันที่เปิดทำการ)
สำหรับแนวโน้มในระยะถัดไปคงจะต้องจับดูสถานะของสัญญาระหว่างวันหรือว่าช่วงปิดทำการซื้อขายวันนี้ (6 พ.ค.64) ว่าจะออกมาในรูปแบบไหน แต่เชื่อว่าทุกอย่างน่าจะกลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติ ซึ่งจะเห็นได้จากวันนี้ที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยรีบาวด์ขึ้นตามเทคนิคก็อาจจะทำให้เกิดการ Cover Short ได้เหมือนกัน
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า เบื้องต้นยังไม่สามารถระบุได้ว่าสาเหตุของการเปิดสถานะช็อตสุทธิสัญญากว่า 7.3 หมื่นสัญญานั้นเพราะอะไร อย่างไรก็ตามจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในช่วง 1-2 วันจากนี้ โดยส่วนตัวเชื่อว่าเป็นการปรับพอร์ทของผู้จัดการกองทุนต่างประเทศที่เข้าสู่ช่วงสิ้นเดือนของทุกๆเดือน ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่ผู้จัดการกองทุนจะต้องทำ
โดยเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นบังเอิญตรงกับช่วงสิ้นเดือนของตลาดหุ้นไทย และเป็นช่วงของการหยุดยาวปิดตลาด 2 วันทำการ จึงส่งผลให้อาจจะมีออเดอร์สัญญาที่ค้างอยู่ ส่วนประเด็นที่หลายฝ่ายมองว่าเป็นเพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด19 ในประเทศไทยที่รุนแรงนั้น ด้วยภาพแบบนี้ก็มีให้เห็นมาสักระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งถือว่าไม่ได้น่ากังวลอะไรมาก และนักลงทุนมีความคุ้นชินกับสถานการณ์
สำหรับภาพในระยะถัดไปจะต้องติดตามดูว่าหากนักลงทุนต่างชาติยังมีสถานะสัญญาช็อตหุ้นในระดับสัญญาที่เยอะอยู่นั้นจะต้องเริ่มหาสาเหตุแล้วว่านักลงทุนต่างชาติมองเห็นสัญญาณอะไร แต่อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นไทยในวันนี้ก็มีแรงซื้อที่เป็นการรีบาวด์ทางเทคนิคให้เห็นแล้ว จังหวะนี้นักลงทุนควรจะเข้าลงทุนในช่วงที่ตลาดกำลังมีความกังวล เพราะวิเคราะห์จากสถานการณ์แล้วโดยรวมภาพของการฟื้นตัวจะกลับมาขึ้นทุกอย่างจะปลดล็อกหากมีการฉีดวัคซีนเพิ่ม
นายภาดล วรรณรัตน์ หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ตั้งข้อสังเกตุว่าการที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเมื่อวันที่ 5 พ.ค.64 ไปกว่า 10,000 ล้านบาท เป็นเพราะความกังวลเรื่องตัวเลขของผู้ติดเชื้อโควิด19 รายใหม่ของไทย ประกอบกับนโยบายการฉีดวัคซีนที่ล่าช้า ขณะเดียวกันก่อนหน้านี้ตลาดหุ้นไทยปิดทำการชดเชยวันหยุด 2 วันจึงอาจจะทำให้เห็นออเดอร์การขายที่เป็นระดับสูงในช่วงวันแรกที่เปิดทำการ
ขณะเดียวกัน มีความกังวลว่าตัวเลขการเติบโตของ GDP อาจจะโตไม่ได้ตามแผนที่วางไว้และอาจจะถูกปรับประมาณการลงได้อีก สาเหตุเพราะการระบาดของโควิด และไทม์ไลน์ของการฉีดวัคซีนที่อาจจะล่าช้ากว่าแผนที่หลายฝ่ายคาดการณ์ จึงทำให้นักลงทุนต่างชาติเลือกที่จะขายเพื่อนำเงินไปลงทุนอย่างอื่นเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีกว่า
อย่างไรก็ตามมองว่ากระแสเงินทุนต่างชาติมีโอกาสที่จะไหลกลับเข้ามายังตลาดหุ้นไทยได้ ถ้าหากจำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศลดลงต่อเนื่อง ประกอบกับมีภาพของการฉีดวัคซีนที่ชัดเจน และบรรยากาศของการเปิดประเทศเริ่มที่จะเป็นจริงมากขึ้น ดังนั้นกลุ่มที่จะสามารถรีบาวด์กลับมาได้คือกลุ่ม Domestic play

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0