โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

“เบียร์ 0%” จะสะดุดหรือไม่? เมื่อสรรพสามิตกำลังหาช่อง “รีดภาษี”

Positioningmag

อัพเดต 18 เม.ย. 2562 เวลา 03.54 น. • เผยแพร่ 18 เม.ย. 2562 เวลา 00.59 น.

ในภาวะที่“ตลาดเบียร์ไทย” มูลค่ารวม 1.8 แสนล้านบาท กำลังอยู่ในภาวะความซบเซาจากภาวะชะลอตัวจากสภาพเศรษฐกิจ ส่งผลกระทบต่อยอดจำหน่ายโดยรวมในทุกเซ็กเมนต์ การทำโปรโมชั่นอย่างเดียวอาจจะทำให้ตลาดกลับมาคึกคักได้ไม่มากนัก ทางออกคือการหาสินค้าใหม่ๆ ที่จะสร้างความว้าวเพื่อปลุกตลาดให้ตื่นอีกครั้ง

ช่วงที่ผ่านมาสินค้าที่สร้างสีสันและTalk of the town ให้กับผู้บริโภคมากที่สุด เห็นจะเป็นการเปิดตัวเซ็กเมนต์ใหม่“เบียร์0%” ซึ่งแบรนด์เรียกชื่อว่า“เครื่องดื่มมอลต์ไม่มีแอลกอฮอล์ หรือ“เบียร์ไม่มีแอลกอฮอล์” ก็ย่อมได้

“Heineken” ผู้จุดกระแส

แบรนด์ที่จุดกระแสนี้คือ“Heineken” เจ้าตลาดในเซ็กเมนต์เบียร์พรีเมียม ได้เปิดตัว*“Heineken 0.0” *ซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์แต่คงรสชาติแบบ Heineken เอาไว้ โดยเปิดตัวครั้งแรกในปี 2017 ในประเทศเนเธอร์แลนด์ สเปนและเยอรมนี ตามมาด้วยอังกฤษและฝรั่งเศส

ขณะนี้มีวางจำหน่ายในตลาด 38 แห่งทั่วโลก รวมทั้งยุโรป อเมริกาเหนือ และออสเตรเลีย ส่วนการเข้ามาในเมืองไทยเป็นแห่งที่2 ในเอเชียแปซิฟิก ต่อจากสิงคโปร์

Heineken ชูจุดเด่น0% แอลกอฮอล์ ที่ไม่สามารถดื่มแอลกอฮอล์ หรืออาจจะไม่ต้องการดื่มในบางเวลา โดยให้พลังงาน 69 แคลอรีต่อขวด โดยHeineken ย้ำว่าไม่ได้หวังใช้ผลิตภัณฑ์นี้เพื่อการ โฆษณา 

แต่ชื่อ Heineken 0.0” นอกจากสร้างการรับรู้ได้ และการเป็นเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ก็ไม่ผิดกฎหมาย สามารถโฆษณาได้ในทุกช่องทางไม่เหมือนเบียร์ ที่ถูกกำจัดไว้ตอนดึกเท่านั้น

“บาวาเรีย” ขอแจมด้วย

ขณะเดียวกัน“บาวาเรีย” ก็เป็นอีกรายที่ลุกขึ้นมาทำตลาดอย่างจริงจังเช่นเดียวกัน แม้จะเข้ามาในเมืองไทยได้5 ปีแล้ว แต่ที่ผ่านมาไม่ได้มีการทำตลาดที่จริงจังมากนัก ล่าสุดได้ลุกขึ้นมา Active โดยนำเข้าสินค้าใหม่ทั้ง รสแอปเปิล เลมอน สตรอวเบอร์รี่ ภายใต้แบรนด์“บาวาเรีย 0.0% มอลต์ ดริ้งค์”

การลุกขึ้นมาทำตลาด“เบียร์0%” พร้อมๆ กันทำให้เกิดคำถามว่า ทำไมตลาดนี้ถึงได้น่าสนใจนัก เพราะในเมืองไทยไม่ค่อยคุ้นหูสักเท่าไหร่?

ข้อมูลจาก Global Market Insights แสดงให้เห็นว่า มูลค่าตลาดเบียร์ไร้แอลกอฮอล์ในทวีปเอเชียแปซิฟิก มีมูลค่ามากกว่า1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ4.95 หมื่นล้านบาทในปี 2016 ซึ่งตลาดหลักในทวีปเอเชียแปซิฟิก ได้แก่ จีน อินเดีย เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น

นอกจากนี้ตลาดเบียร์ไร้แอลกอฮอล์ในประเทศสหราชอาณาจักรเติบโตกว่า15% ในช่วง2 ปีที่ผ่านมา(อ้างอิงจากข้อมูลเว็บไซต์ beveragedaily.com

ขณะเดียวกันกระแสการบริโภคเครื่องดื่มที่แปลกใหม่ทำให้เบียร์ไร้แอลกอฮอล์ หรือเบียร์ 0.0% ได้รับความสนใจ และเพิ่มความนิยมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลก

3 ค่ายเบียร์หลัก ลงชิงชัยสมรภูมิแอลกอฮอล์ต่ำ

ก่อนหน้านี้3 ค่ายเบียร์หลักในบ้านเราต่างออกสินค้าที่มีแอลกอฮอล์ต่ำจากปรกติซึ่งอยู่ราว5 - 8% ลงตลาดอย่างคึกคัก โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคในทุกเซ็กเมนต์ รวมถึงตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายท่าม กลางสมรภูมิการแข่งขันอันแสนดุเดือด

โดย กลุ่มบริษัททีเอพี ซึ่งเป็นผู้ทำตลาดของHeineken มีสินค้า2 ตัวได้แก่ ไทเกอร์ แรดเลอร์ แอลกอฮอล์2% และ เชียร์สSiam Weizen แอลกอฮอล์4%

ส่วน ค่ายเบียร์สิงห์ ก็ไม่พลาดที่จะออก ยูเบียร์ แอลกอฮอล์4.5%, มายเบียร์ แอลกอฮอล์4.5% และสโนว์วี่ ไวเซ่นby est.33 แอลกอฮอล์4%

แน่นอน ค่ายช้าง ของเจ้าสัวเจริญจะอยู่นิ่งได้อย่างไรจัดไปทั้ง ฮันทส์เมนCloudy Wheat Beer แอลกอฮอล์4% และแบล็ค ดราก้อน เบียร์แดง แอลกอฮอล์4%

สรรพสามิตกำลังหาช่อง“รีดภาษี”

อย่างไรก็ตาม“เบียร์0%” จะสะดุดหรือไม่? เพราะล่าสุดกรมสรรพสามิตกำลังหาช่อง“รีดภาษี” อยู่ โดย“พชร อนันตศิลป์” อธิบดีกรมสรรพสามิต เผยว่า จะเปิดพิกัดภาษีใหม่ สำหรับภาษีสรรพสามิตเบียร์ไร้แอลกอฮอล์ หรือเบียร์0% ป้องกันไม่ให้ไปประชาชนทดลองไปดื่มเบียร์0% จนนำไปสู่การดื่มเบียร์ที่มีแอลกอฮอล์ในอนาคต 

ปัจจุบันเบียร์0% เสียภาษีสรรพามิตประเภทเครื่องดื่มเหมือนน้ำอัดลม ที่อัตรา14% บวกกับค่าความหวาน โดยเบียร์0% ที่จำหน่ายในประเทศไทยตอนนี้มีทั้งนำเข้าและผลิตในประเทศราคาอยู่ที่กระป๋องละ33 - 99 บาท เสียภาษีสรรพสามิตอยู่ที่4 - 12 บาท

ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขต้องการให้กรมสรรพสามิตเก็บภาษีเบียร์0% เท่ากับเบียร์ปกติทั่วไปที่เสียภาษีอยู่ที่22% ของราคาขายปลีก แต่กรมไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะกฎหมายของกรมสรรพสามิตกำหนดไว้ชัดว่าเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ผสมต่ำกว่า 0.5% ให้เสียภาษีประเภทเครื่องดื่ม

ดังนั้นการเก็บภาษีเบียร์0% จึงต้องกำหนดอัตราภาษีใหม่ ซึ่งในหลักการต้องภาษีต้องสูงกว่าอัตราภาษีเครื่องดื่ม แต่ต้องต่ำกว่าภาษีเบียร์ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในระบบภาษี ซึ่งคาดว่าจะสรุปได้ ช่วงหลังสงกรานต์

ทั้งนี้การกำหนดเบียรอัตราภาษีใหม่เก็บเบียร์0% ต้องไม่ไปกระทบกับยาบางประเภท เช่น ยาแก้ไอ ยาแก้ท้องเสียที่ส่วนผสมแอลกอฮอล์อยู่ด้วย

ทางกระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยก่อนหน้านี้ว่าการโฆษณาเบียร์ไม่มีแอลกอฮอล์ถือว่าผิดกฎหมายของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) เพราะไม่ได้ถือว่าเป็นเบียร์ จึงใช้คำว่าเบียร์ไม่มีแอลกอฮอล์ไม่ได้ แต่เป็นเครื่องดื่มมอลต์ก็ต้องใช้ว่าเครื่องดื่มมอลต์ปราศจากแอลกอฮอล์

เจอศึกหนักตั้งแต่แจ้งเกิดได้ไม่กี่เดือนเลยทีเดียวสำหรับ“เบียร์0%” ต้องติดตามต่อไปว่า หลังเทศกาลสงกรานต์2562 ผ่านพ้นไป กรมสรรพสามิตจะว่าอย่างไรบ้าง!

อ้างอิง: MGR Infographics

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0