ถกงบ 63 ไม่หวือหวา “เทพไท” ตั้งฉายา “งบโปลิโอ หัวโต ขาลีบ” กระจุกแต่กทม. ด้าน “เสมอกัน” อัดงบกระจุก โครงการประชารัฐ ด้าน “ชวลิต” ซัดผลาญงบกลางไม่เข้าหลักเกณฑ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 63 ในช่วงบ่ายถึง เย็นก่อน เคารพธงชาติ ไม่คึกคักเท่าที่ควร สมาชิกทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลสลับกันอภิปรายอย่างกว้างขวาง โดยส.ส.ฝ่ายรัฐบาลยังคงสนับสนุน อาทิ นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า ตนพิจารณารายละเอียดของการจัดงบด้านโลจิสติกส์ ของกรมต่างๆที่เกี่ยวข้องกับระบบโลจิสติกส์ เช่น กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท กรมเจ้าท่า กรมขนส่งทางราง กรมขนส่งทางบก กรมท่าอากาศยาน รวมถึงการจัดงบประมาณของรัฐวิสาหกิจต่างๆ มีการจัดงบฯน้อยมาก โดยเฉพาะการพัฒนาศูนย์โลจิสติกส์ของภาคใต้ ที่อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางถนน และทางรถไฟ สามารถเชื่อมต่อการขนส่งทางน้ำลงสู่อ่าวไทย และทะเลอันดามันได้ การคมนาคมทางถนนเป็นศูนย์กลางการขนส่งเชื่อมต่อกับกรุงเทพฯ และมาเลเซียได้ แต่รัฐบาลไม่ได้ให้ความสำคัญในการจัดงบประมาณรองรับเลย ทางหลวงสำหรับภาคใต้ก็มีเพียงสายเดียวคือ ถนนเพชรเกษม ไม่มีถนนทางเลือกหรือถนนคู่ขนานลงสู่ภาคใต้เลย ในขณะที่ภาคอื่นๆมีถนนมอเตอร์เวย์ มีทางหลวงระหว่างเมืองครบทุกภาค ยกเว้นภาคใต้ จึงขอเสนอให้สร้างรถไฟรางคู่ไปถึงสถานีรถไฟทุ่งสง สร้างถนนมอเตอร์เวย์สู่ภาคใต้ สร้างถนนโลว์คอลโรดคู่ขนานกับทางรถไฟ ซ่อมแซมและฟื้นฟูถนนทางหลวงหมายเลข 4 และ42 เพื่อเป็นการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ในภาคใต้อย่างแท้จริง
“จึงอยากจะบอกกับรัฐบาลว่า กรุงเทพฯไม่ใช่ประเทศไทย และประเทศไทยก็ไม่ใช่เฉพาะกรุงเทพฯเท่านั้น ถ้ารัฐบาลจัดงบประมาณกระจุกตัวเฉพาะในเมืองหลวงแบบนี้ ก็จะตั้งฉายางบประมาณปีนี้ว่า งบโปลิโอ หัวโต ขาลีบ ขอเสนอให้นำไปปรับปรุงแก้ไขในการพิจารณาวาระที่2 ถ้าทำในปีงบประมาณนี้ไม่ได้ ก็ขอให้จัดงบประมาณในปีหน้า”นายเทพไท กล่าว
ขณะที่นายเสมอกัน เที่ยงธรรม ส.ส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา อภิปรายเน้นย้ำให้รัฐบาลต้องเร่งพัฒนาโครงการสวัสดิการประชารัฐให้ดีขึ้น เพื่อสร้างผลงานให้ประชาชนเห็นที่ประจักษ์ ซึ่งจะให้รัฐบาลอยู่ในตำแหน่งได้ยาวขึ้นและจะเป็นผลดีต่อการเลือกตั้งในอนาคต ซึ่งงบฯมีงบลงทุนประมาณ 20% เท่านั้น ทั้งที่จะต้องเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งเป็นจำนวนน้อย เพราะหากเกิดการลงทุนน้อย เศรษฐกิจจะเติบโตช้า และกระทบต่อความสามารถในการชำระภาษี สัดส่วนหนี้สินต่อจีดีพี ยังอยู่ในสัดส่วนที่เราสามารถกู้เงินได้ หากรัฐบาลใช้ช่องทางนี้บวกกับการใช้งบกลางเพื่อการลงทุนถึงรากหญ้า เชื่อว่าจีดีพีจะเกินเป้าที่รัฐบาลได้ตั้งเอาไว้
นายเสมอกัน กล่าวว่า สำหรับโครงการประชารัฐต่างๆ เป็นเรื่องที่ดีเพราะทำให้เงินถึงมือประชาชนอย่างแท้จริง ลดข้อครหาเรื่องการทุจริต แต่ยังเกิดปัญหาว่าเงินกระจุกอยู่ อยากให้รัฐบาลใจกว้างเปิดรับฟังข้อดีข้อเสียจากทุกฝ่าย เพื่อให้เกิดการพัฒนาต่างๆให้ดีขึ้น บัตรสวัสดิการแห่งรัฐมีเงินให้คนละ500บาท จำนวน 14 ล้านใบ เป็นเงินต่อเดือนประมาณ 7 พันล้านบาท เงินจำนวนนี้ถ้าเข้าร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ เงินจะหมุนแค่ครั้งเดียว แต่ถ้าเงินนี้ไปส่งเสริมการลงทุนให้กับเกษตรกรในด้านเครื่องมือการทำเกษตร เชื่อว่าจาก 7 พันล้านบาทจะกลายเป็นเงินสองหมื่นล้านบาททันที ผมสนับสนุนโครงการประชารัฐแต่อยากให้พัฒนาให้ดียิ่งๆขึ้นไป
"เรามีอำนาจอยู่ในมือครับ ขอให้รับฟังทุกภาคส่วนเพื่อพัฒนาเรื่องต่างๆให้ดีขึ้น เพราะถ้าดีขึ้นแล้วผมและพรรคชาติพัฒนาเป็นพรรคร่วมรัฐบาล รัฐบาลอยู่ยาวๆพวกผมก็ชอบครับ พวกผมไม่มีใครชอบการเลือกตั้ง แต่ถ้าเกิดเราทำให้ประชาชนพอใจได้และจดจำผลงานของเรา การเลือกตั้งครั้งหน้าก็จะเบาลง ไปดูประวัติศาสตร์ได้ครับ" เสมอกัน กล่าว
ส่วนส.ส.ฝ่ายค้าน ยังคงอภิปรายโจมตีการจัดงบไม่สมดุลและไม่มีทิศทางลดปัญหาความเลื่อมล้ำ เช่นนายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย อภิปรายติงการลงทุนภาครัฐ ว่ารัฐบาลควรจะเดินนำหน้า ที่กลับย้อยหลังไป 5 ปี ทั้งที่การลงทุนควรเดิน 2 ขาคือภาครัฐกับเอกชน แต่การลงทุนภาคเอกชนนิ่งสนิท มีแค่การทุนลม เพราะขาดความเชื่อมั่นในระบบการเมือง ทำให้ประเทศกลายเป็นคนพิการเดินกะเผลก และเห็นว่ารัฐบาลใช้งบกลางไม่เข้าหลักเกณฑ์ ใช้งบ 2,800 ล้านบาท ซื้อรถถังสไตรเกอร์ ทั้งที่ปัญหาความมั่นคงกับประเทศเพื่อบ้านไม่มีแนวโน้มที่จะเกิดข้น ถือเป็นการใช้งบที่ไม่จำเป็นเร่งด่วน หากตนเป็นรัฐบาลก็จะเอางบส่วนนี้ไปช่วยเกษตรกรที่กำลังขาดแคลนน้ำ และประสบภัยน้ำท่วมดีกว่า